
1.03.23
ถินัง กับ มิทธัง
ถินะตา ถินัง .
ความท้อถอย เรียกว่า ถินะ
ความเซื่องซึม เรียกว่า มิทธะ
ถินะ แปลว่า ท้อแท้ หมดพลังทางจิต
มิทธะ คือ เซื่องซึม เป็นอาการทางเจตสิก
อย่างนี้นะครับ ถีนะ กับ มิทธะ เขาเลยเกิดคู่กัน
แต่ว่าสองอันนี้เขาทำหน้าที่ ถินะ นี่ไปทำกับจิต
มิทธะ ไปทำกับเพื่อนเจตสิก
พอเข้าใจไหม นะ อย่างนี้นะครับ เดี๋ยวเวลาดับกิเลสในความหมายที่ว่า เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต
ถินะ ก็เป็น กิเลส
ส่วน มิทธะ เขาไม่เป็น เพราะมิทธะเขาไปทำกับเพื่อนๆ คือ เจตสิกด้วยกัน
ส่วน ถินะ ไปทำกับจิต
ต่อไปก็มาดู ลักขะณาทิจะตุกะ หรืออรรถะก่อนตอนแรก ท่านแสดงอรรถะก่อน
อะนุสสาหะนะสังสีทะนะตา ,
ภาวะ ถินะ มิทธะ ก็คือ มีอาการท้อถอยแล้วก็ไม่มีความขวนขวาย
อะนุสสาหะนะ ก็คือ ไม่ขวนขวาย
สังสีทะนะตา ท้อถอย
ภาวะที่ท้อถอยโดยที่ไม่มีความขวนขวายอะไร
อันนี้คือ ถีนะ กับ มิทธะ มารวมกัน
อะสัตติวิฆาโต จาติอัตโถ .
อธิบายว่า เป็นสภาวะที่เบียดเบียนจิตจนกระทั่งหมดความสามารถ
สัตติ แปลว่า ความสามารถ
อะสัตติ ทำให้มันหมดความสามารถ
ทุกท่านก็คงเคยถอยเข้ามุมบ้างไหมครับ คือหมด หมดความสามารถ คือความสามารถก็น้อยอยู่แล้วโดนฆ่าความสามารถที่เหลือน้อยจนหายหมดแหละ เบียดเบียนจิตที่ไร้ความสามารถ คือจิตมันก็หงอยเหงาอยู่แล้วยังมีอันนี้มาตัดอีกมันก็ไม่เหลืออะไรเลยประมาณนั้น 1.05.45
1.05.45
อย่างนี้คือ ถีนะ กับ มิทธะ เวลาอธิบายออกมา
ถินัญจะ มิทธัญจะ ถินะมิทธัง .
ถีนะด้วย มิทธะด้วย รวมกัน เรียกว่า ถีนะมิทธะ
ลักขะณาทิจะตุกะ ของถีนะมิทธะก็จะเป็น
ตัตถ ถินะ อนุสสาหะนะลักขะณัง ,
ถินะ มีลักษณะที่ ไม่ขวนขวาย
อุสสาหะนะ แปลว่า ขวนขวาย มีความเพียรพยายาม สู้ไม่ถอย อะไรก็ว่าไป พยายามฝืนทำสู้ไป
ทีนี้เขา อะนุสาหะนะ ก็คือไม่ทำแบบนั้นแหละ
ง่ายๆก็ตรงข้ามกับความเพียรนั่นแหละ
มีการไม่ขวนขวายทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นลักษณะ
วีริยะ วิโนทะนะระสัง ,
มีกิจหน้าที่ก็คือ การละ หรือว่า การกำจัด หรือ บรรเทาวิริยะ
ทำให้วิริยะหมดไป หรือ ลดลง หมดพลัง ทำให้ความกล้าหาญหมดไป
แต่เดิมเคยกล้าหาญว่าเราก็ผู้ชายคนหนึ่งสามารถที่จะทำนั่นทำนี่ได้ พอถีนะเข้ามาทำไงครับ ความกล้าอันนี้ชักจะถอยลงไป เหลือกี่เปอร์เซ็นต์ก็ยังไม่ทราบนะเนี่ย
เวลามันเกิดด้วยกันมันก็จะเป็นอาการพวกนี้ วิริยะก็จะลดพลังลง
เขาเรียกว่า วิโนทะนะ ก็คือ ทำให้ลดพลังวิริยะลงไป
วิริยะ ก็มีอยู่เหมือนเดิมแต่เจออันนี้เข้าไป มันจะห่อเหี่ยว ถอยพลัง
สังสีทะนะภาวะปัจจุปัฎฐานัง .
มีเหตุใกล้ให้เกิด ก็คือ การถดถอย หรือการท้อถอย
สังสีทะนะภาวะ ภาวะท้อถอย ภาวะจมดิ่งลงไป ถอยไปสู่จุดเดิม นี่ถือถีนะ
ส่วนมิทธะ
มิทธัง อะกัมมัญญะตาลักขะณัง ,
มิทธะ มีลักษณะความไม่ควรต่อการทำงาน เป็นลักษณะ
ไม่ควรต่อการทำการงาน
โอนะหะนะระสัง ,
ทำกิจหน้าที่ในการ ทำให้ย่อหย่อน
ทำให้ย่อหย่อนลงไป
ลีนะตาปัจจุปัฎฐานัง ,
มีอาการปรากฎคือ หดหู่
ที่เรานิยมเรียกว่า หดหู่ ท้อแท้ ท้อถอย เซื่องซึม อะไรก็แล้วแต่ว่านะ
นั่นแหละคือลักษณะของเขาแหละ ของมิทธะ นะครับ
อุภะยัมปิ อะโยนิโสมะนะสิการะปะทัฎฐานัง .
ทั้งสองอย่างพึงทราบว่า มีอโยนิโสมนสิการ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด
เสสา กุสะเล วุตตะนะเยนะ เวทิตตัพพา .
ส่วนเจตสิกที่เหลือพึงทราบเหมือนที่ได้กล่าวไว้แล้วในกุศล
อันนี้ท่านกล่าวเพิ่ม 1.08.55
441

น284
ถินัง กับ มิทธัง
1.03.23
ถินัง กับ มิทธัง
ถินะตา ถินัง .
ความท้อถอย เรียกว่า ถินะ
ความเซื่องซึม เรียกว่า มิทธะ
ถินะ แปลว่า ท้อแท้ หมดพลังทางจิต
มิทธะ คือ เซื่องซึม เป็นอาการทางเจตสิก
อย่างนี้นะครับ ถีนะ กับ มิทธะ เขาเลยเกิดคู่กัน
แต่ว่าสองอันนี้เขาทำหน้าที่ ถินะ นี่ไปทำกับจิต
มิทธะ ไปทำกับเพื่อนเจตสิก
พอเข้าใจไหม นะ อย่างนี้นะครับ เดี๋ยวเวลาดับกิเลสในความหมายที่ว่า เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต
ถินะ ก็เป็น กิเลส
ส่วน มิทธะ เขาไม่เป็น เพราะมิทธะเขาไปทำกับเพื่อนๆ คือ เจตสิกด้วยกัน
ส่วน ถินะ ไปทำกับจิต
ต่อไปก็มาดู ลักขะณาทิจะตุกะ หรืออรรถะก่อนตอนแรก ท่านแสดงอรรถะก่อน
อะนุสสาหะนะสังสีทะนะตา ,
ภาวะ ถินะ มิทธะ ก็คือ มีอาการท้อถอยแล้วก็ไม่มีความขวนขวาย
อะนุสสาหะนะ ก็คือ ไม่ขวนขวาย
สังสีทะนะตา ท้อถอย
ภาวะที่ท้อถอยโดยที่ไม่มีความขวนขวายอะไร
อันนี้คือ ถีนะ กับ มิทธะ มารวมกัน
อะสัตติวิฆาโต จาติอัตโถ .
อธิบายว่า เป็นสภาวะที่เบียดเบียนจิตจนกระทั่งหมดความสามารถ
สัตติ แปลว่า ความสามารถ
อะสัตติ ทำให้มันหมดความสามารถ
ทุกท่านก็คงเคยถอยเข้ามุมบ้างไหมครับ คือหมด หมดความสามารถ คือความสามารถก็น้อยอยู่แล้วโดนฆ่าความสามารถที่เหลือน้อยจนหายหมดแหละ เบียดเบียนจิตที่ไร้ความสามารถ คือจิตมันก็หงอยเหงาอยู่แล้วยังมีอันนี้มาตัดอีกมันก็ไม่เหลืออะไรเลยประมาณนั้น 1.05.45
1.05.45
อย่างนี้คือ ถีนะ กับ มิทธะ เวลาอธิบายออกมา
ถินัญจะ มิทธัญจะ ถินะมิทธัง .
ถีนะด้วย มิทธะด้วย รวมกัน เรียกว่า ถีนะมิทธะ
ลักขะณาทิจะตุกะ ของถีนะมิทธะก็จะเป็น
ตัตถ ถินะ อนุสสาหะนะลักขะณัง ,
ถินะ มีลักษณะที่ ไม่ขวนขวาย
อุสสาหะนะ แปลว่า ขวนขวาย มีความเพียรพยายาม สู้ไม่ถอย อะไรก็ว่าไป พยายามฝืนทำสู้ไป
ทีนี้เขา อะนุสาหะนะ ก็คือไม่ทำแบบนั้นแหละ
ง่ายๆก็ตรงข้ามกับความเพียรนั่นแหละ
มีการไม่ขวนขวายทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นลักษณะ
วีริยะ วิโนทะนะระสัง ,
มีกิจหน้าที่ก็คือ การละ หรือว่า การกำจัด หรือ บรรเทาวิริยะ
ทำให้วิริยะหมดไป หรือ ลดลง หมดพลัง ทำให้ความกล้าหาญหมดไป
แต่เดิมเคยกล้าหาญว่าเราก็ผู้ชายคนหนึ่งสามารถที่จะทำนั่นทำนี่ได้ พอถีนะเข้ามาทำไงครับ ความกล้าอันนี้ชักจะถอยลงไป เหลือกี่เปอร์เซ็นต์ก็ยังไม่ทราบนะเนี่ย
เวลามันเกิดด้วยกันมันก็จะเป็นอาการพวกนี้ วิริยะก็จะลดพลังลง
เขาเรียกว่า วิโนทะนะ ก็คือ ทำให้ลดพลังวิริยะลงไป
วิริยะ ก็มีอยู่เหมือนเดิมแต่เจออันนี้เข้าไป มันจะห่อเหี่ยว ถอยพลัง
สังสีทะนะภาวะปัจจุปัฎฐานัง .
มีเหตุใกล้ให้เกิด ก็คือ การถดถอย หรือการท้อถอย
สังสีทะนะภาวะ ภาวะท้อถอย ภาวะจมดิ่งลงไป ถอยไปสู่จุดเดิม นี่ถือถีนะ
ส่วนมิทธะ
มิทธัง อะกัมมัญญะตาลักขะณัง ,
มิทธะ มีลักษณะความไม่ควรต่อการทำงาน เป็นลักษณะ
ไม่ควรต่อการทำการงาน
โอนะหะนะระสัง ,
ทำกิจหน้าที่ในการ ทำให้ย่อหย่อน
ทำให้ย่อหย่อนลงไป
ลีนะตาปัจจุปัฎฐานัง ,
มีอาการปรากฎคือ หดหู่
ที่เรานิยมเรียกว่า หดหู่ ท้อแท้ ท้อถอย เซื่องซึม อะไรก็แล้วแต่ว่านะ
นั่นแหละคือลักษณะของเขาแหละ ของมิทธะ นะครับ
อุภะยัมปิ อะโยนิโสมะนะสิการะปะทัฎฐานัง .
ทั้งสองอย่างพึงทราบว่า มีอโยนิโสมนสิการ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด
เสสา กุสะเล วุตตะนะเยนะ เวทิตตัพพา .
ส่วนเจตสิกที่เหลือพึงทราบเหมือนที่ได้กล่าวไว้แล้วในกุศล
อันนี้ท่านกล่าวเพิ่ม 1.08.55
441
น284