“ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน...” ภาษาอังกฤษพูดว่า

แปลแบบบตรงตัว เข้าใจง่ายที่สุดคือ 📌 “Everything happens for a reason.” หรือ 📌 “There’s a reason for everything.” (หรือจะพูดมุมกลับว่า 👉🏻 “Nothing happens by accident.” ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ก็ความหมายเดียวกันครับ)

แต่ทั้งนี้ในวัฒนธรรมอังกฤษอาจจะมีวิธีพูดที่ต่างกัน โดยเฉพาะกับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ จะมีอีกประโยคที่ใช้สื่อประมาณนี้ที่พูดกันบ่อย ๆ คือ 📌 “God doesn’t make mistakes.” (พระเจ้าไม่เคยทำผิดพลาด) ความหมายก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นแม้เราจะไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่มันมีเหตุผลซ่อนอยู่แน่นอน และอีกประโยคที่ออกแนวอิงไปทางศาสนาคล้าย ๆ กัน 📌 “The universe has a plan.” (จักรวาลมีแผนการของมัน)

ลองมาดูประโยคอื่น ๆ ที่สื่อความหมายว่า “ทุกอย่างมีเหุตผลของมัน” ในภาษาอังกฤษ

✅ “It’s all part of the plan.
(มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ)
*หมายถึงแผนการของพระเจ้า หรือจักรวาล ที่ทำให้มันเกิดขึ้น เดี๋ยวพอแผนนั้นสำเร็จ เราจะเข้าใจเหตุผลที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเอง

✅ “It all works out in the end.
(สุดท้ายมันจะกระจ่างเอง)

✅ “Life has a (funny) way of working things out.
*ประโยคนี้อาจจะแปลไทยยากหน่อย แต่มันให้ความหมายคล้ายกับประโยคก่อนหน้าครับ คือเป็นการบอกอีกฝ่ายว่าสุดท้ายแล้วชีวิตก็จะทำให้เราเข้าใจเหตุผลของทุกเรื่องที่เกิดขึ้น

หนึ่งประโยคที่ผมชอบคือ 📌 “Sometimes the “why” shows up later.” (บางครั้ง “เหตุผล” ก็ชัดเจนขึ้นในตอนหลัง) เป็นคำที่เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกับเด็ก ๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกมีกำลังใจเลย

มีหนึ่งสำนวนที่ฟังแล้วรู้สึกเท่เลยคือ 🔥 “There’s method to the madness.” แปลตรงตัวว่า ในความวุ่นวายมันมีหลักการของมัน เป็นการบอกว่าเรื่องที่เกิดแม้จะดูมั่วซั่วหรือไร้เหตุผลแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่ามันมีสาเหตุอยู่ (อาจจะพูดสั้น ๆ ว่า 👉🏻 “It wasn’t random.” หรือ 👉🏻 “The dots will connect later.” ก็ได้ครับ)

ขอจบกับประโยคแบบทางการสักหน่อย ถ้าจะพูดให้ฟังดูจริงจังสุด ๆ เราอาจจะบอกว่า ✅ “Everything falls into place eventually.” (fall into place = make sense หรือมีเหตุผลที่เข้าใจได้ / eventually = ท้ายที่สุด) และอีกประโยคคือ ✅ “Things always happen the way they’re supposed to.” (ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในแบบที่มันควรเกิดนั่นแหละ)

โดยส่วนมากฝรั่งเขาจะมีวิธีการพูดประมาณว่า สุดท้ายเราจะเข้าใจเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้นเอง (ดังนั้นตอนนี้ให้ใจเย็นและอดทนไว้ก่อนนะ!)
_______________

บริบทที่ 1: การเลิกราก็มีเหตุผลของมัน
A: “I just don’t get it. Three years, and he just walked away like none of it mattered.” 😞
(ฉันไม่เข้าใจเลย คบกันมาตั้งสามปี สุดท้ายก็เลิกกันไปง่าย ๆ แบบนี้เลย)
B: “I know it hurts. But maybe it’s not about what you lost — maybe it’s making space for what’s next.” 🙂
(ฉันรู้เธอเสียใจ แต่บางทีสิ่งที่มันเสียไปแล้ว อาจเพื่อให้เราได้เจอกับสิ่งใหม่ ๆ ก็ได้นะ)
A: “Doesn’t feel that way. Feels like everything fell apart.” 😥
(ไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันพังลงไปแล้ว)
B: “Yeah. But everything happens for a reason. Even the pain.” 😦
(เชื่อสิว่าทุกอย่างมีเหตุผลของมัน แม้กระทั่งความเจ็บปวด)
A: “I wish I knew what that reason was.
(ฉันล่ะอยากรู้เหตุผลของเรื่องนี้จังเลย)
B: “You will. Just not today. God doesn’t make mistakes — even when it feels like one.” 🙂
(เธอจะได้รู้แน่นอน แค่ไม่ใช่ตอนนี้ สิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องผิดพลาด แต่อาจเป็นโชคชะตาก็ได้)

บริบทที่ 2: พลาดงานนี้ไป (อาจเพราะไม่เหมาะกับเรา)
A: “I was so sure I’d get that job. I crushed the interviews.” 😭
(ตอนแรกฉันโคตรมั่นใจเลยว่าต้องได้งานนี้แน่ ตอนสัมภาษณ์ทำดีมาก)
B: “I know you did. That one really seemed like the right fit.” 🤔
(ผมมั่นใจว่าคุณทำได้ดี เพราะงานนี้มันก็ดูเหมาะกับคุณมาก ๆ เอาจริง)
A: “Yeah, and now I feel like I’m just… stuck again.” 😞
(อืม ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนติดแหง็กอยู่ที่เดิมอีกแล้ว)
B: “I get it. But maybe it’s all part of the plan — even if it doesn’t make sense yet.” 😦
(ผมเข้าใจนะ แต่บางทีมันอาจจะมีเหตุผลซ่อนอยู่ก็ได้ ถึงตอนนี้จะยังไม่เห็นก็เถอะ)
A: “You really think so?” 😕
(คุณคิดงั้นเหรอ)
B: “Yeah. Life has a funny way of working things out. Sometimes the best stuff shows up after a door closes.” 🙂
(ก็ใช่น่ะสิ ชีวิตมันก็ตลกแบบนี้แหละ เรื่องดี ๆ มันมักจะตามมาหลังจากที่เราผ่านเรื่องแย่ ๆ เสมอ)

บริบทที่ 3: อีกครั้งที่ต้องโยกย้าย
A: “I still don’t know why I had to move. I hated leaving everyone behind.” 😢
(ไม่เข้าใจทำไมฉันต้องได้ย้ายที่ด้วย ไม่อยากจากทุกคนไปเลย)
B: “Yeah, but look what came out of it. New job, new people — you’re doing more than you ever did back home.” 🙂
(เข้าใจ แต่มองในแง่บวก งานใหม่ เพื่อนใหม่ มีอะไรใหม่ ๆ ให้ทำมากกว่าที่นี่เยอะ)
A: “Maybe. It just felt like everything got flipped upside down.” 😦
(ก็อาจจะ แค่รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด)
B: “Sometimes the “why” shows up later. You don’t always see it in the middle of it.” 🧐
(บางครั้งเหตุผลมันจะชัดเจนขึ้นทีหลัง ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจหรอก)
A: “I hope you’re right.” 🙏🏻
(ขอให้มันเป็นเช่นนั้นเถอะสาธุ)
B: “You’ll see. Everything falls into place eventually — even the messy parts.” 🙂
(เชื่อสิ ท้ายที่สุดทุกอย่างมันจะลงตัวเอง แม้กระทั่งเรื่องที่ดูไม่มีเหตุผล)

รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน
JGC. ✌🏻🇬🇧
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่