
จากฉากการต่อสู้ตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องระหว่างก๊วยเจ๋งกับอาวเอี๊ยงฮง ที่ปล่อยพลังเป็นลูกพายุซัดกัน มันไม่ตรงกับนิยายแน่นอนในช่วงไทม์ไลน์นั้น แต่หากจะถามว่า แล้วผู้สร้างไปเอาความคิดมาจากไหนในการสร้างภาพการต่อสู้แบบนี้ล่ะ
ในความเห็นของผมเท่าที่ทราบมีข่าวลือว่า ฉีเคอะจะสร้างมังกรหยกไตรภาค แต่ข่าวจากที่ทราบในภายหลัง ฉีเคอะได้ลิขสิทธิ์มาสองภาคเท่านั้น ไม่รวมเรื่องดาบมังกรหยก
ดังนั้น หากลองดูนิยายมังกรหยกภาคจอมยุทธอินทรี จะพบว่า มีสองฉากที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจหรือการตีความพลังจากกำลังภายในของยอดยุทธ์อันดับหนึ่ง ซึ่งในภาพยนตร์จากคำแปลจะมีคำบรรยายประมาณว่า พวกยอดยุทธ์นี่แหละที่จะทำได้
1 ครั้นแล้วขยับกายวูบ ร่ายรำใช้เพลงฝ่ามือกำสรดกำสลายวิญญาณออกมา เห็นแขนเสื้อข้างขวาของเขาโชยพัดพลิ้ว ฝ่ามือข้ายตวัดไปมา บัดเดี๋ยวใช้ออกด้วยท่ายืดเยื้อชวนรำคาญ บัดเดี๋ยวใช้ท่าจิตทั้งหกไม่สงบ ห่อหุ้มเชียวเซียงจื้อ อีเคอชีและคนหนักดำอยู่ในลมฝ่ามือ เซียวเซียงจื้อและพวกทั้งสามคล้ายตกอยู่ท่ามกลางคลื่นคลุ้มระลอกคลั่ง ร่างโซซัดโซเซหมุนตัวตามลมฝ่ามือของเอี้ยก้วย อย่าว่าว่าแต่ดิ้นรน แต่ที่ยืนหยัดมั่นยังทำไม่ได้ ตกอยู่ในสภาพไม่เป็นตัวของตัวเอง อึ้งเอี๊ยะซือกับเอี้ยก้วยอยู่ห่างกันหลายวา ท่านฟาดหนึ่งฝ่ามือออกหนึ่งฝ่ามือ เซียวเซียงจื้อและพวกทั้งสามกลับกลายเป็นลูกหนังของเด็กเล่น ถูกพลังฝ่ามือเอี้ยก้วยกับอึ้งเอี๊ยะซือชักจูงกระโดดโลดลิ่วไปมา ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายใช้ถึงครึ่งหนึ่ง เพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของอึ้งเอี๊ยะซือก็ตกเป็นรองแล้ว เห็นอีเคอซีพุ่งโถมมาถึงดุจเกาทัณฑ์ อึ้งเอี๊ยะซือคาดว่า ลมฝ่ามือยากจะสะกดยั้บยั้งได้
ดังนั้น งอนิ้วดีดออกเสียงชี่เบาๆ เมื่อแผ่พุ่งพลังลมเล็กเรียวสายหนึ่ง สลายพลังฝ่ามือของเอี้ยก้วยไปอึ้งเอี๊ยะซือดีดพุ่งดรรชนีติดต่อกันสามครั้ง ได้ยินเสียงโครมครามสามครา เซียวเซียงจื้อและพวกทั้งสามล้มฟาดลงบนพื้นกระดาน สิ้นสติ
ฉากนี้ เอี้ยก้วยสร้างมวลลมฝ่ามือมาห่อหุ้มร่างคนสามคน มวลลมนี้มีพลังงานพัดพาผู้คนสามคนไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งยังบังคับให้ผู้คนโลดแล่นไปมา > E = ½·mv² นี่เป็นสูตรหาค่าพลังงานจลน์ในลมฝ่ามือที่ห่อหุ้ม หมายถึง เป็นมวลอากาศขนาดใหญ่กว่าคนทั้งสามที่ยืนใกล้กัน มวลลมยังมีแรงพัดหรือพยุงร่างผู้คนทั้งสามให้ลอยเหนือพื้นเล็กน้อย m = 250 kg (รวมมวลคนกับลมหมุนที่ควบคุม) v = 5 m/s ความเร็วในระดับพยุงตัวไม่ให้ร่างกายรับบาดเจ็บ E ≈ ½·250·5² = 3,125 J (เฉพาะที่ใช้เคลื่อนย้าย 15 เมตร จากคำบรรยายว่า หลายวา) แต่ถ้าพลังลมถูก อัดรวม แล้วปล่อยพุ่งเป็นแนวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว 40–50 m/s → พลังจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า ขึ้นไปทันที = 30,000 J (คำบรรยายต่อไป เอี้ยก้วยใช้พลังจากฝ่ามืออัดด้วยพลังเต็มสิบส่วนผลักมวลอากาศที่ห่อหุ้มคนทั้งสามให้พุ่งใส่มารบูรพาเร็วดุจลูกธนู ความเร็วลูกธนูยุคซ้องอยู่ที่ 40–50 m/s ระยะทำการคือ 100 เมตร) ถ้าเราเอาคนทั้งสามออกแล้วให้เอี้ยก้วยสร้างมวลลมฝ่ามือหรือมวลอากาศที่มีพลังงานจลน์ระดับพยุงคนสามคนได้แล้วใช้พลังผลักมวลลมนี้ด้วยความเร็วเท่าลูกธนูไปยังกองทหารที่กำลังยิงธนูจากระยะ 100 เมตรเข้ามา มวลอากาศจากลมฝ่ามือ ถ้าพลังลมถูก อัดรวม แล้วปล่อยพุ่งเป็นแนวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว 40–50 m/s → พลังจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า ขึ้นไปทันที = 30,000 J+ พลังลมฝ่ามือระดับลมเฮอริเคนขั้นต้น (Cat 3–4) → ความเร็วลมประมาณ 32–50 m/s ลูกธนูเข้ามาถึงระยะ 80 เมตร ปะทะกับมวลลมฝ่ามือที่รันแรงระดับเฮอริเคน ระดับ 3 เพราะไม่ต้องเสียแรงไปกับดารดยุงคนสามคน ลูกธนูถูกทำลายหมดจากมวลลมฝ่ามือ ในภาพยนตร์ก๊วยเจ๋งสั่งให้ทหารห่างจากการประลองประมาณ 100 ก้าว ก็สมเหตุสมผลนะ เพราะพลังฝ่ามือถ้าคำนวณจากฝ่ามือพลังเต็มสิบ มันสร้างมวลอากาศพลังงานจลน์สูงมาก ลูกธนูอาจพุ่งทำร้ายคนที่อยู่โดยรอบได้(พลังฝ่ามือรุนแรงที่ 1-30 เมตร ระดับเฮอริเคน 4-1 จากนั้น สลายเป็นพายุโซนร้อน) สามารถพัดลูกธนูสะท้อนคืนในระยะ 10-30เมตร ไปทางกองธนู หากมุมดี อาจสะท้อนได้ 100 เมตร กลับไปยังกองทหารที่ยิงลูกธนู (โอกาสน้อยมาก)
2 ที่ภาพยนตร์ทำให้เห็นมวลลมม้วนตัวเป็นกลุ่มมวลอากาศที่มีพลังงาน เพราะในนิยายมังกรหยก ภาคจอมยุทธอินทรี ตอนเอี้ยก้วยกับกิมลุ้นสู้กัน
มีคำบรรยายว่า คนข้างล่างที่ชมดูเห็นลมฝ่ามือปกคลุมหอคอย คือมันเห็นมวลลมฝ่ามือเลย ซึ่งในภาพยนตร์สนามรบมันมีฝุ่นดินทราย หรือไฟ ควัน ที่ถูกลมฝ่ามือดูดเข้าไป ยิ่งทำให้เห็นชัดเจน ซึ่งในเรื่องเอี้ยก้วย สนามรบใต้คอหอยได้มีการจุดไฟเผาก๊วยเซียงจากฐานหอคอย ดังนั้น ฝุ่นธุลีควันไฟ จะถูกลมฝ่ามือชักจูงอยู่ด้วย ทำให้เห็นมวลอากาศที่ถูกพลังฝ่ามือชักนำจนเกิดลมฝ่ามือ ในตอนท้าย เอี้ยก้วยไม่ได้สร้างมวลลมฝ่ามือแบบสู้กับมารบูรพา จึงไม่ได้มีมวลลมหนาแน่น การฟาดฝ่ามือใส่จักรกิมลุ้น จะมีพลังจากกิมลุ้นเข้ามาหักล้างกันด้วย มวลลมจึงไม่ได้มีการรวมตัวกันแบบที่เอี้ยก้วยจงใจสร้างขึ้น
ดังนั้น จอมยุทธ์ระดับสุดยอดในมังกรหยกสามารถต่อสู้กันแบบในภาพยนตร์ได้ แต่เค้าไม่ได้สู้กันในสนามรบแบบนั้น เพราะสเกลกองทัพในนิยายมันคือ มองโกลยกทัพมา 100,000 นาย ทั้งพื้นที่และปริมาณทหารถือว่า มากเกินกว่ามวลลมฝ่ามือจะใช้ได้กับทัพทั้งหมดแม้แค่ทัพหน้า การที่ในนิยายเอี้ยก้วยใช้วิธีขว้างปาหอกใส่ทหารมองโกลเฉพาะแม่ทัพนายกอง 17 คน ในเวลาชั่วฟ้าร้องมีผลในแง่การต้านทานทัพใหญ่ได้ดีที่สุดแล้วครับ
ปล ผมก็ไม่ค่อยชอบนะที่สร้างภาพการต่อสู้เกินจริงในช่วงมังกรหยก 1 และการสร้างขึ้นก่อนนี่ สเกลพลังของเอี้ยก้วยกับพวกภาคหลัง ยังเท่าเดิมนี่มันก็จะแปลกๆ ลมจากปีกพี่อินทรีก็น่าจะโหดมาก เพราะต้องทำลายห่าธนูจากกองทัพจำนวนแสนนาย ซึ่งทัพหน้าอย่างน้อย 10000_20000 ถ้านับตรงจุดเอี้ยก้วยเข้าปะทะ อย่างน้อย ต้องเจอทหาร 1000-3000 นาย น่าจะเป็นเรทปกติ ของการปะทะตามแนวหน้า พี่อินทรีโดนลูกธนูประปรายเลือดออกเหมือนกัน แต่ไม่นับว่าสาหัส แต่ถ้าสร้างตามนิยายเลย บทโชว์ของก๊วยเจ๋งภาคแรกในสนามรบด้านกำลังภายใน มันไม่โหดขนาดเอี้ยก้วยครับ ไม่รู้ว่าจะได้สร้างภาคจอมยุทธ์อินทรีไหม ภาคนี้ ความจริงสร้างแนวดาร์กและสยองขวัญได้ดีนะ กิมลุ้นค่อนข้างถูกก๊วยเซียงว่าเป็นตัวตลก แต่ความจริง กิมลุ้น มันโหดมากเลย ขนาดผลัดกันโจมตีพี่แก่ ยังสู้ได้แบบอึ้งย้งกลัวฝ่ายตัวเองเดี้ยง พลังฝีมือแบบนี้ จะมีสักกี่คนที่ทำให้อึ้งย้งสั่งให้คนรุม
จอมยุทธ์ในนิยายมังกรหยก ต่อสู้ได้แบบภาพยนตร์เรื่อง มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ (2025) จริงหรือไหม
จากฉากการต่อสู้ตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องระหว่างก๊วยเจ๋งกับอาวเอี๊ยงฮง ที่ปล่อยพลังเป็นลูกพายุซัดกัน มันไม่ตรงกับนิยายแน่นอนในช่วงไทม์ไลน์นั้น แต่หากจะถามว่า แล้วผู้สร้างไปเอาความคิดมาจากไหนในการสร้างภาพการต่อสู้แบบนี้ล่ะ
ในความเห็นของผมเท่าที่ทราบมีข่าวลือว่า ฉีเคอะจะสร้างมังกรหยกไตรภาค แต่ข่าวจากที่ทราบในภายหลัง ฉีเคอะได้ลิขสิทธิ์มาสองภาคเท่านั้น ไม่รวมเรื่องดาบมังกรหยก
ดังนั้น หากลองดูนิยายมังกรหยกภาคจอมยุทธอินทรี จะพบว่า มีสองฉากที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจหรือการตีความพลังจากกำลังภายในของยอดยุทธ์อันดับหนึ่ง ซึ่งในภาพยนตร์จากคำแปลจะมีคำบรรยายประมาณว่า พวกยอดยุทธ์นี่แหละที่จะทำได้
1 ครั้นแล้วขยับกายวูบ ร่ายรำใช้เพลงฝ่ามือกำสรดกำสลายวิญญาณออกมา เห็นแขนเสื้อข้างขวาของเขาโชยพัดพลิ้ว ฝ่ามือข้ายตวัดไปมา บัดเดี๋ยวใช้ออกด้วยท่ายืดเยื้อชวนรำคาญ บัดเดี๋ยวใช้ท่าจิตทั้งหกไม่สงบ ห่อหุ้มเชียวเซียงจื้อ อีเคอชีและคนหนักดำอยู่ในลมฝ่ามือ เซียวเซียงจื้อและพวกทั้งสามคล้ายตกอยู่ท่ามกลางคลื่นคลุ้มระลอกคลั่ง ร่างโซซัดโซเซหมุนตัวตามลมฝ่ามือของเอี้ยก้วย อย่าว่าว่าแต่ดิ้นรน แต่ที่ยืนหยัดมั่นยังทำไม่ได้ ตกอยู่ในสภาพไม่เป็นตัวของตัวเอง อึ้งเอี๊ยะซือกับเอี้ยก้วยอยู่ห่างกันหลายวา ท่านฟาดหนึ่งฝ่ามือออกหนึ่งฝ่ามือ เซียวเซียงจื้อและพวกทั้งสามกลับกลายเป็นลูกหนังของเด็กเล่น ถูกพลังฝ่ามือเอี้ยก้วยกับอึ้งเอี๊ยะซือชักจูงกระโดดโลดลิ่วไปมา ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายใช้ถึงครึ่งหนึ่ง เพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของอึ้งเอี๊ยะซือก็ตกเป็นรองแล้ว เห็นอีเคอซีพุ่งโถมมาถึงดุจเกาทัณฑ์ อึ้งเอี๊ยะซือคาดว่า ลมฝ่ามือยากจะสะกดยั้บยั้งได้
ดังนั้น งอนิ้วดีดออกเสียงชี่เบาๆ เมื่อแผ่พุ่งพลังลมเล็กเรียวสายหนึ่ง สลายพลังฝ่ามือของเอี้ยก้วยไปอึ้งเอี๊ยะซือดีดพุ่งดรรชนีติดต่อกันสามครั้ง ได้ยินเสียงโครมครามสามครา เซียวเซียงจื้อและพวกทั้งสามล้มฟาดลงบนพื้นกระดาน สิ้นสติ
ฉากนี้ เอี้ยก้วยสร้างมวลลมฝ่ามือมาห่อหุ้มร่างคนสามคน มวลลมนี้มีพลังงานพัดพาผู้คนสามคนไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งยังบังคับให้ผู้คนโลดแล่นไปมา > E = ½·mv² นี่เป็นสูตรหาค่าพลังงานจลน์ในลมฝ่ามือที่ห่อหุ้ม หมายถึง เป็นมวลอากาศขนาดใหญ่กว่าคนทั้งสามที่ยืนใกล้กัน มวลลมยังมีแรงพัดหรือพยุงร่างผู้คนทั้งสามให้ลอยเหนือพื้นเล็กน้อย m = 250 kg (รวมมวลคนกับลมหมุนที่ควบคุม) v = 5 m/s ความเร็วในระดับพยุงตัวไม่ให้ร่างกายรับบาดเจ็บ E ≈ ½·250·5² = 3,125 J (เฉพาะที่ใช้เคลื่อนย้าย 15 เมตร จากคำบรรยายว่า หลายวา) แต่ถ้าพลังลมถูก อัดรวม แล้วปล่อยพุ่งเป็นแนวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว 40–50 m/s → พลังจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า ขึ้นไปทันที = 30,000 J (คำบรรยายต่อไป เอี้ยก้วยใช้พลังจากฝ่ามืออัดด้วยพลังเต็มสิบส่วนผลักมวลอากาศที่ห่อหุ้มคนทั้งสามให้พุ่งใส่มารบูรพาเร็วดุจลูกธนู ความเร็วลูกธนูยุคซ้องอยู่ที่ 40–50 m/s ระยะทำการคือ 100 เมตร) ถ้าเราเอาคนทั้งสามออกแล้วให้เอี้ยก้วยสร้างมวลลมฝ่ามือหรือมวลอากาศที่มีพลังงานจลน์ระดับพยุงคนสามคนได้แล้วใช้พลังผลักมวลลมนี้ด้วยความเร็วเท่าลูกธนูไปยังกองทหารที่กำลังยิงธนูจากระยะ 100 เมตรเข้ามา มวลอากาศจากลมฝ่ามือ ถ้าพลังลมถูก อัดรวม แล้วปล่อยพุ่งเป็นแนวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว 40–50 m/s → พลังจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า ขึ้นไปทันที = 30,000 J+ พลังลมฝ่ามือระดับลมเฮอริเคนขั้นต้น (Cat 3–4) → ความเร็วลมประมาณ 32–50 m/s ลูกธนูเข้ามาถึงระยะ 80 เมตร ปะทะกับมวลลมฝ่ามือที่รันแรงระดับเฮอริเคน ระดับ 3 เพราะไม่ต้องเสียแรงไปกับดารดยุงคนสามคน ลูกธนูถูกทำลายหมดจากมวลลมฝ่ามือ ในภาพยนตร์ก๊วยเจ๋งสั่งให้ทหารห่างจากการประลองประมาณ 100 ก้าว ก็สมเหตุสมผลนะ เพราะพลังฝ่ามือถ้าคำนวณจากฝ่ามือพลังเต็มสิบ มันสร้างมวลอากาศพลังงานจลน์สูงมาก ลูกธนูอาจพุ่งทำร้ายคนที่อยู่โดยรอบได้(พลังฝ่ามือรุนแรงที่ 1-30 เมตร ระดับเฮอริเคน 4-1 จากนั้น สลายเป็นพายุโซนร้อน) สามารถพัดลูกธนูสะท้อนคืนในระยะ 10-30เมตร ไปทางกองธนู หากมุมดี อาจสะท้อนได้ 100 เมตร กลับไปยังกองทหารที่ยิงลูกธนู (โอกาสน้อยมาก)
2 ที่ภาพยนตร์ทำให้เห็นมวลลมม้วนตัวเป็นกลุ่มมวลอากาศที่มีพลังงาน เพราะในนิยายมังกรหยก ภาคจอมยุทธอินทรี ตอนเอี้ยก้วยกับกิมลุ้นสู้กัน
มีคำบรรยายว่า คนข้างล่างที่ชมดูเห็นลมฝ่ามือปกคลุมหอคอย คือมันเห็นมวลลมฝ่ามือเลย ซึ่งในภาพยนตร์สนามรบมันมีฝุ่นดินทราย หรือไฟ ควัน ที่ถูกลมฝ่ามือดูดเข้าไป ยิ่งทำให้เห็นชัดเจน ซึ่งในเรื่องเอี้ยก้วย สนามรบใต้คอหอยได้มีการจุดไฟเผาก๊วยเซียงจากฐานหอคอย ดังนั้น ฝุ่นธุลีควันไฟ จะถูกลมฝ่ามือชักจูงอยู่ด้วย ทำให้เห็นมวลอากาศที่ถูกพลังฝ่ามือชักนำจนเกิดลมฝ่ามือ ในตอนท้าย เอี้ยก้วยไม่ได้สร้างมวลลมฝ่ามือแบบสู้กับมารบูรพา จึงไม่ได้มีมวลลมหนาแน่น การฟาดฝ่ามือใส่จักรกิมลุ้น จะมีพลังจากกิมลุ้นเข้ามาหักล้างกันด้วย มวลลมจึงไม่ได้มีการรวมตัวกันแบบที่เอี้ยก้วยจงใจสร้างขึ้น
ดังนั้น จอมยุทธ์ระดับสุดยอดในมังกรหยกสามารถต่อสู้กันแบบในภาพยนตร์ได้ แต่เค้าไม่ได้สู้กันในสนามรบแบบนั้น เพราะสเกลกองทัพในนิยายมันคือ มองโกลยกทัพมา 100,000 นาย ทั้งพื้นที่และปริมาณทหารถือว่า มากเกินกว่ามวลลมฝ่ามือจะใช้ได้กับทัพทั้งหมดแม้แค่ทัพหน้า การที่ในนิยายเอี้ยก้วยใช้วิธีขว้างปาหอกใส่ทหารมองโกลเฉพาะแม่ทัพนายกอง 17 คน ในเวลาชั่วฟ้าร้องมีผลในแง่การต้านทานทัพใหญ่ได้ดีที่สุดแล้วครับ
ปล ผมก็ไม่ค่อยชอบนะที่สร้างภาพการต่อสู้เกินจริงในช่วงมังกรหยก 1 และการสร้างขึ้นก่อนนี่ สเกลพลังของเอี้ยก้วยกับพวกภาคหลัง ยังเท่าเดิมนี่มันก็จะแปลกๆ ลมจากปีกพี่อินทรีก็น่าจะโหดมาก เพราะต้องทำลายห่าธนูจากกองทัพจำนวนแสนนาย ซึ่งทัพหน้าอย่างน้อย 10000_20000 ถ้านับตรงจุดเอี้ยก้วยเข้าปะทะ อย่างน้อย ต้องเจอทหาร 1000-3000 นาย น่าจะเป็นเรทปกติ ของการปะทะตามแนวหน้า พี่อินทรีโดนลูกธนูประปรายเลือดออกเหมือนกัน แต่ไม่นับว่าสาหัส แต่ถ้าสร้างตามนิยายเลย บทโชว์ของก๊วยเจ๋งภาคแรกในสนามรบด้านกำลังภายใน มันไม่โหดขนาดเอี้ยก้วยครับ ไม่รู้ว่าจะได้สร้างภาคจอมยุทธ์อินทรีไหม ภาคนี้ ความจริงสร้างแนวดาร์กและสยองขวัญได้ดีนะ กิมลุ้นค่อนข้างถูกก๊วยเซียงว่าเป็นตัวตลก แต่ความจริง กิมลุ้น มันโหดมากเลย ขนาดผลัดกันโจมตีพี่แก่ ยังสู้ได้แบบอึ้งย้งกลัวฝ่ายตัวเองเดี้ยง พลังฝีมือแบบนี้ จะมีสักกี่คนที่ทำให้อึ้งย้งสั่งให้คนรุม