ข่า อีกพืชผักสวนครัวที่ปลูกง่าย มาพร้อมกลิ่นฉุน รสชาติที่เผ็ดร้อน ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ จึงเหมาะแก่การปรุงอาหารไทยหลายชนิด อาทิ ต้มข่าไก่ ต้มยำ แกงเขียวหวาน ที่พอใส่ลงไปแล้วเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัวให้กับอาหารได้ดี และข่ายังมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจอีกด้วย
สรรพคุณของข่า
ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามข้อต่าง ๆ ปวดกล้ามเนื้อ และปวดหัว
ช่วยแก้โรคกลากเกลื้อน ผิวหนังต่าง ๆ
ช่วยลดการอักเสบ การบวม ด้วยฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ
ช่วยแก้อาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน
ช่วยให้กระเพาะ สามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น
ช่วยลดอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ
ช่วยป้องกันความเสี่ยงโรคมะเร็ง
วิธีปลูกข่า
เริ่มจากการเตรียมดินที่ร่วนซุย และระบายน้ำได้ดี พร้อมเลือกหน่อข่าที่สมบูรณ์ มีหลายตา
ขุดหลุมลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และวางหน่อข่าลงในหลุม กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่มชื้น
ต้องปลูกในระยะห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นข่ามีพื้นที่ว่างในการเจริญเติบโตอย่างสวยงาม
วิธีการดูแลข่า
ปุ๋ย: หมั่นคอยเติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับข่าเดือนละครั้ง
น้ำ: รดน้ำให้ดินพอชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ระวังอย่าให้แฉะ
แสงแดด: ข่าชอบแสงแดดรำไร และต้องปลูกในพื้นที่ที่แดดส่องถึง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
ตัดแต่งกิ่ง: ตัดกิ่งที่แห้งตาย ใบเหลือง ใบที่เป็นโรคออก รวมทั้งกิ่งที่อยู่ด้านในพุ่มออกให้หมด เพื่อให้ข่าเจริญเติบโตดี และได้หน่ออ่อนที่สวย
การเก็บเกี่ยวข่า
สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี
หากต้องการข่าอ่อน ให้เริ่มเก็บเกี่ยวหลังจากปลูกประมาณ 8 เดือน
หากต้องการข่าแก่ ให้เก็บเกี่ยวหลังจากปลูกประมาณ 1 ปี

ขอบคุณข้อมูลเพจ SANOOK.COM
มาดูวิธีการปลูก "ข่า" หนึ่งในพืชสวนครัวที่มีสรรพคุณมากมาย
ขอบคุณข้อมูลเพจ SANOOK.COM