ปัจจุบัน ปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยง สัตว์จรจัดต่างๆ มันเป็นปัญหาที่สั่งสมไว้เยอะมากในประเทศไทย
มันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องไปสารพัดเรื่อง เช่น เรื่องสุขอนามัย ปัญหาการกระทบกระทั่งของคนในสังคม
ปัญหาสัตว์จรจัด การแพร่พันธุ์แบบยากเกินควบคุม การให้อาหารสัตว์จรจัดแบบสะเปะสะปะ
การที่คนเลี้ยงสัตว์ไม่มีความรู้ที่เพียงพอ ปล่อยสัตว์เป็นอิสระแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อืน
...ฯลฯ อีกสารพัดปัญหา
และประเด็นสำคัญอันนึง ที่คนมักถกเถียงกัน คือ
เรื่องการทำหมันสัตว์
ส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า มันบาปหรือไม่บาป?
กระทู้นี้ เป็นการต่อยอดมาจากอีกกระทู้นึง
https://pantip.com/topic/42620509/
ซึ่งเราก็มีข้อสงสัยมานานแล้วเกี่ยวกับประเด็นนี้ ก็ได้ลองหาข้อมูลจากหลายทางนะคะ
ถิอว่ามันเป็นบทสรุปส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่ความจริงสูงสุดอะไรนะคะ
-------------------------
ในทางพุทธ การทำหมันสัตว์ ควรหรือไม่ควร? (บทสรุปส่วนตัว)
1. หลายคนใช้คำว่า "บาปหรือไม่บาป"
เรามองว่า ชาวไทยมองคำว่า "บาป" โดยมีเรื่องความเชื่อแบบผิดๆ ถูกๆ ปะปนกันไป
ในบางความหมายมันคลุมเครือสำหรับเรา
เราเลยขอเปลี่ยนเป็นใช้คำว่า "สมควรหรือไม่สมควร" ละกัน เผื่อว่าจะเห็นภาพชัดขึ้น
2. เราหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ โดยเน้นผู้ที่มีความเข้าใจทางพุทธศาสนามากพอสมควร
เช่น พระอาจารย์ต่างๆ หรือฆราวาสอื่นๆ ที่มีความเข้าใจทางพุทธ เป็นต้น
ย้ำว่า ในเมื่อจะหาคำตอบในแง่มุมของพุทธ ก็ต้องได้ผู้ที่มีความรู้ทางพุทธมากพอสมควร
เพราะถ้าไปถามสัตว์แพทย์ หรือ บุคคลอื่นๆ ก็จะให้มุมมองด้านอื่นๆ
แต่เราต้องการรู้
มุมมองในทางพุทธ ค่ะ
สิ่งที่เราพบ ก็คือ ไม่ว่าพระหรือฆราวาสต่างๆ ที่เป็นครูอาจารย์ หรือมีความรู้เรื่องพุทธมากพอสมควร
ก็มีให้ความเห็นไว้ 2 ทาง ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็ประมาณว่า มีทั้งบอกว่า บาป และ ไม่บาป
แล้วจะเชื่อทางไหนดี??
3. ในเมื่อเหตุผลมีน้ำหนักทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่บอกว่า บาป และไม่บาป
เราก็เลยลองเปลี่ยนคำว่า "บาปหรือไม่?" ให้เป็นคำว่า "สมควรทำหรือไม่สมควรทำ?"
เรารู้สึกว่า ถ้าถามว่า
มันสมควรทำหรือไม่?
มันทำให้คนเราต้องใช้ปัญญาพิจารณามากขึ้นว่า
การจะทำอะไรสักอย่างนั้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปกระทบชีวิตอื่นๆ
ไปกระทบสิ่งแวดล้อม ไปเบียดเบียนสิ่งต่างๆ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำสิ่งนั้นด้วยเจตนาที่เป็นกุศล พิจารณาแล้วว่า มันสมควรต้องทำ
แล้วใช้ปัญญาในการพิจารณาลงมือทำอย่างรอบคอบ อย่างเหมาะสม
.... ก็ถือว่า
มันทำไปตามสมควร ค่ะ
4. ส่วนจะมีคำถามต่อมาว่า มันบาปมั้ย? มันเบียดเบียนชีวิตอื่นมั้ย?
เอาจริงๆ มันตอบยากค่ะ แล้วแต่สถานการณ์ แล้วแต่มุมมอง จะมองว่าเบียดเบียนหรือไม่ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
เช่น ฝ่ายที่มองว่า มันบาป เพราะไปเบียดเบียนชีวิตอื่น ฝ่ายนี้ก็จะยกตัวอย่างประมาณว่า
....เราไปถามสัตว์หรือยัง...ว่ามันยินยอมหรือไม่?
ถ้ามันไม่ยินยอม..เราก็กำลังบังคับฝืนใจมัน ไปทำให้มันออกลูกหลานไม่ได้ ...บลา บลา
...ซึ่งเราก็พอจะเข้าใจแนวคิดนี้นะคะ คือ มองว่า มันเป็นการไปเบียดเบียน ไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์
(แต่ในความจริง คนเราคงไปรู้ถึงจิตใจสัตว์ไม่ได้หรอกค่ะ ว่า สัตว์มันคิด มันรู้สึกยังไง?
มันอยากให้เราทำหมันให้หรือไม่? หรือ เอาจริงๆ แล้ว สัตว์ทั่วไปก็ไม่ได้มีปัญญามากพอ
ที่จะคิดวิเคราะห์ว่า อีกหน่อยตัวสัตว์เองมีลูกเยอะ แล้วไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ ปล่อยให้ลูกไปลำบาก
ไปเป็นภาระของสังคมหรืออื่นๆ.... สัตว์เค้าไม่คิดวิเคราะห์อะไรลึกซึ้งแบบนี้หรอกค่ะ)
5. ลองพิจารณาดูนะคะ ในชีวิตนี้ คนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะ
ไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีส่วนจะไปเบียดเบียนชีวิตอื่น สิ่งอื่นๆ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
เช่น นั่งเฉยๆ นอนเฉยๆ ก็ต้องหายใจเอาอากาศ ก็จะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในอากาศก็ต้องตายไปจากการหายใจเรา
หรือการอาบน้ำ การเดิน วิถีชีวิตทั่วไปของคน มันหนีไม่พ้นต้องเบียดเบียนสิ่งอื่นๆ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
ในทางพุทธ ประเด็นก็เลยกลายเป็นย้อนไปตั้งต้นที่ "เจตนา" ค่ะ
ว่า การทำสิ่งใด เรามีเจตนาที่เป็นกุศล หรือ อกุศล มากน้อยแค่ไหน?
อันนี้ ก็แล้วแต่ว่า แต่ละท่านมีเจตนาในการทำสิ่งใดยังไง?
และเจตนาอย่างเดียวไม่พอค่ะ ในทางพุทธ สนับสนุนให้ใช้ปัญญาเข้าร่วมด้วยในทุกการกระทำ
เจตนา+ปัญญา (หลวงพ่อปยุตโต เคยบรรยายไว้ในหลายวาระค่ะ)
เจตนาเป็นกุศล แล้วใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วลงมือทำอย่างเหมาะสม
นี่ค่ะ...เป็นแนวทางกว้างๆ ของพุทธ
ถ้าเอาแบบกว้างๆ คือ ถ้าเจตนาทำไปเพื่อประโยชน์ของสัตว์ ประโยชน์ของส่วนรวม หรือประโยชน์อื่นๆ
ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำร้าย หรือไปกลั่นแกล้ง
รวมถึงใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วก็ลงมือทำอย่างเหมาะสม
ก็ถือว่า มันทำไปตามสมควร
6. ส่วนผู้ที่กังวลเรื่องผลของกรรม เพราะไปเบียดเบียนชีวิตอื่นนั้น (ถ้ามันจะมีผล ก็ถือเป็นกรรมระดับเบา)
หลายคนเชื่อกันว่า ไปทำหมันสัตว์ แล้วจะส่งผลแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
คือ ทำให้บุคคลนั้นมีลูกยาก มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบสืบพันธุ์ หรืออื่นๆ
อันนี้... ขอบอกว่า การส่งผลของกรรมในทางพุทธ มันมีปัจจัยหลายอย่างมากค่ะ
ไม่ใช่ส่งผลแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แบบนี้เสมอไป
..... การส่งผลของกรรมว่าจะส่งผลยังไง เมื่อไหร่ มันก็มีรายละเอียดเยอะค่ะ
บางระดับที่ลึกซึ้งซับซ้อน มันถือเป็นเรื่องอจินไตยค่ะ
คุณฟันธงไม่ได้หรอกว่า ไปทำหมันสัตว์ด้วยเจตนาอันเป็นกุศล แล้วก็ทำอย่างรอบคอบเหมาะสม
แล้วยังจะส่งผลให้คุณเป็นหมัน??? หรือมีปัญหาเรื่องมีลูกยาก อะไรแบบนั้น
มันไม่ใช่การวิเคราะห์ที่ถูกต้องตามแนวทางพุทธค่ะ
แต่มันเป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องบุญๆ บาปๆ
กฎแห่งกรรม...มีการทำงานที่มันซับซ้อนกว่านั้นค่ะ
ส่วนฝ่ายที่มองว่าไม่บาป มีความเห็นแย้งกับแนวคิดนี้ ก็ยกตัวอย่างขำๆ ประมาณว่า...
ถ้าลองเปรียบเทียบเล่นๆ ดู
กรณีสามีหรือภรรยา บังคับให้อีกฝ่ายไปทำหมัน
...ถ้าจะมองว่า มันบาป มันไม่สมควรทำ??? นี่ไม่ยิ่งหนักกว่าทำหมันสัตว์เหรอ??
เพราะไปบังคับให้สามีหรือภรรยา ไปทำหมัน ซึ่งหลายคนเค้าก็ไม่ยินยอม ไม่อยากทำ
แต่ก็ต้องฝืนใจไปทำ เพราะโดนอีกฝ่ายบังคับ!!!
....มันก็น่าคิดนะคะ
หรือถ้าจะเทียบกับการกินยาเพื่อเข้าไปรักษาโรค ก็ได้ค่ะ
การกินยาเนี่ย รู้แน่ๆ ว่า มันส่งผลไปฆ่าเชื้อโรคโดยตรง
มันไม่ใช่แค่เบียดเบียนเล็กๆ แต่เป็นการฆ่าเลยค่ะ
....แต่ถ้ามันจำเป็นต้องทำ ก็สมควรต้องกินยาไปรักษาโรคหรือไม่?
ถึงแม้เราจะไม่เจตนา ไม่อยากไปฆ่าชีวิตใดๆ ก็ตาม
หรือถ้าไม่อยากเบียดเบียนชีวิตอื่นเลย ก็ต้องไปหาทางอื่นแทนการกินยาไปฆ่าเชื้อโรค?
นี่แค่ยกตัวอย่างให้เห็นว่า ในชีวิตคนเรา การจะอยู่โดยไม่เบียดเบียนสิ่งใดเลย มันไม่มีทางทำได้ค่ะ
แน่นอนว่า เราไม่ได้สนับสนุนให้ละเลยในเรื่องการเบียดเบียนสิ่งอื่นๆ
แต่ทางพุทธสนับสนุนให้ใช้ปัญญาเพื่อแสวงหาความเหมาะสมพอดีในการทำสิ่งต่างๆ ค่ะ
ไม่สุดโต่งไปทางใดทางนึงมากไป
------------------------------------
สรุปคือ ถ้าทำไปด้วยเจตนาที่เป็นกุศล ไม่ได้มุ่งร้ายใดๆ
ใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าจำเป็นต้องทำ แล้วก็ลงมือทำอย่างเหมาะสม
มันถือเป็นสิ่งที่สมควรทำค่ะ
ส่วนเรื่องบาปๆ บุญๆ ถ้าจะใช้คำว่า บาป ก็ถือเป็น บาปเล็กค่ะ
เพราะเจตนาเป็นกุศล ใช้ปัญญาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ ลงมือทำอย่างเหมาะสม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่เราเขียนมา มันมีหลักคิดของพุทธใหญ่ๆ อยู่ 2-3 เรื่อง
มันก็ไม่ได้เป็นปัญญาของตัวเรานะคะ แต่เราหาข้อมูลมาจากครูอาจารย์ค่ะ
ใครต้องการข้อมูลอ้างอิง ก็ลองฟังคลิปด้านล่างนี้ละกันค่ะ



ในทางพุทธ การทำหมันสัตว์ ควรหรือไม่ควร?
มันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องไปสารพัดเรื่อง เช่น เรื่องสุขอนามัย ปัญหาการกระทบกระทั่งของคนในสังคม
ปัญหาสัตว์จรจัด การแพร่พันธุ์แบบยากเกินควบคุม การให้อาหารสัตว์จรจัดแบบสะเปะสะปะ
การที่คนเลี้ยงสัตว์ไม่มีความรู้ที่เพียงพอ ปล่อยสัตว์เป็นอิสระแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อืน
...ฯลฯ อีกสารพัดปัญหา
และประเด็นสำคัญอันนึง ที่คนมักถกเถียงกัน คือ เรื่องการทำหมันสัตว์
ส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า มันบาปหรือไม่บาป?
กระทู้นี้ เป็นการต่อยอดมาจากอีกกระทู้นึง https://pantip.com/topic/42620509/
ซึ่งเราก็มีข้อสงสัยมานานแล้วเกี่ยวกับประเด็นนี้ ก็ได้ลองหาข้อมูลจากหลายทางนะคะ
ถิอว่ามันเป็นบทสรุปส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่ความจริงสูงสุดอะไรนะคะ
-------------------------
ในทางพุทธ การทำหมันสัตว์ ควรหรือไม่ควร? (บทสรุปส่วนตัว)
1. หลายคนใช้คำว่า "บาปหรือไม่บาป"
เรามองว่า ชาวไทยมองคำว่า "บาป" โดยมีเรื่องความเชื่อแบบผิดๆ ถูกๆ ปะปนกันไป
ในบางความหมายมันคลุมเครือสำหรับเรา
เราเลยขอเปลี่ยนเป็นใช้คำว่า "สมควรหรือไม่สมควร" ละกัน เผื่อว่าจะเห็นภาพชัดขึ้น
2. เราหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ โดยเน้นผู้ที่มีความเข้าใจทางพุทธศาสนามากพอสมควร
เช่น พระอาจารย์ต่างๆ หรือฆราวาสอื่นๆ ที่มีความเข้าใจทางพุทธ เป็นต้น
ย้ำว่า ในเมื่อจะหาคำตอบในแง่มุมของพุทธ ก็ต้องได้ผู้ที่มีความรู้ทางพุทธมากพอสมควร
เพราะถ้าไปถามสัตว์แพทย์ หรือ บุคคลอื่นๆ ก็จะให้มุมมองด้านอื่นๆ
แต่เราต้องการรู้ มุมมองในทางพุทธ ค่ะ
สิ่งที่เราพบ ก็คือ ไม่ว่าพระหรือฆราวาสต่างๆ ที่เป็นครูอาจารย์ หรือมีความรู้เรื่องพุทธมากพอสมควร
ก็มีให้ความเห็นไว้ 2 ทาง ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็ประมาณว่า มีทั้งบอกว่า บาป และ ไม่บาป
แล้วจะเชื่อทางไหนดี??
3. ในเมื่อเหตุผลมีน้ำหนักทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่บอกว่า บาป และไม่บาป
เราก็เลยลองเปลี่ยนคำว่า "บาปหรือไม่?" ให้เป็นคำว่า "สมควรทำหรือไม่สมควรทำ?"
เรารู้สึกว่า ถ้าถามว่า มันสมควรทำหรือไม่?
มันทำให้คนเราต้องใช้ปัญญาพิจารณามากขึ้นว่า
การจะทำอะไรสักอย่างนั้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปกระทบชีวิตอื่นๆ
ไปกระทบสิ่งแวดล้อม ไปเบียดเบียนสิ่งต่างๆ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำสิ่งนั้นด้วยเจตนาที่เป็นกุศล พิจารณาแล้วว่า มันสมควรต้องทำ
แล้วใช้ปัญญาในการพิจารณาลงมือทำอย่างรอบคอบ อย่างเหมาะสม
.... ก็ถือว่า มันทำไปตามสมควร ค่ะ
4. ส่วนจะมีคำถามต่อมาว่า มันบาปมั้ย? มันเบียดเบียนชีวิตอื่นมั้ย?
เอาจริงๆ มันตอบยากค่ะ แล้วแต่สถานการณ์ แล้วแต่มุมมอง จะมองว่าเบียดเบียนหรือไม่ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
เช่น ฝ่ายที่มองว่า มันบาป เพราะไปเบียดเบียนชีวิตอื่น ฝ่ายนี้ก็จะยกตัวอย่างประมาณว่า
....เราไปถามสัตว์หรือยัง...ว่ามันยินยอมหรือไม่?
ถ้ามันไม่ยินยอม..เราก็กำลังบังคับฝืนใจมัน ไปทำให้มันออกลูกหลานไม่ได้ ...บลา บลา
...ซึ่งเราก็พอจะเข้าใจแนวคิดนี้นะคะ คือ มองว่า มันเป็นการไปเบียดเบียน ไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์
(แต่ในความจริง คนเราคงไปรู้ถึงจิตใจสัตว์ไม่ได้หรอกค่ะ ว่า สัตว์มันคิด มันรู้สึกยังไง?
มันอยากให้เราทำหมันให้หรือไม่? หรือ เอาจริงๆ แล้ว สัตว์ทั่วไปก็ไม่ได้มีปัญญามากพอ
ที่จะคิดวิเคราะห์ว่า อีกหน่อยตัวสัตว์เองมีลูกเยอะ แล้วไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ ปล่อยให้ลูกไปลำบาก
ไปเป็นภาระของสังคมหรืออื่นๆ.... สัตว์เค้าไม่คิดวิเคราะห์อะไรลึกซึ้งแบบนี้หรอกค่ะ)
5. ลองพิจารณาดูนะคะ ในชีวิตนี้ คนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะ
ไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีส่วนจะไปเบียดเบียนชีวิตอื่น สิ่งอื่นๆ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
เช่น นั่งเฉยๆ นอนเฉยๆ ก็ต้องหายใจเอาอากาศ ก็จะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในอากาศก็ต้องตายไปจากการหายใจเรา
หรือการอาบน้ำ การเดิน วิถีชีวิตทั่วไปของคน มันหนีไม่พ้นต้องเบียดเบียนสิ่งอื่นๆ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
ในทางพุทธ ประเด็นก็เลยกลายเป็นย้อนไปตั้งต้นที่ "เจตนา" ค่ะ
ว่า การทำสิ่งใด เรามีเจตนาที่เป็นกุศล หรือ อกุศล มากน้อยแค่ไหน?
อันนี้ ก็แล้วแต่ว่า แต่ละท่านมีเจตนาในการทำสิ่งใดยังไง?
และเจตนาอย่างเดียวไม่พอค่ะ ในทางพุทธ สนับสนุนให้ใช้ปัญญาเข้าร่วมด้วยในทุกการกระทำ
เจตนา+ปัญญา (หลวงพ่อปยุตโต เคยบรรยายไว้ในหลายวาระค่ะ)
เจตนาเป็นกุศล แล้วใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วลงมือทำอย่างเหมาะสม
นี่ค่ะ...เป็นแนวทางกว้างๆ ของพุทธ
ถ้าเอาแบบกว้างๆ คือ ถ้าเจตนาทำไปเพื่อประโยชน์ของสัตว์ ประโยชน์ของส่วนรวม หรือประโยชน์อื่นๆ
ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำร้าย หรือไปกลั่นแกล้ง
รวมถึงใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วก็ลงมือทำอย่างเหมาะสม
ก็ถือว่า มันทำไปตามสมควร
6. ส่วนผู้ที่กังวลเรื่องผลของกรรม เพราะไปเบียดเบียนชีวิตอื่นนั้น (ถ้ามันจะมีผล ก็ถือเป็นกรรมระดับเบา)
หลายคนเชื่อกันว่า ไปทำหมันสัตว์ แล้วจะส่งผลแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
คือ ทำให้บุคคลนั้นมีลูกยาก มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบสืบพันธุ์ หรืออื่นๆ
อันนี้... ขอบอกว่า การส่งผลของกรรมในทางพุทธ มันมีปัจจัยหลายอย่างมากค่ะ
ไม่ใช่ส่งผลแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แบบนี้เสมอไป
..... การส่งผลของกรรมว่าจะส่งผลยังไง เมื่อไหร่ มันก็มีรายละเอียดเยอะค่ะ
บางระดับที่ลึกซึ้งซับซ้อน มันถือเป็นเรื่องอจินไตยค่ะ
คุณฟันธงไม่ได้หรอกว่า ไปทำหมันสัตว์ด้วยเจตนาอันเป็นกุศล แล้วก็ทำอย่างรอบคอบเหมาะสม
แล้วยังจะส่งผลให้คุณเป็นหมัน??? หรือมีปัญหาเรื่องมีลูกยาก อะไรแบบนั้น
มันไม่ใช่การวิเคราะห์ที่ถูกต้องตามแนวทางพุทธค่ะ
แต่มันเป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องบุญๆ บาปๆ
กฎแห่งกรรม...มีการทำงานที่มันซับซ้อนกว่านั้นค่ะ
ส่วนฝ่ายที่มองว่าไม่บาป มีความเห็นแย้งกับแนวคิดนี้ ก็ยกตัวอย่างขำๆ ประมาณว่า...
ถ้าลองเปรียบเทียบเล่นๆ ดู กรณีสามีหรือภรรยา บังคับให้อีกฝ่ายไปทำหมัน
...ถ้าจะมองว่า มันบาป มันไม่สมควรทำ??? นี่ไม่ยิ่งหนักกว่าทำหมันสัตว์เหรอ??
เพราะไปบังคับให้สามีหรือภรรยา ไปทำหมัน ซึ่งหลายคนเค้าก็ไม่ยินยอม ไม่อยากทำ
แต่ก็ต้องฝืนใจไปทำ เพราะโดนอีกฝ่ายบังคับ!!!
....มันก็น่าคิดนะคะ
หรือถ้าจะเทียบกับการกินยาเพื่อเข้าไปรักษาโรค ก็ได้ค่ะ
การกินยาเนี่ย รู้แน่ๆ ว่า มันส่งผลไปฆ่าเชื้อโรคโดยตรง
มันไม่ใช่แค่เบียดเบียนเล็กๆ แต่เป็นการฆ่าเลยค่ะ
....แต่ถ้ามันจำเป็นต้องทำ ก็สมควรต้องกินยาไปรักษาโรคหรือไม่?
ถึงแม้เราจะไม่เจตนา ไม่อยากไปฆ่าชีวิตใดๆ ก็ตาม
หรือถ้าไม่อยากเบียดเบียนชีวิตอื่นเลย ก็ต้องไปหาทางอื่นแทนการกินยาไปฆ่าเชื้อโรค?
นี่แค่ยกตัวอย่างให้เห็นว่า ในชีวิตคนเรา การจะอยู่โดยไม่เบียดเบียนสิ่งใดเลย มันไม่มีทางทำได้ค่ะ
แน่นอนว่า เราไม่ได้สนับสนุนให้ละเลยในเรื่องการเบียดเบียนสิ่งอื่นๆ
แต่ทางพุทธสนับสนุนให้ใช้ปัญญาเพื่อแสวงหาความเหมาะสมพอดีในการทำสิ่งต่างๆ ค่ะ
ไม่สุดโต่งไปทางใดทางนึงมากไป
------------------------------------
สรุปคือ ถ้าทำไปด้วยเจตนาที่เป็นกุศล ไม่ได้มุ่งร้ายใดๆ
ใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าจำเป็นต้องทำ แล้วก็ลงมือทำอย่างเหมาะสม
มันถือเป็นสิ่งที่สมควรทำค่ะ
ส่วนเรื่องบาปๆ บุญๆ ถ้าจะใช้คำว่า บาป ก็ถือเป็น บาปเล็กค่ะ
เพราะเจตนาเป็นกุศล ใช้ปัญญาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ ลงมือทำอย่างเหมาะสม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้