มีใครทันใช้กันบ้างมั้ย ยุค NOKIA รุ่งเรือง
Akon ประสบความสำเร็จในตลาดนี้เป็นอย่างมาก จนถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
https://www.facebook.com/share/p/1M3MqUsKPk/
ย้อนไปช่วงทศวรรษ 2000 หนึ่งในความแปลกใหม่ที่คนสมัยนั้นตื่นเต้นกันคือ การจ่ายเงิน เพื่อดาวน์โหลดเพลงมาเป็น “เสียงรอสาย” ที่ไม่ใช่แค่เสียง ติ๊ด ติ๊ด อีกต่อไปได้
และได้มีศิลปินคนหนึ่งมองเห็นโอกาสนี้ก่อนใคร
โดยตั้งใจแต่งเพลงให้เหมาะกับเสียงรอสายโดยเฉพาะ
เขาคนนั้นคือ นักร้องฮิปฮอปชื่อว่า “Akon”
ซึ่งเป็นศิลปินที่มีเพลงเสียงรอสายฮิตที่สุดในโลก
ที่ถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
และสร้างรายได้ให้ตัวเขาเกือบ 900 ล้านบาทเลยทีเดียว
เรื่องราวของชายคนนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณ Aliaune Thiam หรือชื่อในวงการเพลงคือ Akon
เกิดเมื่อปี 1973 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐฯ ปัจจุบันมีอายุ 52 ปี
การที่คุณพ่อเป็นนักดนตรี และคุณแม่ก็เป็นนักเต้น ทำให้คุณ Akon ซึมซับเกี่ยวกับดนตรีมาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้
แต่ชีวิตวัยรุ่นของเขากลับไม่ได้ราบรื่นนัก โดยต้องไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเซเนกัลนานหลายปี ก่อนย้ายกลับมาสหรัฐฯ อีกครั้ง
ซึ่งพอปรับตัวไม่ค่อยได้ เลยหันไปอยู่ในแก๊งลักขโมยรถยนต์ จนถูกจับกุมเข้าคุกรวมเป็นเวลา 3 ปีด้วยกัน
แต่นั่นเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้คุณ Akon เริ่มใช้เวลาแต่งเพลงแนวฮิปฮอป จนกระทั่งหลังพ้นโทษออกมา ก็ตัดสินใจที่จะประกอบอาชีพศิลปินนักร้องให้ได้
ด้วยเสียงร้องแบบแอฟริกาอันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับคุณภาพเพลงที่ดี ทำให้ผลงานของเขาโดดเด่นเข้าตาโปรดิวเซอร์ค่ายเพลงแห่งหนึ่ง
คุณ Akon จึงได้เปิดตัวอัลบั้มแรกชื่อว่า Trouble ในปี 2004 โดยมีเพลงฮิตอย่าง Locked Up และ Lonely ซึ่งทำยอดขายไปได้ 3 ล้านแผ่นทั่วโลก
ต่อมา เขาได้ออกอัลบั้มที่สองชื่อว่า Konvicted ในปี 2006 โดยมีเพลงฮิตอย่าง Smack That และ I Wanna Love You ซึ่งทำยอดขายไปได้กว่า 7.3 ล้านแผ่นทั่วโลก
ถึงจุดนี้นับว่า ชีวิตคุณ Akon ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้น เขาบังเอิญเจอโอกาสธุรกิจที่คนอื่นมองข้าม
เพราะผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เริ่มมีธุรกิจใหม่ โดยให้ผู้ใช้บริการ สามารถซื้อเพลงมาทำเป็นเสียงรอสายได้
พอคุณ Akon ที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เห็นคนใช้เสียงรอสายเป็นเพลงของศิลปินทั่วไป จึงสอบถามดูว่าซื้อมาด้วยราคาเท่าไร
ปรากฏว่า ผู้บริโภคในยุคนั้น จ่ายเงินดาวน์โหลดต่อเพลงประมาณ 160 บาท เพื่อซื้อเสียงรอสายไม่กี่วินาที ทั้ง ๆ ที่ซิงเกิลเพลงปกติ ความยาวประมาณ 4 นาที ขายในราคาประมาณ 65 บาทเท่านั้น
เขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่า มันจะต้องเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มหาศาลแน่นอน
ดังนั้นผลงานเพลงฮิตต่าง ๆ จากอัลบั้ม Trouble และ Konvicted เลยถูกแต่งโดยตั้งใจไว้เลยว่า ท่อนฮุกจะต้องจำง่ายและติดหู เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นเสียงรอสาย
ส่งผลให้คุณ Akon ประสบความสำเร็จในตลาดนี้เป็นอย่างมาก จนถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
คำถามถัดมาคือ แล้วเขามีส่วนแบ่งเท่าไร จากการขายเสียงรอสาย
โดยปกติ รายได้จากการขายเสียงรอสาย จะต้องแบ่งให้ 3 ฝ่าย ได้แก่
- ศิลปิน
- ค่ายเพลง
- ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
แต่คุณ Akon ได้ลองให้ทนายเช็กรายละเอียดในสัญญากับค่ายเพลง พบว่าไม่มีข้อความระบุเกี่ยวกับเสียงรอสายไว้เลย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ในขณะนั้น
แม้ต่อมา ค่ายเพลงเห็นเสียงรอสายของคุณ Akon ขายดี เลยมาขอเจรจาแก้ไขสัญญาให้ครอบคลุมช่องทางดิจิทัล แต่เขาก็ปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นคนละธุรกิจกัน
ส่งผลให้คุณ Akon ได้ถือครองลิขสิทธิ์เพลงเสียงรอสาย และแบ่งรายได้กับแค่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
โดยเขาเปิดเผยในภายหลังว่า สามารถทำเงินได้มหาศาลจากธุรกิจเสียงรอสาย
แม้ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข แต่หากลองคำนวณง่าย ๆ ว่า คุณ Akon มีส่วนแบ่งรายได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือราวครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 80 บาทต่อการดาวน์โหลด
เท่ากับว่า เพลงของเขาที่ถูกดาวน์โหลดเป็นเสียงรอสายไป 11 ล้านครั้ง อาจสร้างรายได้จำนวนมากถึง 880 ล้านบาท
แล้วหลังจากนั้น คุณ Akon ทำธุรกิจอะไรอีกบ้าง ?
ในปัจจุบัน คุณ Akon ยังคงสร้างสรรค์ผลงานเพลง และจัดแสดงคอนเสิร์ตอยู่ รวมทั้งก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองด้วย
แต่เขาก็มีแพสชันในการทำธุรกิจที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทวีปแอฟริกา เพราะมองว่าเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตสูง และยังไม่ค่อยมีใครลงทุนมากนัก
โดยตั้งบริษัทร่วมลงทุน เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะชื่อว่า Akon City ในประเทศเซเนกัล ให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของแอฟริกา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองวากานดา ในภาพยนตร์เรื่อง Black Panther
คาดการณ์ว่าโครงการจะใช้เงินลงทุนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 198,000 ล้านบาท และเฟสแรกจะแล้วเสร็จภายในปี 2028
และยังสร้างเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี ชื่อว่า Akoin เพื่อใช้ใน Akon City เป็นทางเลือกให้ชาวแอฟริกาสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นกว่าระบบธนาคารแบบเดิม
รวมถึงก่อตั้งโครงการ Akon Lighting Africa ที่ลงทุนในแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้แก่ประชากร 600 ล้านรายใน 14 ประเทศของทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้ทาง Yahoo ได้ประเมินว่าคุณ Akon มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท
ก็น่าจะแปลว่า รายได้จากธุรกิจเสียงรอสายในอดีตนั้น สร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ Akon มาก ซึ่งเปิดโอกาสให้เขามีทรัพยากรไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่สนใจต่อไปได้
บทสรุปจากเรื่องของคุณ Akon สอนให้รู้ว่า
ความสำเร็จอาจไม่ได้มาจากการเดินตามคนอื่น
แต่เกิดจากการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ให้ได้ก่อนใคร
รวมถึงนำความเชี่ยวชาญที่เรามีอยู่แล้ว ไปใช้สอดแทรกในโอกาสนั้น ๆ
เหมือนที่คุณ Akon เก่งเรื่องเพลง แล้วเห็นศักยภาพในเสียงรอสาย
ขณะที่คนอื่นอาจจะโฟกัสกับอัลบั้มและปล่อยให้ค่ายเพลงจัดการทุกอย่าง
ซึ่งผลสุดท้าย มันก็ทำให้เขาสร้างฐานะความร่ำรวยขึ้นมาได้ จากการขายเพลงเสียงรอสาย ที่ดังไม่กี่วินาทีเท่านั้น..
Akon นักร้องฮิปฮอป ที่ทำเงิน 900 ล้าน จากเพลงเสียงรอสาย /โดย ลงทุนแมน
Akon ประสบความสำเร็จในตลาดนี้เป็นอย่างมาก จนถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
https://www.facebook.com/share/p/1M3MqUsKPk/
ย้อนไปช่วงทศวรรษ 2000 หนึ่งในความแปลกใหม่ที่คนสมัยนั้นตื่นเต้นกันคือ การจ่ายเงิน เพื่อดาวน์โหลดเพลงมาเป็น “เสียงรอสาย” ที่ไม่ใช่แค่เสียง ติ๊ด ติ๊ด อีกต่อไปได้
และได้มีศิลปินคนหนึ่งมองเห็นโอกาสนี้ก่อนใคร
โดยตั้งใจแต่งเพลงให้เหมาะกับเสียงรอสายโดยเฉพาะ
เขาคนนั้นคือ นักร้องฮิปฮอปชื่อว่า “Akon”
ซึ่งเป็นศิลปินที่มีเพลงเสียงรอสายฮิตที่สุดในโลก
ที่ถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
และสร้างรายได้ให้ตัวเขาเกือบ 900 ล้านบาทเลยทีเดียว
เรื่องราวของชายคนนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณ Aliaune Thiam หรือชื่อในวงการเพลงคือ Akon
เกิดเมื่อปี 1973 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐฯ ปัจจุบันมีอายุ 52 ปี
การที่คุณพ่อเป็นนักดนตรี และคุณแม่ก็เป็นนักเต้น ทำให้คุณ Akon ซึมซับเกี่ยวกับดนตรีมาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้
แต่ชีวิตวัยรุ่นของเขากลับไม่ได้ราบรื่นนัก โดยต้องไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเซเนกัลนานหลายปี ก่อนย้ายกลับมาสหรัฐฯ อีกครั้ง
ซึ่งพอปรับตัวไม่ค่อยได้ เลยหันไปอยู่ในแก๊งลักขโมยรถยนต์ จนถูกจับกุมเข้าคุกรวมเป็นเวลา 3 ปีด้วยกัน
แต่นั่นเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้คุณ Akon เริ่มใช้เวลาแต่งเพลงแนวฮิปฮอป จนกระทั่งหลังพ้นโทษออกมา ก็ตัดสินใจที่จะประกอบอาชีพศิลปินนักร้องให้ได้
ด้วยเสียงร้องแบบแอฟริกาอันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับคุณภาพเพลงที่ดี ทำให้ผลงานของเขาโดดเด่นเข้าตาโปรดิวเซอร์ค่ายเพลงแห่งหนึ่ง
คุณ Akon จึงได้เปิดตัวอัลบั้มแรกชื่อว่า Trouble ในปี 2004 โดยมีเพลงฮิตอย่าง Locked Up และ Lonely ซึ่งทำยอดขายไปได้ 3 ล้านแผ่นทั่วโลก
ต่อมา เขาได้ออกอัลบั้มที่สองชื่อว่า Konvicted ในปี 2006 โดยมีเพลงฮิตอย่าง Smack That และ I Wanna Love You ซึ่งทำยอดขายไปได้กว่า 7.3 ล้านแผ่นทั่วโลก
ถึงจุดนี้นับว่า ชีวิตคุณ Akon ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้น เขาบังเอิญเจอโอกาสธุรกิจที่คนอื่นมองข้าม
เพราะผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เริ่มมีธุรกิจใหม่ โดยให้ผู้ใช้บริการ สามารถซื้อเพลงมาทำเป็นเสียงรอสายได้
พอคุณ Akon ที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เห็นคนใช้เสียงรอสายเป็นเพลงของศิลปินทั่วไป จึงสอบถามดูว่าซื้อมาด้วยราคาเท่าไร
ปรากฏว่า ผู้บริโภคในยุคนั้น จ่ายเงินดาวน์โหลดต่อเพลงประมาณ 160 บาท เพื่อซื้อเสียงรอสายไม่กี่วินาที ทั้ง ๆ ที่ซิงเกิลเพลงปกติ ความยาวประมาณ 4 นาที ขายในราคาประมาณ 65 บาทเท่านั้น
เขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่า มันจะต้องเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มหาศาลแน่นอน
ดังนั้นผลงานเพลงฮิตต่าง ๆ จากอัลบั้ม Trouble และ Konvicted เลยถูกแต่งโดยตั้งใจไว้เลยว่า ท่อนฮุกจะต้องจำง่ายและติดหู เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นเสียงรอสาย
ส่งผลให้คุณ Akon ประสบความสำเร็จในตลาดนี้เป็นอย่างมาก จนถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
คำถามถัดมาคือ แล้วเขามีส่วนแบ่งเท่าไร จากการขายเสียงรอสาย
โดยปกติ รายได้จากการขายเสียงรอสาย จะต้องแบ่งให้ 3 ฝ่าย ได้แก่
- ศิลปิน
- ค่ายเพลง
- ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
แต่คุณ Akon ได้ลองให้ทนายเช็กรายละเอียดในสัญญากับค่ายเพลง พบว่าไม่มีข้อความระบุเกี่ยวกับเสียงรอสายไว้เลย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ในขณะนั้น
แม้ต่อมา ค่ายเพลงเห็นเสียงรอสายของคุณ Akon ขายดี เลยมาขอเจรจาแก้ไขสัญญาให้ครอบคลุมช่องทางดิจิทัล แต่เขาก็ปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นคนละธุรกิจกัน
ส่งผลให้คุณ Akon ได้ถือครองลิขสิทธิ์เพลงเสียงรอสาย และแบ่งรายได้กับแค่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
โดยเขาเปิดเผยในภายหลังว่า สามารถทำเงินได้มหาศาลจากธุรกิจเสียงรอสาย
แม้ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข แต่หากลองคำนวณง่าย ๆ ว่า คุณ Akon มีส่วนแบ่งรายได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือราวครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 80 บาทต่อการดาวน์โหลด
เท่ากับว่า เพลงของเขาที่ถูกดาวน์โหลดเป็นเสียงรอสายไป 11 ล้านครั้ง อาจสร้างรายได้จำนวนมากถึง 880 ล้านบาท
แล้วหลังจากนั้น คุณ Akon ทำธุรกิจอะไรอีกบ้าง ?
ในปัจจุบัน คุณ Akon ยังคงสร้างสรรค์ผลงานเพลง และจัดแสดงคอนเสิร์ตอยู่ รวมทั้งก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองด้วย
แต่เขาก็มีแพสชันในการทำธุรกิจที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทวีปแอฟริกา เพราะมองว่าเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตสูง และยังไม่ค่อยมีใครลงทุนมากนัก
โดยตั้งบริษัทร่วมลงทุน เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะชื่อว่า Akon City ในประเทศเซเนกัล ให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของแอฟริกา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองวากานดา ในภาพยนตร์เรื่อง Black Panther
คาดการณ์ว่าโครงการจะใช้เงินลงทุนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 198,000 ล้านบาท และเฟสแรกจะแล้วเสร็จภายในปี 2028
และยังสร้างเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี ชื่อว่า Akoin เพื่อใช้ใน Akon City เป็นทางเลือกให้ชาวแอฟริกาสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นกว่าระบบธนาคารแบบเดิม
รวมถึงก่อตั้งโครงการ Akon Lighting Africa ที่ลงทุนในแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้แก่ประชากร 600 ล้านรายใน 14 ประเทศของทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้ทาง Yahoo ได้ประเมินว่าคุณ Akon มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท
ก็น่าจะแปลว่า รายได้จากธุรกิจเสียงรอสายในอดีตนั้น สร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ Akon มาก ซึ่งเปิดโอกาสให้เขามีทรัพยากรไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่สนใจต่อไปได้
บทสรุปจากเรื่องของคุณ Akon สอนให้รู้ว่า
ความสำเร็จอาจไม่ได้มาจากการเดินตามคนอื่น
แต่เกิดจากการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ให้ได้ก่อนใคร
รวมถึงนำความเชี่ยวชาญที่เรามีอยู่แล้ว ไปใช้สอดแทรกในโอกาสนั้น ๆ
เหมือนที่คุณ Akon เก่งเรื่องเพลง แล้วเห็นศักยภาพในเสียงรอสาย
ขณะที่คนอื่นอาจจะโฟกัสกับอัลบั้มและปล่อยให้ค่ายเพลงจัดการทุกอย่าง
ซึ่งผลสุดท้าย มันก็ทำให้เขาสร้างฐานะความร่ำรวยขึ้นมาได้ จากการขายเพลงเสียงรอสาย ที่ดังไม่กี่วินาทีเท่านั้น..