ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นกระแสพลาสมา โครงสร้างการปะทุของพลาสมา หรือ Solar Prominences และหยาดฝนโคโรนา หรือ Coronal Rain ที่เกิดจากพลาสมาที่เย็นตัวลงและตกกลับสู่พื้นผิว (ชั้น Photosphere) ของดวงอาทิตย์ ด้วยรายละเอียดที่ไม่เคยถูกบันทึกได้มาก่อน
เนื่องจากโลกของเรามีบรรยากาศที่หนาแน่นพอควร ทำให้การศึกษาชั้นโคโรนาด้วยอุปกรณ์บนพื้นโลกนั้นเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากบรรยากาศคอยรบกวนและกระเจิงแสงที่ผ่านเข้ามา
จนกระทั่ง คณะนักวิทยาศาสตร์จาก NSF (National Science Foundation), NSO (National Solar Observatory), และ NJIT (New Jersey Institute of Technology) ได้พัฒนาอุปกรณ์ Cona ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Adaptive Optics สำหรับติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์ Goode Solar Telescope ขนาด 1.6 เมตร
อุปกรณ์ Cona ประกอบด้วยกระจกที่สามารถปรับรูปทรงตัวเองได้ถึง 2,200 ครั้งต่อวินาที เพื่อชดเชยการเบลอของภาพที่เกิดจากการรบกวนของชั้นบรรยากาศโลก ทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมถึงบันทึกเป็นวิดีโอได้อีกด้วย
Philip R. Goode ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์จาก NJIT เปิดเผยว่า “เทคโนโลยีที่พลิกโฉมเช่นนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้ในหอดูดาวต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการศึกษาด้านฟิสิกส์สุริยะจากภาคพื้นดิน ด้วยระบบ Coronal Adaptive Optics ซึ่งมีการเริ่มใช้งานแล้ว นี่ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ในฟิสิกส์สุริยะ ที่อาจนำไปสู่การค้นพบอีกมากมายในอีกหลายปีข้างหน้า"
สำหรับงานวิจัยของการสำรวจในครั้งนี้ มีชื่อว่า ‘Observations of fine coronal structures with high-order solar adaptive optics’ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สามารถรับชมวิดีโอแบบเต็มได้ที่เพจKornKT
Cr: KornKT
นักวิทยาศาสตร์เผยภาพถ่ายของชั้นโคโรนาบรรยากาศชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์แบบคมชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เนื่องจากโลกของเรามีบรรยากาศที่หนาแน่นพอควร ทำให้การศึกษาชั้นโคโรนาด้วยอุปกรณ์บนพื้นโลกนั้นเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากบรรยากาศคอยรบกวนและกระเจิงแสงที่ผ่านเข้ามา
จนกระทั่ง คณะนักวิทยาศาสตร์จาก NSF (National Science Foundation), NSO (National Solar Observatory), และ NJIT (New Jersey Institute of Technology) ได้พัฒนาอุปกรณ์ Cona ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Adaptive Optics สำหรับติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์ Goode Solar Telescope ขนาด 1.6 เมตร
อุปกรณ์ Cona ประกอบด้วยกระจกที่สามารถปรับรูปทรงตัวเองได้ถึง 2,200 ครั้งต่อวินาที เพื่อชดเชยการเบลอของภาพที่เกิดจากการรบกวนของชั้นบรรยากาศโลก ทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมถึงบันทึกเป็นวิดีโอได้อีกด้วย
Philip R. Goode ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์จาก NJIT เปิดเผยว่า “เทคโนโลยีที่พลิกโฉมเช่นนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้ในหอดูดาวต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการศึกษาด้านฟิสิกส์สุริยะจากภาคพื้นดิน ด้วยระบบ Coronal Adaptive Optics ซึ่งมีการเริ่มใช้งานแล้ว นี่ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ในฟิสิกส์สุริยะ ที่อาจนำไปสู่การค้นพบอีกมากมายในอีกหลายปีข้างหน้า"
สำหรับงานวิจัยของการสำรวจในครั้งนี้ มีชื่อว่า ‘Observations of fine coronal structures with high-order solar adaptive optics’ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
สามารถรับชมวิดีโอแบบเต็มได้ที่เพจKornKT
Cr: KornKT