แชร์ประสบการณ์ติดเชื้อซิฟิลิสแบบไม่รู้ตัว (แพร่กระจายอย่างมากปัจจุบัน 68 อยากออกมาเตือน)

สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ติดเชื้อซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้วัยรุ่นสมัยนี้รู้จักป้องกันทันโรคค่ะ

ก่อนอื่นขอท้าวความก่อนว่า เราเป็นคนที่ค่อยข้างจะเกเรตั้งแต่อายุ 16-17 หลงระเริงใช้ชีวิตอยากรู้อยากลองตามประสาเด็กเห่อ และคงไม่พ้นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ( ไม่สนับสนุนให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ) ด้วยความที่ไม่มีความรู้ด้านการป้องกันที่ถูกต้องจริงๆ จึงใช้ชีวิตมั่วสุมกับเรื่องเซ็กส์จนทำให้เสียคน ติดเที่ยวติดดื่มตั้งแต่ยังอายุน้อยๆต่างๆนาๆ รู้แค่ว่าต้องกินแค่ยาคุมฉุกเฉิน และใส่ถุงยางอนามัยก็พอ ความรู้ตอนนั้นมีแค่นั้นเลย จนกินเวลาไปเริ่มปรับตัวขึ้นมานิดหน่อย ช่วงเริ่มต้นใหม่ เรียนใหม่ ใช้ชีวิตในเมือง ปรับตัวได้บ้างแล้วแต่ก็ยังแพ้คำชักชวนจากคนรอบข้าง ทั้งสารเสพติด หรือเรื่องเซ็กส์ที่ผิดๆต่างๆนาๆ ในช่วงนั้นเริ่มเอานิสัยเดิมกลับมาใช้อีกครั้ง จากที่เริ่มปรับดีขึ้นแล้ว พูดได้ไม่อายเลยค่ะ ว่าเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ป้องกันบ้างไม่ป้องกันบ้าง จนผ่านไป 1 ปีกว่าๆกับการใช้ชีวิตในเมือง จนเข้าปีที่ 2 ร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือนแล้วค่ะ อย่างแรกเลย มีแผลริมแข็งที่อวัยวะเพศ ( ไม่เจ็บนะคะ ) ต่อมาเริ่มมีแผลในปาก ลิ้น เปื้อนขาว และตามด้วยตุ่มแดงๆออกน้ำตาล ขึ้นฝ่ามือฝ่าเท้า นานๆไปตุ่มนั้นจะลอกออกมา กินเวลาไปสักพักใหญ่ ก็หายไป คงคิดว่าไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ได้เข้าตรวจอะไรเลย ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น แต่ระหว่างนั้น เวลาที่ร่างกายพักผ่อนน้อย ตุ่มนั้นจะเปลี่ยนเป็นขึ้นตามน่องตามขา แต่ไม่เหมือนที่ขึ้นตามฝ่ามือเท้านะคะ คิดว่าคงเป็นเพราะภูมิต้านทานน้อยแหละ ( ยังไม่ไปตรวจอีก ) นั่นแหละค่ะ ใช้ชีวิตเรื่อยๆ เรียน กิน เที่ยว เล่น สนุกไปวันๆ จนมาวันนึงค่ะ ที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตได้เปลี่ยนไปทุกอย่าง

ตอนนั้นกินเวลาไป จะ 2 แล้วนะคะ
ต่อค่ะ ตอนนั้นที่บอกว่าเป็นช่วงที่ชีวิตได้เปลี่ยนไปเพราะ เราดันพลาดท้องขึ้นมาค่ะ ใช่เลยค่ะตามที่ทุกคนคิดเลย เรายังใช้ยาคุมฉุกเฉินในการแก้ปัญหา กินเยอะจนยาไม่มีประสิทธิภาพแล้ว จึงทำให้พลาดขึ้นมา

ข้ามมาตอนที่ฝากท้องครั้งแรกเลยละกันนะ
ตอนนั้นตรวจช้าฝากช้าค่ะ ด้วยความที่กลัว กลัวทุกสิ่งทุกอย่าง ครอบครัวเอยอะไรเอย แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ค่ะ

ฝากท้องครั้งแรก จะมีการตรวจเลือดนะคะ อย่างแรก
.ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
.หมู่เลือด ABO และ Rh
.โรคติดเชื้อบางชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบบี HIV ซิฟิลิส
.หัดเยอรมันและธาลัสซีเมีย

ใช่ค่ะผลเลือดเราเป็นบวกตรวจเจอเชื้อซิฟิลิส
ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ส่งผู้ที่รู้จักโรคตัวนี้โดยเฉพาะให้มาอธิบายเกี่ยวกับโรคนี้ให้ฟัง พร้อม สอบถามและซักประวัติเราว่าเคยมีอาการแบบนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เขาถามกับเรา มันทำให้ย้อนกลับไปเมื่อ เกือบ 2 ปีก่อนค่ะ ว่าเราเคยเป็นแบบเดียวกันกับที่เขาถาม จึงตอบไปตามความจริง และเขาได้แจ้งว่า เราอยู่ในระยะแฝงแล้วนะ คือ อยู่ในระยะที่โรคสงบแต่เชื้อยังอยู่

ขออนุญาตเอาข้อมูลเชื้อซิฟิลิสในแต่ละระยะให้อ่านนะคะ

.ระยะที่ 1 มีตุ่มเล็กๆ แตกเป็นแผลมีน้ำเหลืองหรือแผลริมแข็งที่อวัยวะเพศ
.ระยะที่ 2 มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้นตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือทั่วร่างกาย
.ระยะที่ 3 ระยะแฝง ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดงใดๆ
.ระยะที่ 4 เชื้อเข้าไปทำลายระบบสมอง และอวัยวะต่างๆ

อันนี้คืออาการเบื้องต้นของโรคนี้นะคะ เพราะมีมากกว่านี้สามารถไปหาอ่านได้ใน กูเกิล

ต่อ
พอรู้ว่าตัวเองมีเชื้อ + กับตัวเองตั้งครรภ์อยู่ จึงต้องได้รับการรักษาด่วน ตอนพบเชื้อ หมอทำการรักษาให้วันนั้นเลยค่ะ โดยที่คุณหมอจะ ใช้ยา Benzathine penicillin G ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเป็นเวลา 3 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้ขนาดยา 2.4 ล้านยูนิต

ฉีดครบแล้วติดตามผลเลือด 3 เดือน 6 เดือน ( ขอบอกว่ายาตัวนี้เป็นยาที่ฉีดแล้วเจ็บมากๆ แทบจะเดินไม่ค่อยได้กันเลยทีเดียว )

และช่วงที่ทำการรักษา ฉีดยาครบ ตรวจผลเลือด เชื้อลดลงนะคะ แต่! ทว่า ไปมีอะไรกับสามีโดยที่ไม่ป้องกันอีก โดยที่ไม่รู้ว่าเชื้อสามารถติดและเพิ่มขึ้นได้ จนมานัดตรวจเลือดรอบ 3 เดือน เชื้อเพิ่มค่ะ แต่ตอนนั้นจะคลอดพอดี เลยต้องได้ผ่าคลอดแทน ผ่านเรื่องคลอดลูกไปนะคะ เพราะเดี๋ยวจะยาว

จากผลเลือดที่เชื้อเพิ่มขึ้น หมอนัดอีก 6 เดือนมาอีกรอบค่ะ เชื้อยังคงที่ ก็คือไม่ลดและไม่หาย  หมอจึงทำการซักประวัติใหม่ ถามว่าที่ผ่านมาได้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันไหม แน่นอนค่ะ ว่าใช่ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เชื้อเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ลดลงแล้ว หมอจึงทำการรักษาใหม่อีกครั้ง โดยที่ฉีดยาตัวเดิมไปอีก 3 ชุด ชุดละ 1 สัปดาห์ ( 1 ชุดจะมี 2 เข็มนะคะฉีดสะโพกซ้ายขวา เจ็บตัวไปอีกรอบ ) แต่รอบนี้หมอสั่งยาฆ่าเชื้อมาให้ทานด้วยค่ะ ทานต่อเนื่องประมาณเกือบเดือนนึง เช้าเย็น
จนครบ 3 เดือนนัดมาตรวจเลือดดูค่าเชื้อ ตอนนั้นแอบหวังว่าเชื้อจะลดนะคะ เพราะ แทบจะไม่มีอะไรกับสามีเลย เดือนละครั้งก็ว่าได้ และป้องกันสวมถุงยางอนามัยอย่างดี แต่เชื่อไหมคะ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด ผลออกมาเชื้อยังคงที่ ไม่ลดลงเลยค่ะ หมอถึงกับเครียดเลยค่ะ ว่าทำไมแทนที่เชื้อจะลดลง ทั้งๆที่ทำการรักษาไป 2 รอบแล้ว ก็ถามเราว่าได้ป้องกันอะไรยังไงไหม เราก็บอกไปว่าป้องกันอย่างดีเลยค่ะ ตอนนั้นเราเครียดค่ะ บวกกับเริ่มมีปัญหาทางครอบครัว คิดต่างๆนาๆว่าทำไมกันนะ โทษตัวเองที่ไม่รู้จักป้องกันตัวเองเลย จนมันเลยเถิดมาขนาดนี้ ก็ได้แต่คิดในหัวค่ะ น้อยใจ เสียใจ ในตัวเองที่ทำตัวขนาดนี้

จนหมอส่งตัวไปรักษาอีกโรงพยาบาลนึงค่ะ ที่ใหญ่กว่า
ออกใบส่งตัวให้เรา และแนบผลเลือดพร้อมประวัติการรักษา

และแล้วเราก็ได้เดินทางไปอีกค่ะ ไปรักษาอีกที่นึง ทำตามขั้นตอน ซักประวัติอะไรปกติ จนได้มาเจอกับหมอ ได้อ่านประวัติเรา เขาไม่ได้เอะใจอะไรเลย บอกกับเราถ้ายังไม่หาย ก็รักษาใหม่อีกรอบนึง แต่รักษาที่นี่ ( ที่ รพ. ใหม่ ) เราก็ใจแป้วแล้วค่ะ ต้องกลับมาฉีดยาตัวนั้นอีกแล้ว นี่รอบที่ 3 แล้วนะคะ ในการรักษา คิดมาตลอดว่า ตัวเราดื้อยาป่าววะ ทำยังไงเชื้อก็ไม่ลดลงสักที บวกกับความมักง่ายของเราด้วย ที่ไม่รู้จักป้องกัน ก็เลยรับกรรมต่อค่ะ ( เพิ่มเติมนะคะ โรคนี้ถ้าไม่ตรวจและรักษาไม่ทันมีผลถึงเสียชีวิต หรือลามไปเชื้อ HIV ได้นะคะ )

ณ ขณะนี้ เรายังไม่หายนะคะ เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการนัดฉีดยาทุกอาทิตย์อยู่ ไม่อยากให้ซ้ำเติม อยากให้คิดว่าออกมาแชร์ประสบการณ์

อยากจะออกมาเตือนหนุ่มๆสาวๆว่า รักสนุก ควรรู้จักดูแลจัดการตัวเอง ฝังยาคุม กินยาคุม ฉีดยาคุม หรือสวมใส่ถุงยางอนามัยนะคะ ป้องกันการพลาดท้องและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย หรือถ้าใครที่กำลังประสบปัญหาแบบเราอยู่ ทำการรักษาอยู่ขอให้สู้ต่อไปนะคะ อดีตเราเปลี่ยนแปรงอะไรไม่ได้

และเป็นกำลังใจเรา จขกท ด้วยนะคะ 😊

สุดท้ายขอบคุณที่เข้ามาอ่านประสบการณ์ของเรานะคะ
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับอีกหลายๆคนนะคะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ🙏

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่