งูพิษสีแปรผัน อันตรายที่อาจทำให้ถึงตาย

อันตรายจากความที่ รู้ไม่จริง,ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือความรู้มากพอ อาจทำให้ถึงตายได้ กับงูพิษสีแปรผันที่หน้าตาเหมือนงูไม่มีพิษ
ภัยใกล้ตัวของคนติดโซเชียลในกลุ่มคนเห่องู

** คำเตือน กระทู้นี้มีรูปงู ผู้ที่กลัวงูโปรดอ่านอย่างระมัดระวัง (รูปอยู่ในสปอยล์)

สรุปใจความสำคัญสำหรับผู้ที่ขี้เกียจอ่านยาว
งูพิษบางตัวมีลักษณะสีแปรผัน อันเกิดจากความผิดปกติ ทำให้ดูคล้ายกับงูไม่มีพิษได้
การจำแนกชนิดของงูไม่ใช่จะดูแค่สีหรือลวดลาย แต่ต้องดูไปถึงลักษณะที่เฉพาะเจาะจงของสายพันธุ์ เช่นรูปทรงหัว/ลำตัว ลักษณะของเกล็ด ฯลฯ
การเข้าใกล้งูด้วยความรู้ครึ่งๆกลางๆอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
อย่าเห่องูเพราะแค่ได้รับความรู้มามากกว่าคนอื่นจากสื่อ แล้วมั่นใจจนพลาดเสียชีวิต เพราะหลงคิดว่าเท่ เอาไปอวดโซเชียล

ประเทศไทยมีงูอยู่หลายร้อยชนิดแต่ที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่งู แต่คือ “ความไม่รู้จริง แต่มั่นใจ ในการจำแนกชนิดงู” โดยเฉพาะในกรณีของ “งูสีแปรผัน”
งูกลุ่มนี้สามารถมีสีสันลำตัวที่หลากหลายมากกว่าปกติจนบางครั้งทำให้งูที่มีพิษดูคล้ายงูไม่มีพิษอย่างมากทำให้หลายคนเข้าใจผิด และกล้าจับ กล้าเข้าใกล้สุดท้ายอาจโดนกัด ได้รับพิษจนถึงขั้นเสียชีวิต

งูสีแปรผันคืองูอะไร?
งูสีแปรผัน ไม่ใช่ชื่อเรียกชนิดงูชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ งูสีแปรผัน คือ งูธรรมดาสายพันธุ์ต่างๆที่สามารถมีสีหรือลวดลายแตกต่างจากปกติที่พบโดยทั่วไป ทั้งนี้อาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ลักษณะภายนอกของงูชนิดนั้นๆ ดูเปลี่ยนไป จนบางครั้ง ดูเหมือนเป็นคนละชนิดกับต้นแบบเดิม เป็นความผิดปกติลักษณะหนึ่ง จนอาจทำให้ยากต่อการระบุชนิดหรือจำแนกได้ง่ายๆ
ซึ่งในบางกรณีอาจส่งผลให้ “งูพิษดูเหมือนไม่มีพิษ” หรือ “งูไม่มีพิษดูเหมือนงูพิษ”

ตัวอย่างที่พบได้บ่อยในไทยคือ “งูเขียวหางไหม้” ซึ่งเป็นงูพิษในกลุ่มไวเปอร์ มีพิษต่อระบบเลือด โดยปกติจะมีสีเขียวสดกับหางสีแดง แต่ก็มีบางตัวที่มีสีแปรผัน เช่น เขียวอมเทา เขียวหม่น หรือเขียวมะกอก ซึ่งทำให้มันดูคล้ายกับ “งูเขียวพระอินทร์” ที่ไม่มีพิษ

หรือในบางกรณี งูแมวเซาซึ่งโดยปกติมีลายจุดชัดเจนอาจมีสีซีดหรือลายเลือนจนดูคล้ายงูไม่มีพิษบางชนิด หากไม่มีความรู้ในการสังเกตลักษณะเฉพาะ เช่น เกล็ด หัว หรือรูม่านตาก็ยากมากที่จะแยกออกด้วยตาเปล่า

ตัวอย่างงูพิษสีแปรผันที่พบในประเทศไทย
1. งูเขียวหางไหม้สีแปรผัน ที่ทำให้สีตัวกลายเป็นสีอมฟ้าและสีบริเวณหางที่ควรจะเข้มสดกลับซีดลง จนดูเหมือนงูเขียวที่ไม่มีพิษภัย (รูปในสปอยล์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. งูทับสมิงคลาสีแปรผัน งูพิษอันตรายที่ดันมีสีแปรผันจนสีสันของเกล็ดที่ตัวสะท้อนแสงสีรุ้ง จนดูคล้ายงูแสงอาทิตย์ที่น่ารักเป็นมิตรและไร้พิษภัย
เคสนี้โชคดีที่ผู้พบเห็นมีความรู้เรื่องงูมากพอและสามารถจำแนกชนิดได้จากลักษณะของเกล็ดหลัง แต่ก็เกือบไปเหมือนกันเนื่องจากตอนแรกเขาพุ่งเข้าไปจับหางแล้วเรียบร้อยเพราะหลงคิดว่าเป็นงูแสงอาทิตย์ ก่อนจะเห็นเกล็ดหลังแล้วรู้ตัวถึงอันตราย โชคดีที่งูชนิดนี้แม้จะมีพิษร้ายมากๆก็ตาม แต่ไม่ได้มีนิสัยดุร้ายเขาจึงไม่ได้ถูกแว้งกัดในทันที แต่ถ้ามันรู้สึกถึงอันตรายและต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดก็ไม่น่ารอด (รูปในสปอยล์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ความอันตรายอยู่ตรงที่ คนจำนวนมากมักดูงูจากลักษณะของสีสันแทนที่จะดูจากลักษณะทางสรีรวิทยา ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้ไม่ได้กับงูที่มีสีแปรผัน
สิ่งนี้นำไปสู่ความประมาท เช่น การจับงูด้วยมือเปล่า การพยายามไล่หรือถ่ายคลิปอย่างใกล้ชิด
หรือแม้กระทั่งปล่อยให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้เพราะคิดว่าไม่อันตราย ทั้งที่งูพิษเหล่านั้นพร้อมกัดเมื่อรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย
และเมื่องูปล่อยพิษเข้าสู่ร่างกาย ก็อาจเกิดอาการรุนแรง เช่น เลือดออกไม่หยุด กล้ามเนื้อสลาย หรือระบบหายใจล้มเหลวได้

จึงควรจำไว้เสมอว่า ไม่ใช่งูมีสีเขียว หรือสีรุ้ง แล้วจะไม่มีพิษ สีของงูไม่ใช่หลักในการตัดสินความอันตราย ยิ่งในกรณีของงูพิษที่มีสีแปรผัน ยิ่งไม่ควรคาดเดาโดยไม่รู้จริง
หากพบงูในบ้านหรือบริเวณใกล้เคียงควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ และรีบแจ้งผู้เชี่ยวชาญให้เข้าจัดการ
อย่าเสี่ยงด้วยตัวเอง เพราะความมั่นใจที่มาจากข้อมูลที่ได้รับมาเล็กน้อยแต่ไม่เชี่ยวชาญมากพอ อาจนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น


บ่นทิ้งท้าย
จริงๆแล้วชั่งใจอยู่นานว่าจะตั้งกระทู้ดีไหม เพราะอาจจะเป็นกระทู้เรียกแขกให้กลุ่มคนรักงูเข้ามารุมพาทัวร์มาลง
แต่อดไม่ไหว อยากเตือนจริงๆ เพราะชีวิตนั้นมีค่ามากมาย ทั้งต่อครอบครัวและระบบเศรษฐกิจ
การที่คนหนึ่งคนเสียชีวิตลง มันไม่ได้จบแค่นั้น ผลกระทบมันเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น ลูกหลาน พ่อแม่ ที่ต้องเสียใจหรืออาจจะสูญเสียเสาหลักของครอบครัว และยังกระทบไปถึงภาคเศรษฐกิจ เพราะแรงงานหายไป ถ้าหลายคนเข้าก็กระทบไม่น้อยเลย

เนื่องจากหลังๆมาจะเห็นบ่อยๆตามกลุ่มโซเชียล ที่ชอบถ่ายภาพงูที่พบมาอวดกันด้วยความภาคภูมิใจกับแคปชั่น "ในที่สุดก็มีงูเป็นของตัวเองแล้ว"
มันไม่ได้เท่เลย แต่เพราะอุปทานหมู่ที่ทำให้เกิดความรู้สึกหลงผิดและคุยเล่นจนเหมือนได้รับความชื่นชม กลายเป็นดาบสองคมที่แสนอันตราย

อย่างล่าสุด มีคนเข้าไปถ่ายรูปงูกะปะในระยะเผาขนเพราะไม่รู้ว่ามีพิษร้ายแรง เพื่อมาโพสในกลุ่มเฟสบุ๊ค
ไม่รู้ว่าคิดอะไรถึงใจกล้าขนาดนั้น โชคดีที่งูตัวนั้นไม่ทำร้ายเขาทั้งที่ปกติฉายาของมันคือ กับระเบิดมีชีวิต เพราะนิสัยที่ชอบซุ่มเงียบอยู่นิ่งๆพรางตัวเก่ง แต่เมื่อใครเข้าใกล้ก็จะฉกทันทีดุร้ายมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่