"ลาภ" ในที่นี้ ไม่ใช่เพียงโชค หรือการได้มาโดยไม่ต้องลงแรงเสมอไป แต่เป็นสิ่งใดก็ตามที่สร้างความสุข ความสบายใจ และไม่เป็นทุกข์ในภายหลัง
“หนี้” แม้บางครั้งจะมอบความสะดวกหรือวัตถุที่ต้องการในช่วงหนึ่ง แต่หากไม่ระวัง ก็อาจกลายเป็นเงาตามตัวที่คอยบั่นทอนชีวิตได้ตลอดเวลา
หนี้ให้ทั้ง “สุขชั่วคราว” และ “ทุกข์ระยะยาว”
ความต่างของลูกหนี้มีวินัย กับลูกหนี้ที่มองข้ามความรับผิดชอบ
มุมมองจากเจ้าหนี้ที่เจ็บปวดมากกว่าแค่เรื่อง “ตัวเงิน” แต่เป็นเรื่อง “น้ำใจ”
ทำไมการไม่มีหนี้ถึงนับเป็นลาภอันประเสริฐในมุมมองของเรา "หนี้"คือสิ่งที่สร้างความไม่สบายให้ผู้มี และ"หนี้"อาจจะมอบสิ่งที่เราต้องการในตอนแรก จากความไขว่คว้าทางวัตถุ หรืออะไรก็ตามที่เรา ใจร้อนรีบอยากจะมี ใน ณ เวลานั้น
แต่สร้างความทุกข์ใจให้เราในภายหลัง บางคนมีวินัย สามารถชำระหนี้ได้ตามเวลา ไม่ยืดเยื้อนาน บางคนหนี้ตกไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือตายแล้วก็ยังใช้ไม่หมด เพราะฉะนั้น"หนี้"ให้ทุกข์มากกว่าสุข.....
ส่วนตัวเรานั้น
เคยเป็นทั้งลูกหนี้
เคยเป็นทั้งเจ้าหนี้
ถึงได้เข้าใจเขาเข้าใจเรา
เวลาเราเป็นหนี้ใคร ก็ต้องตั้งใจหามาใช้คืนให้เร็วที่สุด เพราะเกรงใจเจ้าหนี้เชื่อว่าเขาก็มีเหตุต้องใช้เงินเหมือนกัน
เขาหยิบยื่นน้ำใจให้เรายืม เราก็ควรเกรงใจเขา ไม่ควรทำให้เขา ไม่สบายใจเมื่อ หากไม่มีคืนหรือส่งตามกำหนด ก็ควรจะแจ้ง หากอนาคตตกทุกข์ได้ยากอีก เจ้าหนี้คงจะระแวงไม่ให้ยืมอีก หรือมีเหตุสุดวิสัยควรแจ้ง อย่าเห็นว่า ที่ยืมมาเป็นเงินเล็กน้อย มากหรือน้อยนั่นคือเงินที่ช่วยให้คุณไม่ลำบากในช่วงชีวิตนึง คุณควรนึกถึงใจเจ้าหนี้ เจ้าหนี้บางคนเข้าใจสถานการณ์ชีวิตของลูกหนี้ บางคนขยายเวลาคืนให้ บางคนไม่คิดดอกเบี้ย บางคน ให้ยืมเพิ่มระหว่างทาง ลูกหนี้หลายๆคน ไม่ควรจะ ทำให้เป็นหนี้สูญ หรือตัดไมตรีต่อเจ้าหนี้ ทำเป็นลืม ทำไม่มีไม่หนีไม่จ่าย ครั้งหน้าหากลำบากเจ้าหนี้ ก็คงจะปล่อยให้เป็นตามอัตตาภาพไป.......
ดั่งเขาว่ากัน"ให้เพื่อนยืมเงิน ก็อาจได้ตัดเพื่อน
ให้พี่น้องยืมเงิน เลือดข้นแค่ไหนเงินก็ตัดได้
ลูกหนี้กินหรูอยู่สบาย เจ้าหนี้เหมือนยาจก "
หากเรารู้ตัวว่าไม่มีเงิน ควรทำอย่างไร วางแผนการเงิน ชีวิต หาช่องทางทำมาหากินเพิ่มเติม ให้การหยิบยืมเป็นหนทางสุดท้าย
อย่าเอากิเลสตนเป็นที่ตั้ง เห็นเขามี ฉันจึงอยากมี ทั้งที่ตัวเอง ทรัพย์สินไม่พอ จึง ผ่อน จึงดาวน์ จึงกู้ เพียงเพื่อต้องการมีอย่างคนอื่นเขา
หากเราคิดมองย้อนไปสักนิด ว่าเราจำเป็นด้วยหรือ ว่าต้องมีเหมือนคนอื่นเขาทุกอย่าง ทั้งที่บางอย่างไม่ต้องรีบมีก็ได้ หรือไม่จำเป็นต้องมีเลยก็ได้.....คำสุภาษิตนี้ยังใช้ได้ทุกสมัยเสมอ"ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" อดออม เก็บเล็กผสมน้อยก็จะได้ตามที่หวัง ถึงแม้จะช้า แต่อย่างน้อยก็ได้มา โดยไม่ทุกข์ใจ.....
ที่โพสต์นี่โพสต์โดยภาพรวมชีวิตของฉันหากไปกระทบกระทั่งใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย โพสต์ให้ข้อคิดเพียงเท่านั้น.........
"การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ :เมื่อความสุขไม่ใช่การมี แต่คือการไม่มี"
“หนี้” แม้บางครั้งจะมอบความสะดวกหรือวัตถุที่ต้องการในช่วงหนึ่ง แต่หากไม่ระวัง ก็อาจกลายเป็นเงาตามตัวที่คอยบั่นทอนชีวิตได้ตลอดเวลา
หนี้ให้ทั้ง “สุขชั่วคราว” และ “ทุกข์ระยะยาว”
ความต่างของลูกหนี้มีวินัย กับลูกหนี้ที่มองข้ามความรับผิดชอบ
มุมมองจากเจ้าหนี้ที่เจ็บปวดมากกว่าแค่เรื่อง “ตัวเงิน” แต่เป็นเรื่อง “น้ำใจ”
ทำไมการไม่มีหนี้ถึงนับเป็นลาภอันประเสริฐในมุมมองของเรา "หนี้"คือสิ่งที่สร้างความไม่สบายให้ผู้มี และ"หนี้"อาจจะมอบสิ่งที่เราต้องการในตอนแรก จากความไขว่คว้าทางวัตถุ หรืออะไรก็ตามที่เรา ใจร้อนรีบอยากจะมี ใน ณ เวลานั้น
แต่สร้างความทุกข์ใจให้เราในภายหลัง บางคนมีวินัย สามารถชำระหนี้ได้ตามเวลา ไม่ยืดเยื้อนาน บางคนหนี้ตกไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือตายแล้วก็ยังใช้ไม่หมด เพราะฉะนั้น"หนี้"ให้ทุกข์มากกว่าสุข.....
ส่วนตัวเรานั้น
เคยเป็นทั้งลูกหนี้
เคยเป็นทั้งเจ้าหนี้
ถึงได้เข้าใจเขาเข้าใจเรา
เวลาเราเป็นหนี้ใคร ก็ต้องตั้งใจหามาใช้คืนให้เร็วที่สุด เพราะเกรงใจเจ้าหนี้เชื่อว่าเขาก็มีเหตุต้องใช้เงินเหมือนกัน
เขาหยิบยื่นน้ำใจให้เรายืม เราก็ควรเกรงใจเขา ไม่ควรทำให้เขา ไม่สบายใจเมื่อ หากไม่มีคืนหรือส่งตามกำหนด ก็ควรจะแจ้ง หากอนาคตตกทุกข์ได้ยากอีก เจ้าหนี้คงจะระแวงไม่ให้ยืมอีก หรือมีเหตุสุดวิสัยควรแจ้ง อย่าเห็นว่า ที่ยืมมาเป็นเงินเล็กน้อย มากหรือน้อยนั่นคือเงินที่ช่วยให้คุณไม่ลำบากในช่วงชีวิตนึง คุณควรนึกถึงใจเจ้าหนี้ เจ้าหนี้บางคนเข้าใจสถานการณ์ชีวิตของลูกหนี้ บางคนขยายเวลาคืนให้ บางคนไม่คิดดอกเบี้ย บางคน ให้ยืมเพิ่มระหว่างทาง ลูกหนี้หลายๆคน ไม่ควรจะ ทำให้เป็นหนี้สูญ หรือตัดไมตรีต่อเจ้าหนี้ ทำเป็นลืม ทำไม่มีไม่หนีไม่จ่าย ครั้งหน้าหากลำบากเจ้าหนี้ ก็คงจะปล่อยให้เป็นตามอัตตาภาพไป.......
ดั่งเขาว่ากัน"ให้เพื่อนยืมเงิน ก็อาจได้ตัดเพื่อน
ให้พี่น้องยืมเงิน เลือดข้นแค่ไหนเงินก็ตัดได้
ลูกหนี้กินหรูอยู่สบาย เจ้าหนี้เหมือนยาจก "
หากเรารู้ตัวว่าไม่มีเงิน ควรทำอย่างไร วางแผนการเงิน ชีวิต หาช่องทางทำมาหากินเพิ่มเติม ให้การหยิบยืมเป็นหนทางสุดท้าย
อย่าเอากิเลสตนเป็นที่ตั้ง เห็นเขามี ฉันจึงอยากมี ทั้งที่ตัวเอง ทรัพย์สินไม่พอ จึง ผ่อน จึงดาวน์ จึงกู้ เพียงเพื่อต้องการมีอย่างคนอื่นเขา
หากเราคิดมองย้อนไปสักนิด ว่าเราจำเป็นด้วยหรือ ว่าต้องมีเหมือนคนอื่นเขาทุกอย่าง ทั้งที่บางอย่างไม่ต้องรีบมีก็ได้ หรือไม่จำเป็นต้องมีเลยก็ได้.....คำสุภาษิตนี้ยังใช้ได้ทุกสมัยเสมอ"ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" อดออม เก็บเล็กผสมน้อยก็จะได้ตามที่หวัง ถึงแม้จะช้า แต่อย่างน้อยก็ได้มา โดยไม่ทุกข์ใจ.....
ที่โพสต์นี่โพสต์โดยภาพรวมชีวิตของฉันหากไปกระทบกระทั่งใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย โพสต์ให้ข้อคิดเพียงเท่านั้น.........