สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ทำไมสาวไทย 18–25 โดยเฉพาะยุคนี้ ถึงมอง “ตื่นเต้นและเติมเต็ม” มากกว่า “เติบโตไปด้วยกัน”?
1. “เพราะสังคมไทยปลูกฝังให้ “ผู้หญิงมีคุณค่า = ถูกรัก”
เด็กผู้หญิงโตมากับนิทานว่า “เจ้าชายจะมาเลือกเธอ”
ถูกสอนว่า “ต้องน่ารัก ต้องเรียบร้อย ต้องเป็นที่ต้องการ”
แทนที่จะ “สร้างรักร่วมกัน” กลับกลายเป็นว่า “ต้องมีคนมาเติมความรู้สึกว่า ‘ฉันมีค่า’ ให้ก่อน”
2. “ เพราะวัฒนธรรมรักด่วน / เซ็กส์ไว / เหงาเร็ว ”
วัฒนธรรมโซเชียลคือวัฒนธรรม “รักแล้วต้องอัปเดตให้โลกรู้”
ถ้าไม่มีใครมาเติมความเหงา กลัวไม่มีใครอยากได้
ความตื่นเต้นเลยกลายเป็น ยาแก้กลัวความว่างเปล่า
3. “ เพราะ “แบดบอย” ทำให้รู้สึกเหมือนได้พิชิต”
คนดี /เข้าใจง่าย /ไม่มีอะไรให้ไล่ล่า
คนเรามักติดกับการ “ไล่ตาม” มากกว่าการ “เดินเคียง”
แบดบอยเลยเหมือนด่านที่ถ้าชนะได้ = “ฉันมีค่า”
ทั้งที่จริงแล้ว ความรักไม่ควรเป็นสนามประลอง ego แต่เป็นการเติบโตและเรียนรู้
4. เพราะ “การเติบโต” มันใช้เวลา แต่ใจวัยรุ่นโดนโลกเร่ง
วัยนี้โดนคาดหวังให้มีความรัก เป๊ะ ๆ ตั้งแต่ยังไม่รู้จักตัวเองเลย
ไม่มีใครให้พื้นที่ลองผิดลองถูกเรื่องหัวใจอย่างปลอดภัย
คนที่พูดเรื่องการเติบโตมักโดนมองว่า “ดราม่า”, “คิดเยอะ”, “ไม่เข้าใจวัยรุ่น”
**แล้วทำไมพออายุ 30+ ถึงเริ่ม จีบติดหรือคบกันนาน?**
เพราะเจ็บมาเยอะพอจะรู้ว่า “ฟินไม่เท่ากับรอด”
เริ่มรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่ใช่แค่มีใครก็ได้
และเข้าใจว่า ความรักที่แท้จริง ไม่ได้ต้องว้าวตลอดเวลา แต่อยู่ตรงที่ใคร “ยังอยู่ด้วยกันในวันที่ไม่ว้าว”
“คนที่มองความรักแบบตื่นเต้นเหมือนกับกินอาหาร fast food/มาม่าเพราะมันง่าย แต่คนที่มองความรักเติบหรือเรียนรู้เหมือนกินอาหารคลีนแม้จะจืดแต่ก็ดีต่อสุขภาพ”
(ต่อที่ความคิดเห็น 8-2 ด้านล่างนะครับ เป็นมุมที่เสริมกันมากขึ้น)
1. “เพราะสังคมไทยปลูกฝังให้ “ผู้หญิงมีคุณค่า = ถูกรัก”
เด็กผู้หญิงโตมากับนิทานว่า “เจ้าชายจะมาเลือกเธอ”
ถูกสอนว่า “ต้องน่ารัก ต้องเรียบร้อย ต้องเป็นที่ต้องการ”
แทนที่จะ “สร้างรักร่วมกัน” กลับกลายเป็นว่า “ต้องมีคนมาเติมความรู้สึกว่า ‘ฉันมีค่า’ ให้ก่อน”
2. “ เพราะวัฒนธรรมรักด่วน / เซ็กส์ไว / เหงาเร็ว ”
วัฒนธรรมโซเชียลคือวัฒนธรรม “รักแล้วต้องอัปเดตให้โลกรู้”
ถ้าไม่มีใครมาเติมความเหงา กลัวไม่มีใครอยากได้
ความตื่นเต้นเลยกลายเป็น ยาแก้กลัวความว่างเปล่า
3. “ เพราะ “แบดบอย” ทำให้รู้สึกเหมือนได้พิชิต”
คนดี /เข้าใจง่าย /ไม่มีอะไรให้ไล่ล่า
คนเรามักติดกับการ “ไล่ตาม” มากกว่าการ “เดินเคียง”
แบดบอยเลยเหมือนด่านที่ถ้าชนะได้ = “ฉันมีค่า”
ทั้งที่จริงแล้ว ความรักไม่ควรเป็นสนามประลอง ego แต่เป็นการเติบโตและเรียนรู้
4. เพราะ “การเติบโต” มันใช้เวลา แต่ใจวัยรุ่นโดนโลกเร่ง
วัยนี้โดนคาดหวังให้มีความรัก เป๊ะ ๆ ตั้งแต่ยังไม่รู้จักตัวเองเลย
ไม่มีใครให้พื้นที่ลองผิดลองถูกเรื่องหัวใจอย่างปลอดภัย
คนที่พูดเรื่องการเติบโตมักโดนมองว่า “ดราม่า”, “คิดเยอะ”, “ไม่เข้าใจวัยรุ่น”
**แล้วทำไมพออายุ 30+ ถึงเริ่ม จีบติดหรือคบกันนาน?**
เพราะเจ็บมาเยอะพอจะรู้ว่า “ฟินไม่เท่ากับรอด”
เริ่มรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่ใช่แค่มีใครก็ได้
และเข้าใจว่า ความรักที่แท้จริง ไม่ได้ต้องว้าวตลอดเวลา แต่อยู่ตรงที่ใคร “ยังอยู่ด้วยกันในวันที่ไม่ว้าว”
“คนที่มองความรักแบบตื่นเต้นเหมือนกับกินอาหาร fast food/มาม่าเพราะมันง่าย แต่คนที่มองความรักเติบหรือเรียนรู้เหมือนกินอาหารคลีนแม้จะจืดแต่ก็ดีต่อสุขภาพ”
(ต่อที่ความคิดเห็น 8-2 ด้านล่างนะครับ เป็นมุมที่เสริมกันมากขึ้น)
สมาชิกหมายเลข 1021554 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2626591 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1275660 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 801029 ถูกใจ, Amalgamate ซึ้ง, กบกระโดดลงไปในแก้วน้ำปั่นอ่ะ ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผู้หญิงวัย 20 ต้นๆ จีบยากกว่า ผู้หญิงวัย 30
ผมสังเกตว่า ผู้หญิงที่อายุห่างจากผมไม่มาก 28+ หลังจากเดทกันแล้วก็มีความสัมพันธ์ได้พัฒนาต่อ
แต่ผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 25 มีแนวโน้มที่หลังจากเดทกันแล้ว จะไม่คุยต่อ คือตัวฝ่ายหญิงมีท่าทีไม่อยากไปต่อเอง
ซึ่งทั้งหมดนี้ตอนเดทกัน ผมทำแบบเดียวกันกับทุกๆคน คือคุยสนุกสนาน ไม่มี dead air เลย
เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง ไปรับไปส่ง ดูไม่ออกเลยว่าช่วงไหนที่เขาไม่ชอบตอนเจอกัน
ผมอาจจะเริ่มตามไม่ทันแล้วก็ได้ว่า ผู้หญิงสมัยนี้ที่อายุ 20 ต้นๆเขาคิดกันยังไง ต่างจากผู้หญิงวัยใกล้ๆผม ที่สานสัมพันธ์ต่อง่ายกว่า มาก
แนวคิดของผู้หญิง 2 วัยมีมุมมมองต่างกันยังไงครับ ทำไมได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน จากที่ผมเดทมามากกว่า 5 คน