โรงงานหมื่นล้าน BYD ที่ระยอง นำเข้าจากจีนยันชักโครกห้องน้ำ

ศุภณัฐ เปิดผลสำรวจ โรงงานหมื่นล้าน BYD ที่ระยอง ของทุกชิ้น นำเข้าจากจีน เกือบทั้งหมด



ศุภณัฐ เปิดผลสำรวจ โรงงานหมื่นล้าน BYD ของทุกชิ้น นำเข้าจากจีน เกือบทั้งหมด แม้กระทั่งชักโครก

จากกรณี คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ เดินทางไปติดตามศึกษาดูงาน กรณีการเข้ามาของทุนจีนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในพื้นที่จังหวัดระยอง พร้อมทั้งชมสายการผลิตภายในโรงงานผลิตรถยนต์ยี่ห้อ BYD พร้อมร่วมประชุมเพื่อรับฟังข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ล่าสุด ด้าน นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์ความคืบหน้า หลังลงพื้นที่โรงงาน BYD ครั้งที่ 2 ซึ่งมีรายละเอียด ว่า

BYD ลงทุนก่อสร้างโรงงาน 10,000 ล้าน แต่เงินถึงมือคนไทยเกือบศูนย์เหรียญ เมื่อต้นเดือนที่แล้ว มีโอกาสได้ไปโรงงาน BYD เป็นครั้งที่ 2 โดยรอบนี้มากับกรรมาธิการความมั่นคง นำโดย รังสิมันต์ โรม และ ท๊อป ชุติพงศ์ สส ระยอง ซึ่งจัดเต็มพาทั้ง BOI กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์, รองผู้ว่าระยอง และหอการค้า จ.ระยอง มาดูโรงงาน พร้อมประสานขอเอกสารสำคัญอย่าง “สัญญาส่งเสริมการลงทุน” ที่ BOI เซนต์กับ BYD

จากการสำรวจ โรงงานหมื่นล้าน ที่ BYD มาลงทุนสร้าง และเราโหมกระแสดีใจ เสมือนประเทศไทยได้เงินหมื่นล้านเข้าประเทศจาก BYD ที่ไหนได้ “ของแทบทุกชิ้น” ที่ใช้ในโรงงาน ถูกนำเข้าจากจีนทั้งหมด ทั้งอุปกรณ์ เครื่องจักร ผนัง พื้น ประตู ยันชักโครกห้องน้ำ สายไฟ ปลั๊กไฟ ลูกบิดประตู ที่กั้นโถฉี่ เขาใช้จีนแทบ 100%

ซึ่งคำถามที่ผุดขึ้นมาคือ สินค้าหลายอย่างที่ต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัย อาทิ มอก. กลับไม่ผ่าน เพราะเป็นสินค้าจีนที่ไม่ได้มีใช้ในไทย ยิ่งพอได้เห็นสัญญาการลงทุน ระหว่าง BYD กับ BOI ก็ไม่แปลกใจ เพราะไม่มีการกำหนดว่าต้องซื้อของไทย ในการก่อสร้างโรงงานเลยแม้แต่น้อย

ที่สำคัญกว่าคือ นอกจาก BOI จะฟรีภาษีนิติบุคคล เหลือ 0% แล้ว ยังยกเว้นภาษีนำเข้าศุลกากรในการสร้างโรงงานให้ด้วย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า ประเทศไทยได้ทำสัญญา “ลด แลก แจก แถม” แบบนี้ไปกี่โรงงาน แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะแบบเดียวกันหมด เรียกได้ว่า ลงทุนแบบศูนย์เหรียญ ยกโรงงานที่จีนมาตั้งที่ไทย โดยที่คนไทยแทบไม่ได้อะไรจากเงินลงทุนสร้างโรงงานหมื่นล้านแม้แต่น้อย

แต่ถ้าจะมี “คนไทย 1 เดียว” ที่ได้เงินจริงๆจังๆจากการลงทุนนี้ ก็คงมีแค่ บริษัทนิคมที่ได้เงินจากการขายที่ดินให้ BYD กว่า 600 ไร่ โดยทราบมาว่า BYD ซื้อที่จากนิคม WHA ประมาณไร่ละ 4 ล้าน และผ่านไปไม่กี่ปี ที่ดิน BYD มูลค่าขึ้นไปราวๆไร่ละ 8-10 ล้าน มี 600ไร่ ทำกำไรกว่า 2,400-3,600 ล้านบาท เพราะที่ดินนิคมขาดแคลน

นอกจากนี้ นายศุภณัฐ ยังตั้งคำถามถึงสัญญาในการลงทุนของโรงงานต่างชาติในประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยขาดความน่าสนใจมาก ขนาดที่ไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาสัญญาแบบนี้เลยใช่หรือไม่?

ถ้าเป็นเช่นนี้ แทนที่เราจะต้องเดินสายชวนคนมาลงทุนแบบด้วยการ “ลด แลก แจก แถม” และเกิดสภาวะศูนย์เหรียญ เราควรกลับมาย้อนดูตัวเราเอง ว่าเราจะปรับปรุงตัวเองให้เราน่าสนใจได้อย่างไร

เพราะเวลานี้ สิ่งที่ไทยได้จากการลงทุนต่างชาติ ไม่ใช่การร่วมสร้าง supply chain, ไม่ใช่การถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ, ไม่ใช่การพัฒนาทักษะแรงงาน แต่ที่เราได้มีเพียงการจ้างงาน เพราะค่าแรงเราถูก โดยผู้ลงทุนยังได้โอกาสสวมสิทธิทางภาษี เพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่ค้าของเรา

นายศุภณัฐ กล่าวต่อว่า 4 กระทรวงสำคัญ ที่ถูกมองข้าม ถ้าพูดถึงกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญ หลายคนจะโฟกัสที่กระทรวงใหญ่อย่าง คมนาคม, คลัง, พลังงาน และ พาณิชย์ แต่ 4 กระทรวง ที่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานของประเทศ และอนาคตของประเทศ แต่กลับถูกมองข้าม คือ กระทรวงศึกษา, อว., แรงงาน และอุตสาหกรรม ซึ่ง 4 กระทรวงนี้ แทบไม่มีผลงานในการพัฒนาศักยภาพคนไทย และผู้ประกอบการไทยเลยในรัฐบาลชุดนี้

โดยกระทรวงอุตฯ แม้มีผลงานชัดเจนเรื่องไล่บี้โรงงานเทา แต่ส่วนที่ยังไม่ชัดคือ เรื่องการผลักดันผู้ประกอบการในยุคเปลี่ยนผ่านที่ต้องเผชิญความท้าทายอย่างรุนแรง ส่วนอีก 3 กระทรวงที่วางรากฐาน “อนาคตของชาติ” นายกกลับไว้วางใจ ฝากอนาคตของชาติไว้กับพรรคภูมิใจไทย และแทบจะไม่มีความพยายามจะดึง 3 กระทรวงนี้มาดูแลเอง ตนก็หวังว่า ซักวันเราจะมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับกระทรวงเหล่านี้ มากกว่าเห็นเป็นเพียงเครื่องมือในการต่อรองอำนาจแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/politics/news_5215582
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่