ในช่วงปี 2530
จขกท. จะเดินผ่านร้านขายผลไม้แผงลอย
ละแวกถนนสายสอง หาดใหญ่
ที่มีขายกันราว 50 กว่าร้านค้า
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของถนน
มีร้านดังคือ สันติสุข ยงดี
เปิดมานานก่อนปี 2520
ฝั่งตรงข้าม ร้านแผงทอง
เปิดช่วง 2537 หลังไฟไหม้บ้านสองชั้น
ในช่วงปี 2535 ตั้งแต่โรงแรมแหลมทอง
ไปจนถึง ธนาคารกรุงเทพฯ หมดทั้งแถบ
สินค้าแผงลอยในถนนสายนี้
มีพวกแอปเปิล องุ่น ทับทิม ลูกพลับ
อินทผาลัม (สด) จะมีการนำเข้ามามาก
ในช่วงเดือนถือศีลอดของคนมุสลิม
สลับกับร้านค้าของแห้ง ของกิน ในย่านนี้
มีร้านขายแอปเปิลเจ้าหนึ่ง
เป็นสตรีมุสลิมอายุราว 60 ปี
รูปร่างสันทัด ความสูงราว 150 เซนติเมตร
หน้าตายิ้มแย้ม เห็นรอยลักยิ้ม
ชอบทักทายและชวนให้ซื้อผลไม้แก
จขกท. มักจะเดินผ่านไม่แวะซื้อ
เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านแล้ว
มีครั้งหนึ่งได้แวะซื้อ
เพราะจะเอาให้แม่ไปไหว้เจ้า
และอ่านเจอว่า
An apple a day keeps the doctor away.
เลยแวะซื้อกับแกประจำ
จนแกแทนตัวเองว่า มะ
จากการอุดหนุนกับมะ ยาวนาน
จนรู้ว่ามะ เป็นมุสลิมที่เคร่งครัด
เพราะยามว่างจากการขาย
มะ มักจะอ่านบทคัดย่ออัลกูรอ่าน
และชอบพูดคุยสัพเพเหระกับ จขกท.
เรื่องที่มะ เคยไปพิธีฮัจญ์
และมีลูกประคำทำจากกระดูกอูฐ
ที่มะซื้อมาจากเมกกะหลายเส้น
จขกท. เลยพูดเล่นว่า ขอสักเส้นได้ไหม
มะรับปากว่าจะเอามาให้ในวันรุ่งขึ้น
แล้วมะก็มอบให้ตามคำสัญญา
แม้ว่า มะ จะรู้ว่าจขกท. นับถือพุทธ
แต่มะบอกนำมาใช้ในการฝึกสติสมาธิได้
หลังปี 2543
จขกท. ย้ายที่ทำงานไม่เดินผ่านแถวนี้
เพราะสินค้าผลไม้หาซื้อได้ในห้างสรรพสินค้า
เลยไม่ค่อยเจอมะ ในช่วงนี้
และถ้าเจอมะ ก็มักจะช่วยอุดหนุน
แต่ไม่นานนัก มะก็หายไป
มีลูกสะไภ้มาขายแทนมะ
สอบถามทราบว่า มะ ชราภาพ
และตอนนี้อยู่กับลูกสาว
ไปไปมามาระหว่างทุ่งตำเสา
กับบ้านหลังรางรถไฟรัถการหาดใหญ่
จขกท. เคยไปหามะที่รัถการหาดใหญ่
มะยังจำได้ และพูดคุยกันกว่าชั่วโมง
สามีมะ ไปหาพระอัลเลาะห์นานแล้ว
ทราบแต่ว่า สามีมะเลี้ยงแพะในย่านนั้น
แต่ถ้าให้ไปหามะอีกตอนนี้ คงไปไม่ถูกแล้ว
หลังปี 2555
ร้านค้าแถวนี้เริ่มทะยอยหายไป ๆ
เพราะสินค้าในห้างสรรพสินค้ามาทดแทน
ร้านค้าของมะ ก็เซ้งคนอื่นต่อ
ถามหามะ กับลูกสะไภ้มะ กับคนเซ้งต่อ
คนเซ้งต่อก็บอกไม่ทราบเหมือนกัน
เพราะลูกสะไภ้ที่เซ้งให้ก็ย้ายไปที่อื่น
เลยได้แต่คิดถึงมะ
วันนี้ขับรถยนต์ผ่านเหลียวไปมอง
ถนนสายนี้เหลือร้านค้าหรองแหรง
มีไม่เกิน 5 ร้าน ปิดมากกว่าเปิด
ร้านค้าที่เซ้งจากมะ ก็เลิกกิจการไปแล้ว
ป่านนี้มะ คงไปล่วงหน้าแล้ว
ถ้าเชื่อในพระเจ้า และโลกหน้า
เราคงได้พบกันที่ปลายขอบฟ้า
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนร้านค้าแถวนี้
.
.
ช่วงระยะเวลาถนนสายนี้
สายสอง หาดใหญ่
เดิมถนนเส้นนี้คือ ย่านการค้าผลไม้ชายแดน
ในช่วงก่อนมีมากกว่า 50 ร้านค้า
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของถนน
สินค้ามีพวกแอปเปิล องุ่น ทับทิม ลูกพลับ
อินทผาลัม (สด) จะมีการนำเข้ามามาก
ในช่วงเดือนถือศีลอดของคนมุสลิม
สลับกับร้านค้าของแห้ง ของกิน ในย่านนี้
(จขกท.เคยเข้าไปในมาเลย์ก่อนปี 2540
ร้านค้าส่งแอปเปิลที่ปาดังเบซาร์ ฝั่งมาเลย์
ทุบบ้านทาวเฮาส์ติดกันสองหลัง
ทำเป็นห้องเย็นเก็บกักตุนแอปเปิล
จำนวนหลักนับพันลังเลยที่เดียว
แม่ค้าบอกขายดีมากในช่วงเทศกาล
แอปเปิลส่วนใหญ่มาจากจีนแดง
ส่วนมากจะมีผลสีแดง รสจะหวาน
ถ้าสีเขียวมักจะเปรี้ยว จนมีคนพูดกันว่า
แอปเปิลชนิดนี้ ให้ม้ากินมากกว่าคนกิน
นาน ๆ จึงมีแอปเปิลมาจากสหรัฐ ออสเตรเลีย)
ก่อนปี 2520
สินค้าเครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า หนีภาษี
ร้านดัง ๆ มีสันติสุข ยงดี
ร้านแผงทอง เปิดช่วง 2537
ช่วงรุ่ง ๆ เปิดกันถึงชั้นสอง ชั้นสาม
ต่อมากลายเป็นร้าง โกดังเก็บของหนีภาษี
นายด่านศุลกากร ไม่มีอำนาจรื้อประตู
เพื่อเปิดห้อง/ร้านค้าที่ปิดร้านไว้
ทำให้สินค้าหลบซ่อนรอขายได้
เวลาจะจับของหนีภาษี ร้านที่เปิดอยู่มักจะซวย
ส่วนร้านที่ปิดประตุเหล็ก จะรอดต้วทุกครั้ง
ช่วงรุ่ง ๆ ในตอนนั้นจะมีชมรมผู้ค้าปลีก
รวบรวมพ่อค้าแม่ค้าได้ร่วม 100 คน
ไว้ต่อรองกับโรงพัก นายด่าน แบบเป็นอันรู้กัน
หลังสินค้าไฟฟ้า ลดกระหน่ำ Summer Sales
อันเป็นผลจากการค้าโลก WTO
ร้านค้าปลีก/ชมรม ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
ทุกวันนี้เปิดกันไม่กี่ร้าน
หนักไปทางขายเสื้อผ้า น้ำหอม
.
.
สายลมของการเปลี่ยนแปลง
ที่พัดพากระหน่ำอย่างรุนแรงหลังปี 2540
ที่ไทยเข้าภาคีการค้าโลก WTO
ทำให้ร้านค้ารายย่อยที่ไปก่อนคือ
พวกร้านขายเครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า
เพราะอัตราภาษีลดลงมากเหลือไม่เกิน 10-15%
ยิ่งสินค้าผลิตในนายู (มลายู) ภาษีเหลือ 5%
จนลดลงเหลือ 0% ในเวลาต่อมา
ในนายูจะมีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายยี่ห้อ
ต่อมาตามมาด้วยผลไม้จากเมืองนอก
เริ่มมีการนำเช้ามาขายในห้างสรรพสินค้า
เพราะได้รับสิทธิประโยชน์จากภาษี WTO
ทำให้ร้านค้าผลไม้สายสอง เริ่มหายไป
จนทุกวันนี้เหลือไม่ถึง 2-3 ร้าน
แต่ก็ขายสัพเพเหระ มากกว่าขายผลไม้
เพราะผลไม้เก็บนานก็เสื่อมก็เน่า
ในปี 2543
เริ่มมี Thump Drive ขนาดเบ้งใหญ่มาก
เกือบเท่าหัวแม่มือ ความจุแค่ 32 MB
จัดว่าแพง แต่มีแล้วแทร่กว่าแผ่น CD
ยิ่งแผ่น Princo ที่ชอบแซวกันว่า แผ่นสายลับ
เปิดไม่กี่ทีก็สะดุด หรือ อ่านข้อมูลไม่ได้อีก
ในเวลาต่อมา มีการพัฒนา Thump Drive
รูปร่างเรียวบาง สวยงาม ไฉไลกว่าเก่า
เลยเรียกชื่อใหม่ว่า Flash Drive
ขนาดนิยม 1 กิ๊ก ก็ยังจัดว่าแพง
จนมีคำแซวว่า กิ๊กเดียวก็ว่าแย่แล้ว
สองกิ๊กขึ้นไปมีปัญหาแน่นอน
Flash Drive ทำให้การถ่ายโอนข้อมูล
ดูหนังฟังเพลงสะดวกกว่าเดิมมาก
จนทำให้เครื่องเสียงรถยนต์รุ่นหลัง ๆ
ไม่มีช่องเปิด CD หรือ เทปคาสเซส อีกเลย
มีแต่ช่อง USB เสียบ Flash Drive
หรือบางรุ่นพัฒนาให้มี Blue Tooth
ในช่วงปี 2553
การให้บริการและขยายเครือข่ายดาวเทียม
เริ่มออกอาการชะลอตัวลงในเมืองใหญ่
ส่วนร้านขายจานดาวเทียมก็เริ่มหายไป
เพราะผู้ให้บริการทางดาวเทียม
ต่างหันไปใช้ระบบ Internet แทน
แม้ว่าจะเป็นระบบ ADSL
สายลวดทองแดงที่ว่ากัน
การรับส่งข้อมูลก็พอดูได้ระดับหนึ่ง
รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน
ราคาขายถูกกว่าเดิมมาก
สามารถดูหนังฟังเพลงมากกว่า TV
ในช่วงปี 2555
ผลของการมี Fiber Optics ที่ทันสมัย
กับ Flash Drive ความจุเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ทำให้ร้านขายแผ่น CD DVD โปรแกรมเถื่อน
ค่อย ๆ หายไปจากร้านค้าแถวนี้
เพราะสามารถ Load จาก WWW ได้เลย
รวมทั้งพวกหนัง Online มีหลายค่ายมากขึ้น
และคนหันไปเล่น Tablet มากขึ้นกว่าเดิม
ทำให้ธุรกิจแผ่น CD DVD ยังมีขายอยู่
แต่ขนาดตลาดเล็กลงไปมากกว่าเดิม
เหลือร้านค้าละแวกนี้ไม่เกิน 3-4 ร้าน
เพราะในกลางทะเล เขตกันดาร
ที่สัญญาณ Internet ยังไปไม่ถึง
ใช้สัญญาณดาวเทียมก็แพงมากในแต่ละครั้ง
ในปี 2556
เริ่มมีการถ่ายทอดทีวีดิจิตอลในไทย
และหลายช่องยุติทีวีอนาล็อกในปี 2558
จนยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบเดิม
ในปี 2563 ตามด้วยเจ้าของ TV
อาการสาหัสจากการขาดทุน
ในช่วงปี 2563
ยิ่งช่วง Covid 19 คนอยู่กับบ้าน
ทำให้ธุรกิจ Fiber Optics ยิ่งขยายตัว
เพราะคนต้องอยู่กับบ้าน
และหันมาดูหนัง Online มากขึ้น
มะขายแอปเปิล
จขกท. จะเดินผ่านร้านขายผลไม้แผงลอย
ละแวกถนนสายสอง หาดใหญ่
ที่มีขายกันราว 50 กว่าร้านค้า
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของถนน
มีร้านดังคือ สันติสุข ยงดี
เปิดมานานก่อนปี 2520
ฝั่งตรงข้าม ร้านแผงทอง
เปิดช่วง 2537 หลังไฟไหม้บ้านสองชั้น
ในช่วงปี 2535 ตั้งแต่โรงแรมแหลมทอง
ไปจนถึง ธนาคารกรุงเทพฯ หมดทั้งแถบ
สินค้าแผงลอยในถนนสายนี้
มีพวกแอปเปิล องุ่น ทับทิม ลูกพลับ
อินทผาลัม (สด) จะมีการนำเข้ามามาก
ในช่วงเดือนถือศีลอดของคนมุสลิม
สลับกับร้านค้าของแห้ง ของกิน ในย่านนี้
มีร้านขายแอปเปิลเจ้าหนึ่ง
เป็นสตรีมุสลิมอายุราว 60 ปี
รูปร่างสันทัด ความสูงราว 150 เซนติเมตร
หน้าตายิ้มแย้ม เห็นรอยลักยิ้ม
ชอบทักทายและชวนให้ซื้อผลไม้แก
จขกท. มักจะเดินผ่านไม่แวะซื้อ
เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านแล้ว
มีครั้งหนึ่งได้แวะซื้อ
เพราะจะเอาให้แม่ไปไหว้เจ้า
และอ่านเจอว่า
An apple a day keeps the doctor away.
เลยแวะซื้อกับแกประจำ
จนแกแทนตัวเองว่า มะ
จากการอุดหนุนกับมะ ยาวนาน
จนรู้ว่ามะ เป็นมุสลิมที่เคร่งครัด
เพราะยามว่างจากการขาย
มะ มักจะอ่านบทคัดย่ออัลกูรอ่าน
และชอบพูดคุยสัพเพเหระกับ จขกท.
เรื่องที่มะ เคยไปพิธีฮัจญ์
และมีลูกประคำทำจากกระดูกอูฐ
ที่มะซื้อมาจากเมกกะหลายเส้น
จขกท. เลยพูดเล่นว่า ขอสักเส้นได้ไหม
มะรับปากว่าจะเอามาให้ในวันรุ่งขึ้น
แล้วมะก็มอบให้ตามคำสัญญา
แม้ว่า มะ จะรู้ว่าจขกท. นับถือพุทธ
แต่มะบอกนำมาใช้ในการฝึกสติสมาธิได้
หลังปี 2543
จขกท. ย้ายที่ทำงานไม่เดินผ่านแถวนี้
เพราะสินค้าผลไม้หาซื้อได้ในห้างสรรพสินค้า
เลยไม่ค่อยเจอมะ ในช่วงนี้
และถ้าเจอมะ ก็มักจะช่วยอุดหนุน
แต่ไม่นานนัก มะก็หายไป
มีลูกสะไภ้มาขายแทนมะ
สอบถามทราบว่า มะ ชราภาพ
และตอนนี้อยู่กับลูกสาว
ไปไปมามาระหว่างทุ่งตำเสา
กับบ้านหลังรางรถไฟรัถการหาดใหญ่
จขกท. เคยไปหามะที่รัถการหาดใหญ่
มะยังจำได้ และพูดคุยกันกว่าชั่วโมง
สามีมะ ไปหาพระอัลเลาะห์นานแล้ว
ทราบแต่ว่า สามีมะเลี้ยงแพะในย่านนั้น
แต่ถ้าให้ไปหามะอีกตอนนี้ คงไปไม่ถูกแล้ว
หลังปี 2555
ร้านค้าแถวนี้เริ่มทะยอยหายไป ๆ
เพราะสินค้าในห้างสรรพสินค้ามาทดแทน
ร้านค้าของมะ ก็เซ้งคนอื่นต่อ
ถามหามะ กับลูกสะไภ้มะ กับคนเซ้งต่อ
คนเซ้งต่อก็บอกไม่ทราบเหมือนกัน
เพราะลูกสะไภ้ที่เซ้งให้ก็ย้ายไปที่อื่น
เลยได้แต่คิดถึงมะ
วันนี้ขับรถยนต์ผ่านเหลียวไปมอง
ถนนสายนี้เหลือร้านค้าหรองแหรง
มีไม่เกิน 5 ร้าน ปิดมากกว่าเปิด
ร้านค้าที่เซ้งจากมะ ก็เลิกกิจการไปแล้ว
ป่านนี้มะ คงไปล่วงหน้าแล้ว
ถ้าเชื่อในพระเจ้า และโลกหน้า
เราคงได้พบกันที่ปลายขอบฟ้า
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนร้านค้าแถวนี้
.
.
ช่วงระยะเวลาถนนสายนี้
สายสอง หาดใหญ่
เดิมถนนเส้นนี้คือ ย่านการค้าผลไม้ชายแดน
ในช่วงก่อนมีมากกว่า 50 ร้านค้า
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของถนน
สินค้ามีพวกแอปเปิล องุ่น ทับทิม ลูกพลับ
อินทผาลัม (สด) จะมีการนำเข้ามามาก
ในช่วงเดือนถือศีลอดของคนมุสลิม
สลับกับร้านค้าของแห้ง ของกิน ในย่านนี้
(จขกท.เคยเข้าไปในมาเลย์ก่อนปี 2540
ร้านค้าส่งแอปเปิลที่ปาดังเบซาร์ ฝั่งมาเลย์
ทุบบ้านทาวเฮาส์ติดกันสองหลัง
ทำเป็นห้องเย็นเก็บกักตุนแอปเปิล
จำนวนหลักนับพันลังเลยที่เดียว
แม่ค้าบอกขายดีมากในช่วงเทศกาล
แอปเปิลส่วนใหญ่มาจากจีนแดง
ส่วนมากจะมีผลสีแดง รสจะหวาน
ถ้าสีเขียวมักจะเปรี้ยว จนมีคนพูดกันว่า
แอปเปิลชนิดนี้ ให้ม้ากินมากกว่าคนกิน
นาน ๆ จึงมีแอปเปิลมาจากสหรัฐ ออสเตรเลีย)
ก่อนปี 2520
สินค้าเครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า หนีภาษี
ร้านดัง ๆ มีสันติสุข ยงดี
ร้านแผงทอง เปิดช่วง 2537
ช่วงรุ่ง ๆ เปิดกันถึงชั้นสอง ชั้นสาม
ต่อมากลายเป็นร้าง โกดังเก็บของหนีภาษี
นายด่านศุลกากร ไม่มีอำนาจรื้อประตู
เพื่อเปิดห้อง/ร้านค้าที่ปิดร้านไว้
ทำให้สินค้าหลบซ่อนรอขายได้
เวลาจะจับของหนีภาษี ร้านที่เปิดอยู่มักจะซวย
ส่วนร้านที่ปิดประตุเหล็ก จะรอดต้วทุกครั้ง
ช่วงรุ่ง ๆ ในตอนนั้นจะมีชมรมผู้ค้าปลีก
รวบรวมพ่อค้าแม่ค้าได้ร่วม 100 คน
ไว้ต่อรองกับโรงพัก นายด่าน แบบเป็นอันรู้กัน
หลังสินค้าไฟฟ้า ลดกระหน่ำ Summer Sales
อันเป็นผลจากการค้าโลก WTO
ร้านค้าปลีก/ชมรม ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
ทุกวันนี้เปิดกันไม่กี่ร้าน
หนักไปทางขายเสื้อผ้า น้ำหอม
.
.
สายลมของการเปลี่ยนแปลง
ที่พัดพากระหน่ำอย่างรุนแรงหลังปี 2540
ที่ไทยเข้าภาคีการค้าโลก WTO
ทำให้ร้านค้ารายย่อยที่ไปก่อนคือ
พวกร้านขายเครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า
เพราะอัตราภาษีลดลงมากเหลือไม่เกิน 10-15%
ยิ่งสินค้าผลิตในนายู (มลายู) ภาษีเหลือ 5%
จนลดลงเหลือ 0% ในเวลาต่อมา
ในนายูจะมีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายยี่ห้อ
ต่อมาตามมาด้วยผลไม้จากเมืองนอก
เริ่มมีการนำเช้ามาขายในห้างสรรพสินค้า
เพราะได้รับสิทธิประโยชน์จากภาษี WTO
ทำให้ร้านค้าผลไม้สายสอง เริ่มหายไป
จนทุกวันนี้เหลือไม่ถึง 2-3 ร้าน
แต่ก็ขายสัพเพเหระ มากกว่าขายผลไม้
เพราะผลไม้เก็บนานก็เสื่อมก็เน่า
ในปี 2543
เริ่มมี Thump Drive ขนาดเบ้งใหญ่มาก
เกือบเท่าหัวแม่มือ ความจุแค่ 32 MB
จัดว่าแพง แต่มีแล้วแทร่กว่าแผ่น CD
ยิ่งแผ่น Princo ที่ชอบแซวกันว่า แผ่นสายลับ
เปิดไม่กี่ทีก็สะดุด หรือ อ่านข้อมูลไม่ได้อีก
ในเวลาต่อมา มีการพัฒนา Thump Drive
รูปร่างเรียวบาง สวยงาม ไฉไลกว่าเก่า
เลยเรียกชื่อใหม่ว่า Flash Drive
ขนาดนิยม 1 กิ๊ก ก็ยังจัดว่าแพง
จนมีคำแซวว่า กิ๊กเดียวก็ว่าแย่แล้ว
สองกิ๊กขึ้นไปมีปัญหาแน่นอน
Flash Drive ทำให้การถ่ายโอนข้อมูล
ดูหนังฟังเพลงสะดวกกว่าเดิมมาก
จนทำให้เครื่องเสียงรถยนต์รุ่นหลัง ๆ
ไม่มีช่องเปิด CD หรือ เทปคาสเซส อีกเลย
มีแต่ช่อง USB เสียบ Flash Drive
หรือบางรุ่นพัฒนาให้มี Blue Tooth
ในช่วงปี 2553
การให้บริการและขยายเครือข่ายดาวเทียม
เริ่มออกอาการชะลอตัวลงในเมืองใหญ่
ส่วนร้านขายจานดาวเทียมก็เริ่มหายไป
เพราะผู้ให้บริการทางดาวเทียม
ต่างหันไปใช้ระบบ Internet แทน
แม้ว่าจะเป็นระบบ ADSL
สายลวดทองแดงที่ว่ากัน
การรับส่งข้อมูลก็พอดูได้ระดับหนึ่ง
รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน
ราคาขายถูกกว่าเดิมมาก
สามารถดูหนังฟังเพลงมากกว่า TV
ในช่วงปี 2555
ผลของการมี Fiber Optics ที่ทันสมัย
กับ Flash Drive ความจุเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ทำให้ร้านขายแผ่น CD DVD โปรแกรมเถื่อน
ค่อย ๆ หายไปจากร้านค้าแถวนี้
เพราะสามารถ Load จาก WWW ได้เลย
รวมทั้งพวกหนัง Online มีหลายค่ายมากขึ้น
และคนหันไปเล่น Tablet มากขึ้นกว่าเดิม
ทำให้ธุรกิจแผ่น CD DVD ยังมีขายอยู่
แต่ขนาดตลาดเล็กลงไปมากกว่าเดิม
เหลือร้านค้าละแวกนี้ไม่เกิน 3-4 ร้าน
เพราะในกลางทะเล เขตกันดาร
ที่สัญญาณ Internet ยังไปไม่ถึง
ใช้สัญญาณดาวเทียมก็แพงมากในแต่ละครั้ง
ในปี 2556
เริ่มมีการถ่ายทอดทีวีดิจิตอลในไทย
และหลายช่องยุติทีวีอนาล็อกในปี 2558
จนยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบเดิม
ในปี 2563 ตามด้วยเจ้าของ TV
อาการสาหัสจากการขาดทุน
ในช่วงปี 2563
ยิ่งช่วง Covid 19 คนอยู่กับบ้าน
ทำให้ธุรกิจ Fiber Optics ยิ่งขยายตัว
เพราะคนต้องอยู่กับบ้าน
และหันมาดูหนัง Online มากขึ้น