ผักใบเขียวอย่าง
คะน้า เป็นผักที่อยู่ใน
เมนูอาหารไทยหลายเมนูด้วยกัน อีกทั้งคะน้ายังเป็นผักที่ให้ผลผลิตทุกฤดู เรียกได้ว่าหาประโยชน์ของผักคะน้ามากินกันได้ทุกวัน แต่หากใครยังไม่รู้จักประโยชน์ของ
ผักคะน้าว่ามีสรรพคุณดีอย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำ
ประโยชน์ของคะน้า ผักใบเขียวเปี่ยมคุณค่า มาบอกต่อ
คะน้า มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chinese Kale จัดเป็นพืชใบเขียวที่ใบมีสีเขียวจัด และเป็นผักที่กินได้ทั้งใบไปจนถึงก้าน ผักคะน้ามีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ทั้งคะน้าไทย คะน้าฮ่องกง ซึ่งขนาดต้นคะน้าและความกรอบ หวาน อาจแตกต่างกันเล็กน้อย ทว่าลักษณะและรสชาติโดยรวมก็ยังคงเป็นผักคะน้า พืชในตะกูลเดียวกันอยู่นั่นเอง
ประโยชน์ของคะน้า ผักใบเขียวเปี่ยมสรรพคุณ
1. เสริมภูมิคุ้มกัน
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอสูง แถมยังมีวิตามินซีอีกไม่น้อย ดังนั้น การรับประทานผักคะน้าจึงช่วยเพิ่มสารอาหารที่ดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่าง ๆ โดยลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้
2. บำรุงดวงตา
สารต้านอนุมูลอิสระในผักคะน้าที่ชื่อว่าเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ หมายความว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอ ส่งผลดีต่อการบำรุงดูแลดวงตาในด้านระบบประสาทตาและการมองเห็นได้ อีกทั้งยังมีสารลูทีน (Lutein) ซึ่งงานวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารที่มีลูทีนสูงจะช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกลงถึง 20%
3. เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
จะเห็นได้ว่าคะน้าเป็นผักที่มีปริมาณแคลเซียมค่อนข้างสูง จึงจัดได้ว่าคะน้าเป็นอาหารเสริมแคลเซียมที่ดีชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่แพ้นมวัวจะหันมารับแคลเซียมจากผักอย่างคะน้าก็ได้
4. บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง
ในคะน้ามีโฟเลตและธาตุเหล็กสูง ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง คะน้าจึงเป็นผักใบเขียวที่ช่วยบำรุงเลือด และลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจางได้
5. บำรุงผิวพรรณ เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนแล้ว ในผักคะน้ารวมไปถึงผักใบเขียวทุกชนิดยังมีสารลูทีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในเซลล์ผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนไร้ริ้วรอยแห่งวัยโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือกระบวนการศัลยกรรมใด ๆ อีกทั้งวิตามินซีในผักคะน้ายังจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย
6. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
ผักคะน้ามีไฟเบอร์สูงมาก โดยเฉพาะในส่วนของใบคะน้า ดังนั้น การรับประทานผักคะน้าในปริมาณที่เหมาะสมก็มีส่วนช่วยเพิ่มใยอาหารให้ลำไส้ กระตุ้นระบบขับถ่ายให้มีความคล่องตัวมากขึ้นได้เหมือนกัน
7. ลดความเสี่ยงมะเร็ง
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งวิตามินเอที่เราได้จากคะน้ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีวิตามินซีช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
โทษของคะน้า อะไรที่ควรระวัง
ในผักคะน้าจะมีสารกอยโทรเจน (Goitrogen) สารที่มีส่วนยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะหากกินผักคะน้าดิบ ๆ ในปริมาณมาก อาจทำให้สารกอยโทรเจนเข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม จนก่อให้เกิดอาการท้องอืดตามมาได้ ทว่าหากนำผักคะน้าไปปรุงสุก สารกอยโทรเจนก็จะละลายหายไปกับความร้อน เราก็จะกินคะน้าได้อย่างสบายท้องมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
คะน้าจัดเป็นผักที่มีสารตกค้างค่อนข้างสูง เนื่องจากคะน้าเป็นพืชที่ชอบมีศัตรูพืชมารบกวน เกษตรกรผู้ปลูกผักคะน้าจึงอาจจำเป็นต้องใช้ยากำจัดศัตรูพืชกับคะน้ามากขึ้น ส่งผลให้คะน้ามีสารตกค้างมาขึ้นไปด้วย ทว่าในปัจจุบันเกษตรอินทรีย์และการปลูกผักออร์แกนิกแพร่หลายมากขึ้น ก็หวังว่าผู้บริโภคอย่างเรา ๆ จะมีทางเลือกซื้อคะน้าที่ปลอดสารพิษกันมาบริโภคกันมากขึ้นตามไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจK@pook, กองโภชนาการ กรมอนามัย, เทศบาลตำบลบางเมือง
7 ประโยชน์ของ "ผักคะน้า" ผักใบเขียวเปี่ยมคุณค่า
คะน้า มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chinese Kale จัดเป็นพืชใบเขียวที่ใบมีสีเขียวจัด และเป็นผักที่กินได้ทั้งใบไปจนถึงก้าน ผักคะน้ามีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ทั้งคะน้าไทย คะน้าฮ่องกง ซึ่งขนาดต้นคะน้าและความกรอบ หวาน อาจแตกต่างกันเล็กน้อย ทว่าลักษณะและรสชาติโดยรวมก็ยังคงเป็นผักคะน้า พืชในตะกูลเดียวกันอยู่นั่นเอง
ประโยชน์ของคะน้า ผักใบเขียวเปี่ยมสรรพคุณ
1. เสริมภูมิคุ้มกัน
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอสูง แถมยังมีวิตามินซีอีกไม่น้อย ดังนั้น การรับประทานผักคะน้าจึงช่วยเพิ่มสารอาหารที่ดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่าง ๆ โดยลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้
2. บำรุงดวงตา
สารต้านอนุมูลอิสระในผักคะน้าที่ชื่อว่าเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ หมายความว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอ ส่งผลดีต่อการบำรุงดูแลดวงตาในด้านระบบประสาทตาและการมองเห็นได้ อีกทั้งยังมีสารลูทีน (Lutein) ซึ่งงานวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารที่มีลูทีนสูงจะช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกลงถึง 20%
3. เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
จะเห็นได้ว่าคะน้าเป็นผักที่มีปริมาณแคลเซียมค่อนข้างสูง จึงจัดได้ว่าคะน้าเป็นอาหารเสริมแคลเซียมที่ดีชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่แพ้นมวัวจะหันมารับแคลเซียมจากผักอย่างคะน้าก็ได้
4. บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง
ในคะน้ามีโฟเลตและธาตุเหล็กสูง ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง คะน้าจึงเป็นผักใบเขียวที่ช่วยบำรุงเลือด และลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจางได้
5. บำรุงผิวพรรณ เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนแล้ว ในผักคะน้ารวมไปถึงผักใบเขียวทุกชนิดยังมีสารลูทีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในเซลล์ผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนไร้ริ้วรอยแห่งวัยโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือกระบวนการศัลยกรรมใด ๆ อีกทั้งวิตามินซีในผักคะน้ายังจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย
6. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
ผักคะน้ามีไฟเบอร์สูงมาก โดยเฉพาะในส่วนของใบคะน้า ดังนั้น การรับประทานผักคะน้าในปริมาณที่เหมาะสมก็มีส่วนช่วยเพิ่มใยอาหารให้ลำไส้ กระตุ้นระบบขับถ่ายให้มีความคล่องตัวมากขึ้นได้เหมือนกัน
7. ลดความเสี่ยงมะเร็ง
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งวิตามินเอที่เราได้จากคะน้ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีวิตามินซีช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
โทษของคะน้า อะไรที่ควรระวัง
ในผักคะน้าจะมีสารกอยโทรเจน (Goitrogen) สารที่มีส่วนยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะหากกินผักคะน้าดิบ ๆ ในปริมาณมาก อาจทำให้สารกอยโทรเจนเข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม จนก่อให้เกิดอาการท้องอืดตามมาได้ ทว่าหากนำผักคะน้าไปปรุงสุก สารกอยโทรเจนก็จะละลายหายไปกับความร้อน เราก็จะกินคะน้าได้อย่างสบายท้องมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คะน้าจัดเป็นผักที่มีสารตกค้างค่อนข้างสูง เนื่องจากคะน้าเป็นพืชที่ชอบมีศัตรูพืชมารบกวน เกษตรกรผู้ปลูกผักคะน้าจึงอาจจำเป็นต้องใช้ยากำจัดศัตรูพืชกับคะน้ามากขึ้น ส่งผลให้คะน้ามีสารตกค้างมาขึ้นไปด้วย ทว่าในปัจจุบันเกษตรอินทรีย์และการปลูกผักออร์แกนิกแพร่หลายมากขึ้น ก็หวังว่าผู้บริโภคอย่างเรา ๆ จะมีทางเลือกซื้อคะน้าที่ปลอดสารพิษกันมาบริโภคกันมากขึ้นตามไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจK@pook, กองโภชนาการ กรมอนามัย, เทศบาลตำบลบางเมือง