ในทางธรรม คำว่า ความจริงของธรรมชาติ นั้นมีความหมายอย่างไร?

สัจธรรมคือ ความจริงของธรรมชาติ จึงอยากรู้ว่า ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นเป็นอย่าง ในความหมายของการปฏิบัติธรรมคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
สวัสดีครับ

          ตอบ    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป  คือความจริงอันแน่นอนของธรรมชาติ
จะสรุปลงตรงนี้แหละ  อยู่ข้อสุดท้ายของนิยาม5 (ท่านเรียงลำดับไว้เสมอ)

          ดูนิยาม5
     นิยาม 5[1] หมายถึง กำหนดอันแน่นอน, ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอนของธรรมชาติ, กฎธรรมชาติ อันครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามกฎทั้ง 5 ประการนี้ ได้แก่
1.อุตุนิยาม (physical laws) คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น อุณหภูมิ ดินฟ้าอากาศ สิ่งแวดล้อม
2.พีชนิยาม (biological laws) คือ กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับพันธุกรรม กระบวนการถ่ายทอดข้อมูลของสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ เชื้อโรค ผ่านการสืบพันธุ์
3.จิตนิยาม (psychic law) คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต เจตสิก
4.กรรมนิยาม (Karmic Laws,Action Laws) คือ กฎแห่งกรรม คือกฎแห่งการกระทำและผลของการกระทำ
5.ธรรมนิยาม (General Laws) อันได้แก่กฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

      **วิทยาศาสตร์ เขาพิสูจน์กันอยู่ข้อ 1,2   พระพุทธเจ้าท่านพิสูจน์ จบแล้ว 1-5 เลย  และท้าให้ผู้อื่นมาพิสูจน์ตาม
เป็น "อกาลิโก" ไม่จำกัดกาลเวลา มาพิสูจน์เมื่อไหร่ก็ได้ (เพราะมันเป็นกฎของธรรมชาติ จะมีพระพุทธเจ้าหรือไม่ กฎมัน
ก็เป็นของมันอยู่เหมือนเดิม)
         ....................................................

        ความจริง(สัจจะ) จะมี 2 อย่างคือ "สมมุติสัจจะ" กับ "ปรมัตถสัจจะ"

     สมมุติสัจจะ คือ สิ่งที่ชาวโลกเขาสมมุติ(บัญญัติ) ให้รู้ร่วมกัน เพื่อว่าสื่อสารจะได้
เข้าใจตรงกัน  แบบนี้เรียกว่าคน แบบนี้เรียกว่าสัตว์เป็น แมว ....ฯ  สิ่งของ แบบนี้เรียก
ว่าโต๊ะ เก้าอี้ ....ฯ   และ "โลกธรรม8" (ของคู่โลก-คือมีโลกก็ต้องมีมัน) ลาภ ยศ สรรเสริญ
โลกียสุข, เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์   เมื่อมันเป็นสมมุติ เราก็ต้องอยู่กับมัน ใช้สอยมัน
สัมผัสสัมพันธ์  ใช้ประโยชน์ มัน แต่อย่าไป "ติด-หลง" อยู่กับมัน (เป็นน้ำกลิ้งบนใบบอน)  
        ถ้าทำได้ก็อยู่เหนือ "โลกโลกียะ"   ก็เอาตัวเราโดยสมมุติ นี่แหละปฎิบัติ ลดละ "กาม"
ลดละ "อกุศล"   จน "สงัดจากกาม"  "สงัดจากอกุศล" ให้ได้  (เกิดองค์ธรรมของ "สมาธิ" )

      ปรมัตถสัจจะ  คือ อารมณ์/อาการ ของตัวเรา(ที่เป็นสมมุติสัจจะ) นั่นแหละ  มันมี "อายตนะ6"
(ตา หู......ฯ) เมื่อมันกระทบสัมผัส รูป เสียง....ฯ   มันก็จะเกิดอารมณ์ที่ "จิต" ตากระทบก็เกิดรูป....ฯ
หูกระทบก็เกิดรูป.....ฯ  จมูกกระทบก็เกิดรูป....ฯ  ลิ้นกระทบก็เกิดรูป......ฯ ............
       คือจะเกิดเป็นอารมณ์/อาการคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ  ขึ้นที่จิต เป็นลิงค นิมิต ฯ
ให้เรารู้อาการของมัน   เมื่อมันเป็นอารมณ์/อาการ  มันจึงไม่มี สัตว์ บุคคล เราเขา มันเป็นสภาวะ
ที่เรียกกันว่า  "ขันธ์5" นั่นเอง      (แต่ทุกวันนี้ไปอธิบายว่า ขันธ์5 คือ รูป ที่เป็นร่างกายเรา แล้วนามคือ
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ   เมื่ออธิบายแยกกันแบบนี้  ทำให้งง อธิบายไปก็ขัดกัน  ที่จริงร่างกาย
หยิกแล้วเจ็บของเรานี้ต้องอธิบายว่ามันคือ "มหาภูตรูป4" ที่มีอายตนะ6 อยู่ เมื่อกระทบผัสสะจึงเกิดเป็นขันธ์5
ที่จิต)      ถ้าจขกท.เข้าใจยังไม่ได้ ก็เข้าใจอย่างเดิมไปก่อน  (ต้องปฎิบัติจริงแล้วเกิดสภาวจึงจะเข้าใจ)

        ไม่รู้ตอบคำถามหมดรึยัง ขอแสดง คห.เท่านี้


                          ขอบคุณครับ  
      
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่