การหาเลี้ยงพ่อแม่ เป็นเรื่องของวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตในครัวเรือนที่ดี จริงหรือ

ผม ชายในวัยผู้ใหญ่ซึ่งอีก ๒ ปีก็จะจัดงานแซยิดแล้ว จะเรียกว่าเป็นสมาชิกชมรม "กล้วยไม้" (คำผวน)ก็ได้
ผมเองเคยมีความคิดตั้งแต่ลูกยังเล็กๆว่า เราผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ ตั้งใจมีลูกทำพวกเขาเกิดมาก็ต้องดูแลเลี้ยงดูให้ลูกเติบโต โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังแม้จะให้ลูกๆโตมาเรียนจบแล้วทำงานต้องทำหน้าที่เลี้ยงดูพวกเราเพื่อตอบแทนบุญคุณหรืออะไรๆทำนองนั้น
ผมจึงมักบอกลูกๆอยู่บ่อยๆว่าไม่ต้องทำเมื่อโตขึ้น ไม่ต้องเอาเงินเดือนอันน้อยนิดเจียดมาส่งให้พ่อแม่ในแต่ละเดือน
.
นั่นเป็นการสวนกระแสวัฒนธรรมอย่างแรง ไม่ต้องใช้ความกล้า แค่บ้าบิ่นและอยากแสดงให้เห็นว่ามันคือความตั้งใจที่มุ่งมั่นว่าเราคนเป็นพ่อแม่ ต้องรับผิดชอบต่อการทำให้ชีวิตหนึ่งๆเกิดมาพบเจอกับความทุกข์ ความร้อน ความหิว และความอื่นๆ อีกมากมายโดยที่ลูกๆเขาอยากจะมาเกิดเป็นมนุษย์หรือไม่เขาก็ไม่มีสิทธิออกความเห็นก่อนที่พวกเขาจะได้เกิดกันมา
.
เรื่องจริง ของสังคมไทยที่ไม่เคยมีรัฐบาลใดคิดที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมในการรับผิดชอบต่อพลเมือง

เรื่องแรกที่ผมคิดได้ คือ การแบ่งมรดกที่ดิน
จริงๆ วัฒนธรรมนี้มันก็ดี แต่ผมคิดว่ามันเป็นการแตกทรัพย์สินของครอบครัว ทำให้ทรัพย์ก้อนนั้นมันเล็กลงเรื่อยๆอย่างแยบยลและครอบครัวตระกูลนั้นๆ จะจนลงเรื่อยๆ เช่นปู่เคยมีที่ดิน ๑๐๐ ไร่ มีลูก ๑๐ คน ก่อนตายทำพินัยกรรมแบ่งให้ลูกคนละเท่าๆกัน ก็เหลือคนละ ๑๐ ไร่ พอรุ่นหลาน ที่ดินก็มีคนละไม่ถึง ๑๐ ไร่แล้ว

เรื่องสองที่ผมคิดได้ คือ การที่ลูกหลานต้องกลับมาเลี้ยงพ่อแม่เมื่อโตแล้ว ทำงานได้ มีรายได้
จริงๆ วัฒนธรรมนี้มันก็ดี แต่ผมคิดว่า กว่าที่คนๆหนึ่งจะโต มีครอบครัว มันต้องใช้ความอดทน มุมานะ และใช้เงินมากมายเท่าไร
มันไม่ง่ายสำหรับคนที่ต้นทุนครอบครัวต่ำ ผมอยากถามว่า ภาครัฐให้อะไรได้มากกว่านี้บ้าง
เพราะภาครัฐ รับภาษีจากคนทุกคน แต่กลับไม่เคยมีความคิดที่จะให้กลับคืนให้คุ้มค่า เช่น การดูแลคนแก่ที่เริ่มจะทำงานหาเลี้ยงชีพไม่ได้และคนที่หาเลี้ยงชีพไม่ได้แล้ว ไม่เคยมีอย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ
แน่นอน การจะทำแคมเปญหรือโครงการเช่นนี้ต้องใช้เงินมหาศาล
จึงยังไม่มีรัฐบาลใดกล้าคิดหรือจะพูดว่าจะทำโครงการเช่นว่านี้เลย

ผมมาเริ่มคิดอีกครั้งในวัยใกล้แซยิด สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมอันดีงาม ทำแล้วสังคมยกย่องสรรเสริญ
กับความยากลำบากในการดำเนินชีวิตของคนรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังสร้างครอบครัว และยังต้องดิ้นรนหาเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่เฒ่า
เป็นวัฐจักรวงจรชีวิตที่น่ายกย่อง หรือเป็นวงจรอุบาทว์กันแน่ หรือเป็นอุบายลวงเพื่อที่ภาครัฐจะไม่ต้องรับผิดชอบกับพลเมืองอย่างที่ควรจะทำ ทั้งสองเรื่องที่ผมคิดได้นี้ ผมคิดมานานแล้ว เคยเผยแผ่ความคิดนี้ให้บางคนได้ฟังบ้าง แต่ก็เพียงไม่กี่คน และไม่ได้ใช้เวลามากนัก คนที่ได้เคยฟังก็อาจจะลืมไปแล้ว และไม่คิดแก้ไขแม้ต่อครอบครัวตนเอง

ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
🤭😂😎
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่