เราเพิ่งเริ่มทำงานในตำแหน่งใหม่กับองค์กรหนึ่งในกรุงเทพฯ
ดูเผิน ๆ บริษัทนี้ภาพลักษณ์ดี เป็นองค์กรระดับภูมิภาค มีระบบรายงานกับต่างประเทศ แต่อยู่ไปแค่สัปดาห์แรกก็เริ่มรู้ว่ามีหลายอย่างที่ไม่เหมือนที่คิด
ไม่มีระบบ ERP พนักงานใช้ Excel และกระดาษในการเก็บข้อมูล ทุกอย่างทำมือ ตัวเลขบางส่วนก็คลาดเคลื่อนเพราะไม่มีการตรวจสอบข้ามฝ่าย
แต่พองานออกมาแล้วผิด มักจะย้อนกลับมาถามเราว่า “ทำไมเลขถึงไม่ถูก” ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนกรอกหรือควบคุมข้อมูลเลย
เราทำงานคนเดียวในตำแหน่ง Manager โดยไม่มีลูกทีม ไม่มีใครให้ปรึกษา หัวหน้าก็ไม่มีประสบการณ์ในสายงานที่เราทำ และส่วนใหญ่ก็โยนคำตอบมาว่า “ให้ลองจัดการเอง” เราเลยต้องพยายามสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งระบบ ทั้งฟอร์ม ทั้งการวิเคราะห์
แต่สิ่งที่สะเทือนใจเราที่สุด ไม่ใช่เรื่องระบบ ไม่ใช่ภาระงาน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ค่ะ
ตอนเกิดแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทเปิดตู้รับบริจาคให้พนักงานช่วยกันสนับสนุน เราก็บริจาคด้วยใจจริง แต่ต่อมากลับทราบว่า บริษัทได้นำยอดเงินนั้นไปขอใบเสร็จในนาม “บริษัท” เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี เงินทั้งหมดนั้นเป็นเงินจากพนักงาน ไม่มีส่วนใดจากบริษัทเลย
และสิ่งที่น่าตกใจคือ HR บัญชี และผู้บริหารระดับสูงรับรู้และเห็นด้วยกับสิ่งนี้….
เราเคยตั้งคำถามกับเพื่อนร่วมงานบางคนว่าแบบนี้ถูกต้องไหม แต่คำตอบที่ได้คือ
“ก็ถ้าบริษัทใช้ลดหย่อนไม่ได้ ก็คืนเงินพนักงานมาก็พอ”
เรารู้สึกเหมือนความตั้งใจดี กลายเป็นแค่ “เงินแลกสิทธิ์ภาษี”
มันไม่ใช่การบริจาคอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นการ “ซื้อบุญแบบมีใบเสร็จให้บริษัท”
ตอนนี้เรายังลังเลมากว่า ควรอดทนอยู่ต่อ หรือควรเริ่มหาทางเดินออก แม้ตอนนี้ยังไม่มีงานใหม่ ภาระชีวิตก็ยังมี ทั้งค่าใช้จ่ายประจำ และครอบครัวที่ดูแล
เราเลยอยากมาถามเพื่อน ๆ ในนี้ว่า…
ถ้าคุณอยู่ในองค์กรแบบนี้ คุณจะทำยังไงต่อ?
คุณจะยังไว้ใจบริษัทที่ทำแบบนี้ได้อยู่ไหม?
หรือสุดท้ายแล้ว “ความถูกต้อง” มันจำเป็นน้อยกว่าการอยู่รอด?
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ 🤍
ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
#ชีวิตมนุษย์เงินเดือน
#บริษัทที่ไม่โปร่งใส
#ความยุติธรรมในที่ทำงาน
#ภาษีกับความรับผิดชอบ
#ประสบการณ์ตรง
#ถามความคิดเห็น
ถ้าบริษัทใช้เงินบริจาคของพนักงานไปลดหย่อนภาษีในนามบริษัท… คุณจะอยู่ต่อไหม?
ดูเผิน ๆ บริษัทนี้ภาพลักษณ์ดี เป็นองค์กรระดับภูมิภาค มีระบบรายงานกับต่างประเทศ แต่อยู่ไปแค่สัปดาห์แรกก็เริ่มรู้ว่ามีหลายอย่างที่ไม่เหมือนที่คิด
ไม่มีระบบ ERP พนักงานใช้ Excel และกระดาษในการเก็บข้อมูล ทุกอย่างทำมือ ตัวเลขบางส่วนก็คลาดเคลื่อนเพราะไม่มีการตรวจสอบข้ามฝ่าย
แต่พองานออกมาแล้วผิด มักจะย้อนกลับมาถามเราว่า “ทำไมเลขถึงไม่ถูก” ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนกรอกหรือควบคุมข้อมูลเลย
เราทำงานคนเดียวในตำแหน่ง Manager โดยไม่มีลูกทีม ไม่มีใครให้ปรึกษา หัวหน้าก็ไม่มีประสบการณ์ในสายงานที่เราทำ และส่วนใหญ่ก็โยนคำตอบมาว่า “ให้ลองจัดการเอง” เราเลยต้องพยายามสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งระบบ ทั้งฟอร์ม ทั้งการวิเคราะห์
แต่สิ่งที่สะเทือนใจเราที่สุด ไม่ใช่เรื่องระบบ ไม่ใช่ภาระงาน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ค่ะ
ตอนเกิดแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทเปิดตู้รับบริจาคให้พนักงานช่วยกันสนับสนุน เราก็บริจาคด้วยใจจริง แต่ต่อมากลับทราบว่า บริษัทได้นำยอดเงินนั้นไปขอใบเสร็จในนาม “บริษัท” เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี เงินทั้งหมดนั้นเป็นเงินจากพนักงาน ไม่มีส่วนใดจากบริษัทเลย
และสิ่งที่น่าตกใจคือ HR บัญชี และผู้บริหารระดับสูงรับรู้และเห็นด้วยกับสิ่งนี้….
เราเคยตั้งคำถามกับเพื่อนร่วมงานบางคนว่าแบบนี้ถูกต้องไหม แต่คำตอบที่ได้คือ
“ก็ถ้าบริษัทใช้ลดหย่อนไม่ได้ ก็คืนเงินพนักงานมาก็พอ”
เรารู้สึกเหมือนความตั้งใจดี กลายเป็นแค่ “เงินแลกสิทธิ์ภาษี”
มันไม่ใช่การบริจาคอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นการ “ซื้อบุญแบบมีใบเสร็จให้บริษัท”
ตอนนี้เรายังลังเลมากว่า ควรอดทนอยู่ต่อ หรือควรเริ่มหาทางเดินออก แม้ตอนนี้ยังไม่มีงานใหม่ ภาระชีวิตก็ยังมี ทั้งค่าใช้จ่ายประจำ และครอบครัวที่ดูแล
เราเลยอยากมาถามเพื่อน ๆ ในนี้ว่า…
ถ้าคุณอยู่ในองค์กรแบบนี้ คุณจะทำยังไงต่อ?
คุณจะยังไว้ใจบริษัทที่ทำแบบนี้ได้อยู่ไหม?
หรือสุดท้ายแล้ว “ความถูกต้อง” มันจำเป็นน้อยกว่าการอยู่รอด?
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ 🤍
ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
#ชีวิตมนุษย์เงินเดือน
#บริษัทที่ไม่โปร่งใส
#ความยุติธรรมในที่ทำงาน
#ภาษีกับความรับผิดชอบ
#ประสบการณ์ตรง
#ถามความคิดเห็น