เพิ่งกลับจากเที่ยวมา รู้สึกได้เลยว่า เราเหมาะจะอยู่ต่างประเทศจริงๆ เพราะความอินโทรเวิรท

กระทู้คำถาม
คนไทยส่วนใหญ่นิสัยเฮฮาา เม้าท์มอย อยู่ต่างประเทศหลายคนก็บ่นว่าเหงา เพราะคนต่างชาติส่วนใหญ่เขารักสันโดษ ไม่ชอบมาสุงสิงกัน มันเป็นความจริง มันไม่ได้ผิดที่นิสัยคนต่างชาติ แต่มันผิดที่นิสัยคนไทย เพราะไปไหนๆ ก็เจอคนก็ไม่เฟรนลี่ แต่การไม่เฟรนลี่ ​นี่คือ เทครนด์ขนาดใหญ่ของคนทั้งโลก

​พอดีเราไม่ได้ชอบคุยกับใคร อยู่ได้สบายหลายประเทศ ไปญี่ปุ่นเราก็อยู่ได้ เพราะชอบเงียบๆ ทำงานดุๆ โหดๆ อึดๆ ไปฟินแลนด์ เราก็อยู่ได้ เพราะคนไม่ชอบมาคุยกัน ต่างคนต่างอยู่ รักสันโดษ ไปอเมริกา เราอยู่กะท่อมชนบทไม่มีคนเลย อย่างฟิน ​กลายเป็นว่า คนสันโดษไม่เม้าท์มอยอย่างเรา อยู่ได้สบาย ไม่ว่าที่ไหน ไม่มีอึดอัด

กลับมาที่ไทย สังคมคนกรุงเทพก็คล้ายเทรนด์ใหญ่ทุกที เราไม่เคยทักทาย ไม่เคยรู้จักเพื่อนบ้านด้วยซ้ำ เราว่ามันคือเรื่องปกติของคนเมือง มันต่างคนต่างอยู่ ชีวิตมันต้องแข่งขัน ทำงานกลับบ้านดึกดื่น จะมาเจอกันได้ไง อีกอย่างชีวิตมันต้องสู้ถึงชนะ ไม่มีใครชนะโดยไม่สู้เลย

กลับมาเพื่อนรายงานว่า ย่าติดเตียง ไปไหนไมได้ ​เราเห็นใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เขาต้องใช้เงินเดือนละ 7 หมื่นในการพาย่าไปนอนเนอสเซอรี่ เพราะคนในบ้านดูแลไม่ไหว เราว่ามันคือปัญหาใหญ่ในบ้านเรานะ เพราะคนไทยกำลังเข้าสู่สังคม สว. ขนาดหนัก ​คนแก่ติดเตียงเยอะมาก ถ้าใช้เงินต่อเดือนมากขนาดนั้นในการดูแล ​ครอบครัวคนไทยจะไหวกันหรือ

คนโสดในวันนี้ หรือคนมีครอบครัวให้เข้าใจเป็นอุทาหรณ์ ไม่มีใครดูแลเราตอนแก่ได้ ย่ามีครอบครัว แต่ติดเตียงติดคนเดียว เพราะปู่เดซซะมอเร่ไปแล้ว มีครอบครัวหรือไม่มี มันต่างกันตรงไหน เห็นภาพจริงแบบนี้ คนไม่อยากมีครอบครัวกันเยอะ เพราะกลัวภาพตัวเองตอนแก่มากๆ ถ้าความรักเกิดด้วยเหตุผล คนอนาคตจะไม่มีใครแต่งงานกันเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่