ครั้งแรกของโลก! นักวิจัยไทยใช้ AI ตรวจมะเร็งกระเพาะ-ตับ ในผู้ป่วยจริง

ครั้งแรกของโลก! นักวิจัยจากจุฬาฯ พัฒนา Deep GI นวัตกรรม AI ตรวจมะเร็งกระเพาะ-ตับ-ท่อน้ำดี ในผู้ป่วยจริง ท่ามกลางการถ่ายทอดสดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ศ.นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านนวัตกรรม จุฬาฯ อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร พร้อมด้วยคณาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ผู้พัฒนาโครงการ Deep GI phase 2 นวัตกรรมการใช้ AI ในการตรวจมะเร็งกระเพาะ มะเร็งตับ และ มะเร็งท่อน้ำดีในผู้ป่วยจริงสองรายเป็นครั้งแรกของโลก 

ทั้งนี้ ทางทีมงานได้ร่วมนำเสนอผลงานนวัตกรรมนี้ผ่านการถ่ายทอดสดจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ชั้น 10 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในงาน International digestive endoscopy network 2025 (IDEN)  ซึ่งเป็นงานระดับนานาชาติที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารจากทั่วโลกเข้าร่วมการประชุมกว่า 1,000 คน
โดย ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ศ.นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร ได้นำเสนอผลงานนวัตกรรม Deep GI ในงาน Unicorn Day 2025 ที่ Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) และได้รับเกียรติให้เป็นผลงานดาวรุ่งระดับนานาชาติ รวมทั้งได้รับความสนใจที่จะร่วมมือต่อยอดนวัตกรรมนี้ในอนาคต
โครงการ Deep GI phase 2 เป็นผลงานความร่วมมือระหว่างคณาจารย์นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยในการส่องกล้องตรวจหาความผิดปกติของเยื่อบุในระบบทางเดินอาหารที่จะพัฒนาลุกลามเป็นมะเร็งของกระเพาะอาหารและท่อน้ำดี  (gastric and biliary tract malignancies) เป็นการพัฒนาต่อยอดจากนวัตกรรม Deep GI รุ่นแรกซึ่งเน้นการตรวจติ่งเนื้อผิดปกติที่จะพัฒนาเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ (colonic adenoma)
จุดเริ่มต้น โครงการ Deep GI
จุดเริ่มต้นแรกของโครงการ Deep GI ก่อนที่จะพัฒนาจนถึง phase 2 นี้  พัฒนามาจากการใช้นวัตกรรมเพื่อตรวจมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ด้วยการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม (Chulalongkorn University Technology Center : UTC) และบริษัท อีเอสเอ็ม โซลูชั่น จำกัด คณะผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บข้อมูลวิจัยมาตั้งแต่ปี 2562 จนพัฒนาAI ตรวจจับความผิดปกติในทางเดินอาหาร (DeepGI – Deep Technology for Gastrointestinal Tracts) ได้สำเร็จ และทดลองให้บริการคนไข้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ แล้วตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2564 
โดยช่วงแรก มีการแถลงข่าวเปิดตัวความสำเร็จของโครงการ Deep GI เพื่อตรวจ 'มะเร็งลำไส้ใหญ่' ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมะเร็งที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทุกวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ จากข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ระบุว่าปี 2566 มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ในประเทศไทยพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และอันดับ 2 ในเพศหญิง โดยสิ่งที่น่ากังวล คืออัตราการเกิดโรคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทุกๆ วันมีคนไข้เสียชีวิตจากโรคร้ายนี้เฉลี่ยวันละ 15 ราย ปีละ 5,476 ราย และมีผู้ป่วยรายใหม่วันละ 44 ราย ปีละ 15,939 ราย
ทั้งนี้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ตอนเป็นระยะสุดท้ายแล้ว ฉะนั้น หากมีการตรวจคัดกรองตั้งแต่เริ่มต้น จึงมีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ การส่องกล้อง
เนื่องจากกลุ่มคนที่เข้าเกณฑ์ส่องกล้อง 50 ปีขึ้นไป ทั้งประเทศมีประมาณ 15 ล้านคน แต่แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการส่องกล้องทั่วประเทศไทยมีเพียง 500 คน และในแต่ละวันสามารถส่องได้มากสุดประมาณ 50 คน ดังนั้น ต่อให้ผ่านไป 15 ปีก็เป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ
สำหรับระบบ Deep GI จะมาช่วยอุดช่องโหว่ โดยใช้ AI ช่วยตีกรอบติ่งเนื้อ และแสดงรายละเอียดได้ว่าติ่งเนื้อดังกล่าว เป็นติ่งเนื้อดี หรือติ่งเนื้อร้าย ที่มีความแม่นยำเกิน 90% และมีการแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างดี 
ทั้งนี้ ในปี 2567 โครงการ  DeepGI ได้ขยายขีดความสามารถรองรับการตรวจจับความผิดปกติในกระเพาะอาหาร ที่เรียกว่า Gastrointestinal Metaplasia (GIM) ซึ่งเป็นระยะเริ่มแรกของการเป็นมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร และพัฒนาความพร้อมด้านเทคโนโลยีระดับ 5 (Technology Readiness Level 5, TRL5) และถูกทดสอบใช้งานจริงในหลายโรงพยาบาล โดยตั้งเป้าขยายขีดความสามารถตรวจหาความผิดปกติในท่อน้ำดี #ทีมาposttoday.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่