จะหาประชากรกลุ่มตัวอย่างได้ที่ไหน

หนูทำแอปเกี่ยวกับบันทึกรายรับ-จ่าย
แต่กลุ่มประชากรอาจารย์บอกว่าไม่ให้เอาในวิทยาลัยแล้วหนูจะต้องไปหาข้างนอกยังไงคะ คือจะต้องติดต่อ โรงเรียนๆอื่นๆให้เขาลองใช้แอปของเราหรือคะแอบกลัวๆ เราจะบอกให้คนนอก เขามาทดลองใช้แอปของเรายังไง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมเราต้องหา กลุ่มตัวอย่างจากภายนอก แทนที่จะใช้เพื่อนๆ ในวิทยาลัย การทดสอบแอปกับกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนที่อยู่นอกวงการหรือบริบทที่เราคุ้นเคย (เช่น นอกวิทยาลัย) จะช่วยให้เราได้ ฟีดแบ็กที่กว้างขึ้น และ สมจริงมากขึ้น

เพราะกลุ่มคนในวิทยาลัยอาจจะมีพฤติกรรมหรือมุมมองที่คล้ายกัน (เช่น เป็นนักศึกษา อยู่ในวัยเดียวกัน) ซึ่งอาจทำให้ผลการทดสอบแอปของเรา ลำเอียง หรือไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของแอป

ถ้าแอปของน้องเป็นแอปบันทึกรายรับ-รายจ่าย กลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ได้จำกัดแค่นักศึกษา อาจจะรวมถึง มนุษย์เงินเดือน, ฟรีแลนซ์, แม่ค้าออนไลน์, หรือแม้แต่ ครัวเรือนทั่วไป ที่ต้องการจัดการการเงินให้เป็นระบบ การหาคนจากข้างนอกมาทดสอบจะช่วยให้เราเห็นว่าแอปของเราตอบโจทย์คนกลุ่มต่างๆ ได้ดีแค่ไหน และที่สำคัญ มันจะช่วยให้เรา ปรับปรุงแอปให้ใช้งานง่าย และเหมาะกับทุกคนมากขึ้นด้วย

นานางงในงงกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมสำหรับแอปบันทึกรายรับ-รายจ่ายคือใคร
ก่อนที่เราจะไปหาคนมาทดสอบ เราต้องรู้ก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายของแอปเรา คือใครบ้าง? สำหรับแอปบันทึกรายรับ-รายจ่าย กลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมอาจแบ่งได้ดังนี้

มนุษย์เงินเดือน
คนกลุ่มนี้มักมีรายได้ประจำ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายเยอะ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าบัตรเครดิต หรือค่าผ่อนรถ พวกเขาจะชอบแอปที่ช่วย ติดตามการใช้จ่าย และ ตั้งงบประมาณ ได้ง่ายๆ

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก/แม่ค้าออนไลน์
คนกลุ่มนี้ต้องจัดการทั้งรายรับจากยอดขายและรายจ่าย เช่น ค่าส่งของ ค่าโฆษณา พวกเขาจะสนใจแอปที่ ใช้งานง่าย และสามารถ แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจ ได้

นักเรียน/นักศึกษา
ถึงจะห้ามใช้กลุ่มในวิทยาลัย แต่ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็ยังนับว่าเป็นกลุ่มนอกวิทยาลัยนะคะ กลุ่มนี้มักมีงบจำกัดและอยากจัดการเงินค่าขนมให้อยู่หมัด

ครัวเรือนทั่วไป
ครอบครัวที่ต้องจัดการค่าใช้จ่ายในบ้าน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว กลุ่มนี้จะชอบแอปที่ ใช้งานไม่ซับซ้อน และช่วยให้เห็นภาพรวมการเงินของครอบครัวได้ชัดเจน

ฟรีแลนซ์หรือคนทำงานอิสระ
คนกลุ่มนี้มีรายได้ไม่แน่นอนและอาจต้องจัดการหลายแหล่งรายได้ แอปที่ช่วย บันทึกรายรับจากหลายช่องทาง และ แจ้งเตือนค่าใช้จ่าย จะถูกใจกลุ่มนี้มาก

ทีนี้ เมื่อรู้แล้วว่าเราจะหาคนจากกลุ่มไหนบ้าง มาดูวิธีหาคนเหล่านี้กัน

tripnote001จะหาคนจากไหนมาทดสอบแอปของเรา
การหาคนจากข้างนอกอาจฟังดูน่ากลัวนิดนึง (เราเข้าใจ) แต่ถ้ามีแผนดีๆ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นเยอะเลย นี่คือแหล่งที่แนะนำให้ลองไปหาคนมาทดสอบแอป

1. โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ
นักเรียนหรือนักศึกษาจากที่อื่นๆ เป็นกลุ่มที่เข้าถึงง่าย และมักจะสนใจลองอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะแอปที่ช่วยจัดการเงินค่าขนมหรือค่าใช้จ่ายประจำวัน

วิธีติดต่อ
-ติดต่อผ่านอาจารย์หรือฝ่ายกิจการนักเรียน ลองหาข้อมูลโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยใกล้เคียง แล้วส่งอีเมลหรือจดหมายถึงฝ่ายกิจการนักเรียนเพื่อขออนุญาตแนะนำแอปให้กับนักเรียน/นักศึกษา

-จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป เสนอจัดเวิร์กช็อปสั้นๆ เกี่ยวกับการจัดการการเงินส่วนบุคคลให้กับนักเรียน แล้วแนะนำแอปของน้องในงานนั้น

-ใช้เครือข่ายส่วนตัว ถ้ามีเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เรียนที่อื่น ลองขอให้ช่วยแนะนำแอปให้เพื่อนๆ ของพวกเขา

เคล็ดลับ เตรียมสคริปต์สั้นๆ อธิบายว่าแอปของน้องช่วยอะไรได้บ้าง เช่น “แอปนี้ช่วยน้องๆ จัดการเงินค่าขนมได้ง่ายๆ และยังมีกราฟสวยๆ ให้ดูว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง” จะทำให้คนสนใจมากขึ้น

2. ชุมชนท้องถิ่น
ชุมชนท้องถิ่น เช่น ตลาด กลุ่มแม่บ้าน หรือกลุ่มอาชีพในชุมชน มักเป็นกลุ่มที่ต้องการเครื่องมือจัดการการเงินที่ใช้งานง่าย และบางคนอาจไม่เคยใช้แอปแบบนี้มาก่อน ซึ่งจะให้มุมมองใหม่ๆ ในการทดสอบ

วิธีติดต่อ
-ติดต่อผู้นำชุมชน: หาข้อมูลผู้นำชุมชน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน หรือประธานกลุ่มแม่บ้าน แล้วขอแนะนำแอปในงานชุมชนหรือการประชุม
-ตั้งบูธในงานชุมชน: ถ้ามีงานวัดหรือตลาดนัดในพื้นที่ ลองขอตั้งบูธเล็กๆ เพื่อแนะนำแอปและให้คนลองใช้ฟรี
-ใช้โซเชียลมีเดียท้องถิ่น: เข้ากลุ่ม Facebook หรือ Line ของชุมชนในพื้นที่ แล้วโพสต์ชวนคนมาทดลองใช้แอป (อย่าลืมขออนุญาตแอดมินกลุ่มก่อนนะ)

เคล็ดลับ อธิบายประโยชน์ของแอปให้ชัดเจน เช่น “แอปนี้ช่วยคุณแม่บ้านจดค่าใช้จ่ายในบ้านได้ง่ายๆ ไม่ต้องพกสมุดบัญชีอีกต่อไป” และอาจมีของเล็กๆ น้อยๆ เช่น สติ๊กเกอร์หรือคูปอง เป็นสิ่งจูงใจ

3. กลุ่มแม่ค้าออนไลน์หรือ SMEs
แม่ค้าออนไลน์และเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักต้องจัดการทั้งรายรับและรายจ่ายจากหลายช่องทาง แอปของน้องอาจเป็นตัวช่วยที่พวกเขาต้องการ

วิธีติดต่อ
-เข้ากลุ่มออนไลน์: ค้นหากลุ่ม Facebook, Line หรือ Telegram ที่รวมตัวแม่ค้าออนไลน์หรือ SME แล้วโพสต์แนะนำแอป (อย่าลืมขออนุญาตแอดมิน)
-ร่วมงานอีเวนต์สำหรับ SME: ลองหางานสัมมนาหรืออีเวนต์ที่เกี่ยวกับการค้าขายออนไลน์ แล้วไปแนะนำแอปในงาน
-ติดต่อผ่านแพลตฟอร์ม Marketplace: เช่น Shopee หรือ Lazada ลองส่งข้อความถึงร้านค้าที่น่าสนใจและชวนให้ลองใช้แอป

เคล็ดลับ เน้นย้ำว่าแอปของน้องช่วยแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจได้ง่ายๆ และอาจเพิ่มฟีเจอร์ที่แม่ค้าชอบ เช่น การ Export ข้อมูลเป็น Excel

4. กลุ่มมนุษย์เงินเดือนหรือฟรีแลนซ์
กลุ่มนี้มีรายได้และรายจ่ายที่หลากหลาย และมักมองหาเครื่องมือที่ช่วยจัดการการเงินให้เป็นระบบ

วิธีติดต่อ
-ใช้โซเชียลมีเดีย: โพสต์ในกลุ่ม Facebook หรือ Twitter ที่เกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล เช่น กลุ่ม “มนุษย์เงินเดือน” หรือ “ฟรีแลนซ์ไทย”
-ติดต่อผ่านที่ทำงาน: ถ้ามีคนรู้จักในบริษัทต่างๆ ลองขอให้ช่วยแนะนำแอปให้เพื่อนร่วมงาน
-ใช้ LinkedIn: สร้างโพสต์แนะนำแอปใน LinkedIn และแท็กกลุ่มเป้าหมาย เช่น คนที่สนใจด้าน Personal Finance

เคล็ดลับ อธิบายว่าแอปของน้องช่วยให้การจัดการเงินเดือนหรือรายได้จากงานฟรีแลนซ์ง่ายขึ้น เช่น มีฟีเจอร์แจ้งเตือนวันตัดบัตรเครดิต

5. ญาติหรือเพื่อนของเพื่อน
การเริ่มจากคนที่ใกล้ตัวแต่ไม่ใช่นักศึกษาในวิทยาลัยจะช่วยให้เราได้ฟีดแบ็กจากกลุ่มที่หลากหลาย เช่น พ่อแม่ ญาติ หรือเพื่อนของเพื่อนที่ทำงานแล้ว

วิธีติดต่อ ขอให้เพื่อนช่วยแนะนำแอปให้คนรู้จัก หรือโพสต์ในกลุ่ม Line ครอบครัวเพื่อชวนคนมาลองใช้
เคล็ดลับ เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ก่อน เพื่อฝึกการอธิบายและเก็บฟีดแบ็ก แล้วค่อยขยายไปกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น

เม่านักช้อปวิธีชวนคนนอกให้มาลองใช้แอปอย่างมั่นใจ
เราอาจจะรู้สึก เขิน หรือ กลัว ที่ต้องไปชวนคนแปลกหน้ามาทดสอบแอป แต่ไม่ต้องกังวล มีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้น้องพูดได้อย่างมั่นใจและทำให้คนอยากลองใช้แอปของเรา

เตรียม Elevator Pitch สั้นๆ
สร้างประโยคสั้นๆ ที่อธิบายว่าแอปของน้องคืออะไรและช่วยอะไรได้บ้าง เช่น
“สวัสดีค่ะ หนูพัฒนาแอปบันทึกรายรับ-รายจ่ายที่ใช้งานง่ายมากๆ ช่วยให้คุณจดค่าใช้จ่ายได้ใน 3 วินาที และมีกราฟสวยๆ ให้ดูว่าเงินไปไหนบ้าง อยากลองใช้ฟรีไหมคะ?”
เน้นประโยชน์ที่ชัดเจน เช่น “ประหยัดเวลา” หรือ “ช่วยจัดการเงินง่ายขึ้น”

ใช้ภาษาที่เป็นมิตรและเข้าใจง่าย
หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่อาจทำให้คนงง เช่น แทนที่จะบอกว่า “แอปนี้มี UI ที่ intuitive” ให้บอกว่า “แอปนี้ใช้งานง่าย แค่แตะสองครั้งก็จดค่าใช้จ่ายได้แล้ว”

เสนอสิ่งจูงใจเล็กๆ
ถ้ามีงบ ลองให้รางวัลเล็กๆ เช่น สติ๊กเกอร์ คูปอง หรือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ยอมทดสอบแอปและให้ฟีดแบ็ก
หรือบอกว่า “คนที่ทดสอบแอปจะได้ใช้ฟีเจอร์พรีเมียมฟรีก่อนใคร” (ถ้ามีฟีเจอร์แบบนั้น)

ขอฟีดแบ็กอย่างเป็นมิตร
หลังจากให้คนลองใช้แอป ลองถามคำถามง่ายๆ เช่น
“รู้สึกว่าแอปใช้งานง่ายไหมคะ?”
“มีอะไรที่อยากให้แอปเพิ่มเติมไหมคะ?”
“เคยใช้แอปแบบนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ ชอบอันไหนมากกว่ากัน?”
การถามแบบนี้จะทำให้คนรู้สึกว่าเราสนใจความคิดเห็นของเขา และเราจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ด้วย

ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์
สร้างเพจหรือโพสต์ใน Instagram, X หรือ TikTok เพื่อแนะนำแอปของน้อง และเชิญชวนให้คนมาลองใช้ เช่น ถ่ายวิดีโอสั้นๆ แสดงวิธีใช้แอปใน 15 วินาที แล้วติดแฮชแท็ก เช่น #แอปบันทึกการเงิน #จัดการเงินง่าย
ลองทำคอนเทนต์สนุกๆ เช่น “เงินหายไปไหน? มาลองแอปนี้สิ” เพื่อดึงดูดความสนใจ

เตรียมตัวรับมือคำถาม
บางคนอาจถามว่า “แอปนี้ต่างจากแอปอื่นยังไง?” ลองเปรียบเทียบแอปของน้องกับแอปดังๆ เช่น MoneyNote, Spendee หรือ MAKE by KBank แล้วเน้นจุดเด่นของแอป เช่น “แอปของหนูออกแบบมาให้คนไทยใช้ได้ง่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกก็ใช้ได้ทุกฟีเจอร์”

อย่าเยอะข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
เคารพความเป็นส่วนตัว
ถ้าติดต่อโรงเรียนหรือชุมชน อย่าลืมขออนุญาตจากผู้มีอำนาจก่อน และแจ้งให้ชัดเจนว่าแอปของน้องจะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง (ถ้ามี) และจะปกป้องข้อมูลผู้ใช้ยังไง

เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ก่อน
ลองเริ่มจากกลุ่มที่เข้าถึงง่าย เช่น ญาติหรือเพื่อนของเพื่อน แล้วค่อยขยายไปกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น เช่น ชุมชนหรือโรงเรียนอื่นๆ จะช่วยให้น้องมั่นใจมากขึ้น

เตรียมเอกสารแนะนำแอป
ทำใบปลิวหรือสไลด์สั้นๆ ที่อธิบายวิธีใช้แอปและประโยชน์ของมัน จะช่วยให้การแนะนำดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

เก็บฟีดแบ็กอย่างเป็นระบบ
ใช้ Google Forms หรือแบบสอบถามง่ายๆ เพื่อเก็บความคิดเห็นจากผู้ทดสอบ จะช่วยให้วิเคราะห์ผลได้ง่ายขึ้น

อย่ากลัวการถูกปฏิเสธ
บางคนอาจไม่สนใจลองใช้แอป ไม่เป็นไรเลย ขอบคุณเขาที่สละเวลา แล้วไปหาคนอื่นต่อ ทุกฟีดแบ็กคือโอกาสในการพัฒนา

ออกทะเลสรุปเริ่มเลย อย่ารอ
การหาคนจากข้างนอกมาทดสอบแอปอาจดูเป็นงานใหญ่ แต่ถ้าน้องมีแผนชัดเจนและกล้าที่จะลอง มันจะง่ายกว่าที่คิดแน่นอน เริ่มจากกลุ่มที่เข้าถึงง่าย เช่น โรงเรียนใกล้เคียง ชุมชนท้องถิ่น หรือกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ แล้วใช้ภาษาที่เป็นมิตรและชัดเจนในการชวนคนมาลองใช้แอป อย่าลืมเน้นประโยชน์ที่แอปของน้องจะช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้ดีขึ้น เช่น ประหยัดเวลา, จัดการเงินง่าย, หรือ เห็นภาพรวมการเงินชัดเจน

สุดท้ายนี้ อยากให้กำลังใจน้องว่า การพัฒนาแอปและหาคนมาทดสอบคือก้าวแรกของการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทุกฟีดแบ็กที่ได้จะช่วยให้แอปของน้องดีขึ้น และอาจกลายเป็นแอปที่คนไทยใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองเลยก็ได้ ใครจะรู้ ลุยเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่