คนไข้เคยมีอาการคัดจมูกเรื้อรัง น้ำมูกไหล ปวดหัวบ่อย ๆ จนรบกวนชีวิตประจำวันหรือไม่?
อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เรียกว่า "ไซนัสอักเสบ"
ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามหรือเข้าใจผิดว่าเป็นแค่ภูมิแพ้หรือไข้หวัดเท่านั้น
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
คัดจมูกเรื้อรัง ปวดหัวบ่อย..ระวัง “ไซนัสอักเสบ”
โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) ถือเป็นโรคที่พบบ่อยในกลุ่มประชากรทั้งเด็กและผู้ใหญ่
โดยเฉพาะในเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศสูง หรือในกลุ่มผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
เช่น การติดเชื้อในตา สมอง หรือโพรงกระดูกหน้าได้
ไซนัสคืออะไร
โพรงไซนัส (Sinus) คือ โพรงอากาศเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ รอบจมูกและหน้าผาก มีทั้งหมด 4 คู่ ได้แก่
ไซนัสหน้าผาก (Frontal sinus)
ไซนัสแก้ม (Maxillary sinus)
ไซนัสระหว่างตา (Ethmoid sinus)
ไซนัสหลังจมูก (Sphenoid sinus)
ไซนัสมีหน้าที่หลักในการช่วยกรองอากาศ ลดน้ำหนักกะโหลกศีรษะ เพิ่มเสียงสะท้อนขณะพูด
และผลิตเมือกบาง ๆ เพื่อดักจับฝุ่น เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ
เมื่อเกิดการติดเชื้อหรือการอุดตันในโพรงไซนัส จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้น เรียกว่า
"ไซนัสอักเสบ" ซึ่งอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้

ไซนัสอักเสบเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามลักษณะของโรค คือ
2.1 ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (Acute sinusitis)
มักเกิดตามหลังการติดเชื้อไวรัส เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือจากการติดเชื้อแบคทีเรีย รองลงมาคือเชื้อรา
2.2 ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic sinusitis)
มักเป็นผลจาก
ภูมิแพ้จมูก (Allergic rhinitis) ที่ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวมเรื้อรัง
สิ่งแปลกปลอมในจมูก ผนังกั้นจมูกคด
การติดเชื้อซ้ำซ้อน โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
โพลิปจมูก (Nasal polyps) เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ขวางทางเดินอากาศในจมูก
การระบายเมือกในไซนัสไม่ดี เพราะโครงสร้างผิดปกติ

อาการที่พบได้บ่อย อาการทั่วไป คัดจมูกเรื้อรัง
น้ำมูกข้นสีเขียวหรือเหลือง ปวดหรือแน่นบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม หรือระหว่างคิ้ว
ปวดหัวบ่อย โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือเมื่อก้มหน้า เสียงแหบ รู้สึกเหนื่อยง่าย เพลีย
อาการร่วมที่อาจพบ ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนกลางคืน เจ็บคอหรือกลืนลำบาก มีกลิ่นปาก
หายใจมีกลิ่นเหม็น ไข้ (เฉพาะกรณีไซนัสติดเชื้อแบคทีเรีย)
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบอาจใช้หลายวิธี ร่วมกัน
ซักประวัติอาการ โดยละเอียด เช่น ลักษณะน้ำมูก ระยะเวลาเป็น
การตรวจร่างกายทั่วไป และตรวจภายในโพรงจมูกด้วยไฟฉายหรือกล้อง
เอกซเรย์โพรงไซนัส (X-ray paranasal sinus)
การตรวจด้วยเครื่อง CT scan ซึ่งให้รายละเอียดมากที่สุด
การเพาะเชื้อจากน้ำมูก ในรายที่รักษาไม่หายเรื้อรัง
การรักษาไซนัสอักเสบ กรณีไซนัสอักเสบเฉียบพลัน
ยาลดการอักเสบและบวมของเยื่อบุจมูก เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดบวม
ยาฆ่าเชื้อ (กรณีเชื้อแบคทีเรีย) เช่น Amoxicillin หรือ Clavulanic acid
ยาละลายเสมหะ / พ่นจมูก การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่น ช่วยลดเมือก และสิ่งแปลกปลอม
กรณีไซนัสอักเสบเรื้อรัง การใช้ยาระยะยาว เช่น
สเตียรอยด์พ่นจมูก
การดูแลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้
การผ่าตัดไซนัส ในรายที่มีเนื้องอก หรือการอุดตันที่โครงสร้างไซนัส
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากปล่อยให้ไซนัสอักเสบเรื้อรังโดยไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น:
การติดเชื้อในกระดูกใบหน้า ฝีรอบเบ้าตา หรือการติดเชื้อลุกลามเข้าสู่ดวงตา
การติดเชื้อเข้าเยื่อหุ้มสมอง ฝีในสมอง แม้จะพบไม่บ่อย แต่สามารถรุนแรงถึงชีวิตได้
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไซนัสอักเสบ เข้าใจผิดว่าเป็นหวัดหรือภูมิแพ้ จึงรักษาไม่ตรงจุด
คิดว่าโรคนี้ไม่อันตราย ปล่อยเรื้อรังจนลุกลาม
เชื่อว่ายาปฏิชีวนะรักษาได้ทุกกรณี ทั้งที่บางรายเกิดจากไวรัสหรือภูมิแพ้
วิธีป้องกันไซนัสอักเสบ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีฝุ่น ควัน หรือมลพิษ
สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในสถานที่แออัด หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตนเองแพ้
หมั่นล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ดื่มน้ำมาก พักผ่อนเพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
รักษาโรคภูมิแพ้และหวัดให้หายสนิท ไม่ปล่อยให้เรื้อรัง

เมื่อใดควรพบแพทย์ คัดจมูกเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ปวดหัว ปวดใบหน้าบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
น้ำมูกเปลี่ยนสี เหนียวข้น ได้กลิ่นลดลงหรือไม่รู้กลิ่นเลย มีไข้ร่วมกับอาการไซนัส
รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 7–10 วัน
“ไซนัสอักเสบ” เป็นโรคที่พบได้บ่อย และมักเริ่มจากสิ่งที่ดูเหมือนไม่รุนแรงอย่าง “หวัดธรรมดา” หรือ “ภูมิแพ้”
หากละเลยการดูแลรักษา อาจกลายเป็นโรคเรื้อรังที่รบกวนคุณภาพชีวิต และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
การรู้เท่าทันโรค ใส่ใจอาการของร่างกาย และพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
คือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสู่สุขภาพทางเดินหายใจที่ดีในระยะยาว
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=qSF46ftdqaw
https://www.youtube.com/watch?v=Te6r16ob0Ok
https://www.thonburihospital.com/specialisecenter/ear-throat-nose-center/


คัดจมูกเรื้อรัง ปวดหัวบ่อย..ระวัง “ไซนัสอักเสบ”
อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เรียกว่า "ไซนัสอักเสบ"
ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามหรือเข้าใจผิดว่าเป็นแค่ภูมิแพ้หรือไข้หวัดเท่านั้น
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) ถือเป็นโรคที่พบบ่อยในกลุ่มประชากรทั้งเด็กและผู้ใหญ่
โดยเฉพาะในเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศสูง หรือในกลุ่มผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
เช่น การติดเชื้อในตา สมอง หรือโพรงกระดูกหน้าได้
ไซนัสคืออะไร
โพรงไซนัส (Sinus) คือ โพรงอากาศเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ รอบจมูกและหน้าผาก มีทั้งหมด 4 คู่ ได้แก่
ไซนัสหน้าผาก (Frontal sinus)
ไซนัสแก้ม (Maxillary sinus)
ไซนัสระหว่างตา (Ethmoid sinus)
ไซนัสหลังจมูก (Sphenoid sinus)
ไซนัสมีหน้าที่หลักในการช่วยกรองอากาศ ลดน้ำหนักกะโหลกศีรษะ เพิ่มเสียงสะท้อนขณะพูด
และผลิตเมือกบาง ๆ เพื่อดักจับฝุ่น เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ
เมื่อเกิดการติดเชื้อหรือการอุดตันในโพรงไซนัส จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้น เรียกว่า "ไซนัสอักเสบ" ซึ่งอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้
2.1 ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (Acute sinusitis)
มักเกิดตามหลังการติดเชื้อไวรัส เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือจากการติดเชื้อแบคทีเรีย รองลงมาคือเชื้อรา
2.2 ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic sinusitis)
มักเป็นผลจาก ภูมิแพ้จมูก (Allergic rhinitis) ที่ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวมเรื้อรัง
สิ่งแปลกปลอมในจมูก ผนังกั้นจมูกคด
การติดเชื้อซ้ำซ้อน โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
โพลิปจมูก (Nasal polyps) เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ขวางทางเดินอากาศในจมูก
การระบายเมือกในไซนัสไม่ดี เพราะโครงสร้างผิดปกติ
น้ำมูกข้นสีเขียวหรือเหลือง ปวดหรือแน่นบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม หรือระหว่างคิ้ว
ปวดหัวบ่อย โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือเมื่อก้มหน้า เสียงแหบ รู้สึกเหนื่อยง่าย เพลีย
อาการร่วมที่อาจพบ ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนกลางคืน เจ็บคอหรือกลืนลำบาก มีกลิ่นปาก
หายใจมีกลิ่นเหม็น ไข้ (เฉพาะกรณีไซนัสติดเชื้อแบคทีเรีย)
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบอาจใช้หลายวิธี ร่วมกัน
ซักประวัติอาการ โดยละเอียด เช่น ลักษณะน้ำมูก ระยะเวลาเป็น
การตรวจร่างกายทั่วไป และตรวจภายในโพรงจมูกด้วยไฟฉายหรือกล้อง
เอกซเรย์โพรงไซนัส (X-ray paranasal sinus)
การตรวจด้วยเครื่อง CT scan ซึ่งให้รายละเอียดมากที่สุด
การเพาะเชื้อจากน้ำมูก ในรายที่รักษาไม่หายเรื้อรัง
ยาลดการอักเสบและบวมของเยื่อบุจมูก เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดบวม
ยาฆ่าเชื้อ (กรณีเชื้อแบคทีเรีย) เช่น Amoxicillin หรือ Clavulanic acid
ยาละลายเสมหะ / พ่นจมูก การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่น ช่วยลดเมือก และสิ่งแปลกปลอม
กรณีไซนัสอักเสบเรื้อรัง การใช้ยาระยะยาว เช่น สเตียรอยด์พ่นจมูก
การดูแลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้
การผ่าตัดไซนัส ในรายที่มีเนื้องอก หรือการอุดตันที่โครงสร้างไซนัส
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากปล่อยให้ไซนัสอักเสบเรื้อรังโดยไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น:
การติดเชื้อในกระดูกใบหน้า ฝีรอบเบ้าตา หรือการติดเชื้อลุกลามเข้าสู่ดวงตา
การติดเชื้อเข้าเยื่อหุ้มสมอง ฝีในสมอง แม้จะพบไม่บ่อย แต่สามารถรุนแรงถึงชีวิตได้
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไซนัสอักเสบ เข้าใจผิดว่าเป็นหวัดหรือภูมิแพ้ จึงรักษาไม่ตรงจุด
คิดว่าโรคนี้ไม่อันตราย ปล่อยเรื้อรังจนลุกลาม เชื่อว่ายาปฏิชีวนะรักษาได้ทุกกรณี ทั้งที่บางรายเกิดจากไวรัสหรือภูมิแพ้
สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในสถานที่แออัด หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตนเองแพ้
หมั่นล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ดื่มน้ำมาก พักผ่อนเพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
รักษาโรคภูมิแพ้และหวัดให้หายสนิท ไม่ปล่อยให้เรื้อรัง
น้ำมูกเปลี่ยนสี เหนียวข้น ได้กลิ่นลดลงหรือไม่รู้กลิ่นเลย มีไข้ร่วมกับอาการไซนัส
รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 7–10 วัน
“ไซนัสอักเสบ” เป็นโรคที่พบได้บ่อย และมักเริ่มจากสิ่งที่ดูเหมือนไม่รุนแรงอย่าง “หวัดธรรมดา” หรือ “ภูมิแพ้”
หากละเลยการดูแลรักษา อาจกลายเป็นโรคเรื้อรังที่รบกวนคุณภาพชีวิต และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
การรู้เท่าทันโรค ใส่ใจอาการของร่างกาย และพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
คือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสู่สุขภาพทางเดินหายใจที่ดีในระยะยาว
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=qSF46ftdqaw
https://www.youtube.com/watch?v=Te6r16ob0Ok
https://www.thonburihospital.com/specialisecenter/ear-throat-nose-center/