.
.
ลูกปลา Atlantic sturgeon ถูกจับได้ที่
Virginia’s James River วัดขนาดปลา
โดย Matt Balazik ทึ่
Virginia Commonwealth University(VCU)
AP Photo / Ben Finley
.
.

.
.
.
The sturgeon, a "living fossil"
.
.
ในปีพ.ศ. 2550
Matt Balazik นักวิทยาศาสตร์
ได้สำรวจแม่น้ำ James ในรัฐ Virginia
เพื่อค้นหาปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
Atlantic sturgeon
(Acipenser oxyrinchus)
ซึ่งเป็นปลาโบราณขนาดใหญ่ในตำนาน
ที่ครั้งหนึ่งเคยมีมากมายในน่านน้ำแห่งนี้
แต่กลับหายไปจากแม่น้ำ
เพราะการทำประมงมากเกินไปและมลพิษ
การค้นหาครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ
แต่แล้ววันหนึ่ง Matt Balazik ได้เห็น
ปลาสเตอร์เจียนขนาดใหญ่กระโดดขึ้นจากน้ำ
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปเลย
ระยะเวลาร่วม 20 ปีที่ผ่านมา
Matt Balazik และเพื่อนร่วมงาน
Virginia Commonwealth University (VCU)
ได้พัฒนาวิธีการจับปลา วัดขนาดปลา
และติดแท็กปลาสเตอร์เจียนกว่า 2,500 ตัว
ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่า มีการเพิ่มขึ้นของปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
และกำลังกลับคืนแม่น้ำอย่างช้า ๆ
ตลอดชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
นับตั้งแต่มีการระงับการทำประมงเชิงพาณิชย์
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 เป็นตันมา
.
.
.
.
Matt Balazik กับเพื่อนร่วมงาน VCU
ได้จับปลาสเตอร์เจียนกว่า 2,500 ตัว
มาร่วม 20 ปีแล้ว เพื่อวัดตัวปลา ติด Tags
แล้วปล่อยกลับคืนสู่แม่น้ำ James
.
.
การฟื้นตัวและความท้าทาย
แม้ว่าประชากรปลาสเตอร์เจียนโดยรวม
จะดูเหมือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
แต่การฟื้นตัวของปลาแต่ละชนิด
อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแม่น้ำ
การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมล่าสุด
พบว่าประชากรปลาสเตอร์เจียน
ในแม่น้ำเจมส์ในปัจจุบัน
มีจำนวนน้อยกว่าและ
มีความหลากหลายทางพันธุกรรม
น้อยกว่าบรรพบุรุษเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน
ซึ่งทำให้พวกมันเปราะบาง
ต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมมากกว่า
.
.
ข้อมูลเชิงลึกทางพันธุกรรมจากอดีต
การศึกษาทางพันธุกรรมที่ตีพิมพ์ในวารสาร
Proceedings of the Royal Society B
ได้วิเคราะห์ DNA จากปลาสเตอร์เจียน
ในปัจจุบันและตัวอย่างทางโบราณคดี
จากแหล่งประวัติศาสตร์
การวิเคราะห์นี้เปิดเผยว่า DNA
ของปลาสเตอร์เจียนในปัจจุบัน
แตกต่างกันไปตามฤดูวางไข่
(ใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิ)
ซึ่งสอดคล้องกับการค้นพบก่อนหน้านี้ว่า
มีประชากรปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
มีจำนวนสองกลุ่มที่แตกต่างกัน
ทางพันธุกรรมในแม่น้ำเจมส์
อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างทางโบราณคดี
ไม่ได้แสดงการแบ่งแยกตามฤดูกาลนี้
และมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมากกว่า
ซึ่งบ่งชี้ว่าปลาสเตอร์เจียนในอดีต
อาจมีการเคลื่อนย้ายระหว่างแม่น้ำ
เพื่อวางไข่/ขยายพันธุ์ปลามากขึ้น
และมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว
แต่เมื่อเกิดการประมงมากเกินไป
จนทำให้ประชากรปลาลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ความหลากหลาย
ทางพันธุกรรมลดลงอย่างมาก
และทำให้ประชากรปลาสเตอร์เจียน
ที่วางไข่ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ
แยกตัวออกจากกันมากขึ้น
.
.

.

.

.

.
.
.
.

.
Taylor and Francis
.
.
.
นักวิจัยตรวจสอบกระดูกสะเก็ด
จากแหล่งต้นกำเนิดก่อนและหลังยุคโบราณ
ตามแนวแม่น้ำเจมส์ เพื่อช่วยระบุองค์ประกอบ
DNA ทางพันธุกรรมในประวัติศาสตร์
ของปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติค
© Natalia Przelomska and Logan Kistler
.
.
.
.
ความหวังสำหรับอนาคต
การวิเคราะห์จีโนมโบราณนี้
เป็นการศึกษาพื้นฐานที่ช่วยให้เข้าใจ
ประชากรปลาสเตอร์เจียน
ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ดีขึ้น
แม้ว่าปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
จะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่การกลับมาของ
ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ที่สูญเสียไปนั้นอาจใช้เวลานับพันปี
การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญ
ของการอนุรักษ์และความจำเป็น
ในการทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลง
ของคนเราที่ทำการประมงมากเหินไป
ส่งผลกระทบต่อความยืดหยุ่นของสายพันธุ์
และความหลากหลายทางชีวภาพ
.
เรียบเรียง/ที่มา
Smithsonian
.
หมายเหตุ
ไข่ปลา
คาร์เวียร์ Caviar มีราคาแพง
เพราะมาจากปลาสเตอร์เจียน
ซึ่งเป็นปลาที่หายาก/บางสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ ทำให้การหาไข่ปลาจากธรรมชาติลำบาก
ไข่ปลาคาเวียร์ยังมีรสชาติและเนื้อสัมผัส
ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนชอบกินหรู อยู่สบาย
ทำให้เป็นที่ต้องการในวงการอาหารหรู
คาเวียร์หลักๆ มี 3 สายพันธุ์ที่นิยม ได้แก่
เบลูก้า (Beluga) ไข่ขนาดใหญ่ สีตั้งแต่สีอ่อนถึงเทาเข้ม รสชาติละมุนและหรูหราที่สุด
โอเซตรา (Osetra) ไข่ขนาดกลาง มีสีทอง เหลืองอำพัน หรือน้ำตาลเข้ม รสชาติหอมมัน
เซฟรูกา (Sevruga) ไข่ขนาดเล็กที่สุด สีเทาหรือดำ รสชาติเข้มข้นกว่าและราคาถูกกว่า
เบลูก้าและโอเซตรา
แอลแลนติค (Atlantic) ไข่ปลาก็นำมาผลิตได้
จีนมีการเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน
และผลิตคาเวียร์ในฟาร์มอย่างเป็นระบบ
โดยบริษัทใหญ่ในจีนสามารถผลิตคาเวียร์
ได้ประมาณ 60 ตัน/ปี ส่งออกกว่า 30 ประเทศ
จีนเป็นผู้ผลิตคาเวียร์รายใหญ่ของโลก
การเก็บไข่ปลาคาร์เวียร์
ในฟาร์มปลาสเตอร์เจียนสมัยใหม่
เช่นในจีน จะไม่ต้องฆ่าแม่ปลาเสมอไป
โดยใช้วิธีอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจสอบว่า
ไข่สุกพร้อมเก็บหรือไม่
จากนั้นจะนำแม่ปลาขึ้นมาสกัดไข่
ออกมาโดยไม่จำเป็นต้องฆ่าปลา
เพื่อให้แม่ปลาสามารถฟื้นตัว
และให้ไข่ได้อีกในรอบถัดไป
ในบางกรณีหรือฟาร์มแบบดั้งเดิม
อาจมีการฆ่าแม่ปลาเพื่อเก็บไข่ทั้งหมด
แต่เทคโนโลยีและวิธีการเลี้ยงสมัยใหม่
เน้นการเก็บไข่แบบไม่ทำร้ายแม่ปลา
เพื่อความยั่งยืนของการผลิตคาเวียร์
ปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติกกำลังกลับมาอีกครั้ง
.
ลูกปลา Atlantic sturgeon ถูกจับได้ที่
Virginia’s James River วัดขนาดปลา
โดย Matt Balazik ทึ่
Virginia Commonwealth University(VCU)
AP Photo / Ben Finley
.
.
.
.
.
The sturgeon, a "living fossil"
.
ในปีพ.ศ. 2550
Matt Balazik นักวิทยาศาสตร์
ได้สำรวจแม่น้ำ James ในรัฐ Virginia
เพื่อค้นหาปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
Atlantic sturgeon
(Acipenser oxyrinchus)
ซึ่งเป็นปลาโบราณขนาดใหญ่ในตำนาน
ที่ครั้งหนึ่งเคยมีมากมายในน่านน้ำแห่งนี้
แต่กลับหายไปจากแม่น้ำ
เพราะการทำประมงมากเกินไปและมลพิษ
การค้นหาครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ
แต่แล้ววันหนึ่ง Matt Balazik ได้เห็น
ปลาสเตอร์เจียนขนาดใหญ่กระโดดขึ้นจากน้ำ
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปเลย
ระยะเวลาร่วม 20 ปีที่ผ่านมา
Matt Balazik และเพื่อนร่วมงาน
Virginia Commonwealth University (VCU)
ได้พัฒนาวิธีการจับปลา วัดขนาดปลา
และติดแท็กปลาสเตอร์เจียนกว่า 2,500 ตัว
ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่า มีการเพิ่มขึ้นของปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
และกำลังกลับคืนแม่น้ำอย่างช้า ๆ
ตลอดชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
นับตั้งแต่มีการระงับการทำประมงเชิงพาณิชย์
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 เป็นตันมา
.
.
.
Matt Balazik กับเพื่อนร่วมงาน VCU
ได้จับปลาสเตอร์เจียนกว่า 2,500 ตัว
มาร่วม 20 ปีแล้ว เพื่อวัดตัวปลา ติด Tags
แล้วปล่อยกลับคืนสู่แม่น้ำ James
.
การฟื้นตัวและความท้าทาย
แม้ว่าประชากรปลาสเตอร์เจียนโดยรวม
จะดูเหมือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
แต่การฟื้นตัวของปลาแต่ละชนิด
อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแม่น้ำ
การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมล่าสุด
พบว่าประชากรปลาสเตอร์เจียน
ในแม่น้ำเจมส์ในปัจจุบัน
มีจำนวนน้อยกว่าและ
มีความหลากหลายทางพันธุกรรม
น้อยกว่าบรรพบุรุษเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน
ซึ่งทำให้พวกมันเปราะบาง
ต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมมากกว่า
.
.
ข้อมูลเชิงลึกทางพันธุกรรมจากอดีต
การศึกษาทางพันธุกรรมที่ตีพิมพ์ในวารสาร
Proceedings of the Royal Society B
ได้วิเคราะห์ DNA จากปลาสเตอร์เจียน
ในปัจจุบันและตัวอย่างทางโบราณคดี
จากแหล่งประวัติศาสตร์
การวิเคราะห์นี้เปิดเผยว่า DNA
ของปลาสเตอร์เจียนในปัจจุบัน
แตกต่างกันไปตามฤดูวางไข่
(ใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิ)
ซึ่งสอดคล้องกับการค้นพบก่อนหน้านี้ว่า
มีประชากรปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
มีจำนวนสองกลุ่มที่แตกต่างกัน
ทางพันธุกรรมในแม่น้ำเจมส์
อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างทางโบราณคดี
ไม่ได้แสดงการแบ่งแยกตามฤดูกาลนี้
และมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมากกว่า
ซึ่งบ่งชี้ว่าปลาสเตอร์เจียนในอดีต
อาจมีการเคลื่อนย้ายระหว่างแม่น้ำ
เพื่อวางไข่/ขยายพันธุ์ปลามากขึ้น
และมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว
แต่เมื่อเกิดการประมงมากเกินไป
จนทำให้ประชากรปลาลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ความหลากหลาย
ทางพันธุกรรมลดลงอย่างมาก
และทำให้ประชากรปลาสเตอร์เจียน
ที่วางไข่ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ
แยกตัวออกจากกันมากขึ้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Taylor and Francis
.
.
.
นักวิจัยตรวจสอบกระดูกสะเก็ด
จากแหล่งต้นกำเนิดก่อนและหลังยุคโบราณ
ตามแนวแม่น้ำเจมส์ เพื่อช่วยระบุองค์ประกอบ
DNA ทางพันธุกรรมในประวัติศาสตร์
ของปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติค
© Natalia Przelomska and Logan Kistler
.
.
.
ความหวังสำหรับอนาคต
การวิเคราะห์จีโนมโบราณนี้
เป็นการศึกษาพื้นฐานที่ช่วยให้เข้าใจ
ประชากรปลาสเตอร์เจียน
ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ดีขึ้น
แม้ว่าปลาสเตอร์เจียนแอตแลนติก
จะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่การกลับมาของ
ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ที่สูญเสียไปนั้นอาจใช้เวลานับพันปี
การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญ
ของการอนุรักษ์และความจำเป็น
ในการทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลง
ของคนเราที่ทำการประมงมากเหินไป
ส่งผลกระทบต่อความยืดหยุ่นของสายพันธุ์
และความหลากหลายทางชีวภาพ
.
เรียบเรียง/ที่มา
Smithsonian
.
หมายเหตุ
ไข่ปลา คาร์เวียร์ Caviar มีราคาแพง
เพราะมาจากปลาสเตอร์เจียน
ซึ่งเป็นปลาที่หายาก/บางสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ ทำให้การหาไข่ปลาจากธรรมชาติลำบาก
ไข่ปลาคาเวียร์ยังมีรสชาติและเนื้อสัมผัส
ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนชอบกินหรู อยู่สบาย
ทำให้เป็นที่ต้องการในวงการอาหารหรู
คาเวียร์หลักๆ มี 3 สายพันธุ์ที่นิยม ได้แก่
เบลูก้า (Beluga) ไข่ขนาดใหญ่ สีตั้งแต่สีอ่อนถึงเทาเข้ม รสชาติละมุนและหรูหราที่สุด
โอเซตรา (Osetra) ไข่ขนาดกลาง มีสีทอง เหลืองอำพัน หรือน้ำตาลเข้ม รสชาติหอมมัน
เซฟรูกา (Sevruga) ไข่ขนาดเล็กที่สุด สีเทาหรือดำ รสชาติเข้มข้นกว่าและราคาถูกกว่า
เบลูก้าและโอเซตรา
แอลแลนติค (Atlantic) ไข่ปลาก็นำมาผลิตได้
จีนมีการเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน
และผลิตคาเวียร์ในฟาร์มอย่างเป็นระบบ
โดยบริษัทใหญ่ในจีนสามารถผลิตคาเวียร์
ได้ประมาณ 60 ตัน/ปี ส่งออกกว่า 30 ประเทศ
จีนเป็นผู้ผลิตคาเวียร์รายใหญ่ของโลก
การเก็บไข่ปลาคาร์เวียร์
ในฟาร์มปลาสเตอร์เจียนสมัยใหม่
เช่นในจีน จะไม่ต้องฆ่าแม่ปลาเสมอไป
โดยใช้วิธีอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจสอบว่า
ไข่สุกพร้อมเก็บหรือไม่
จากนั้นจะนำแม่ปลาขึ้นมาสกัดไข่
ออกมาโดยไม่จำเป็นต้องฆ่าปลา
เพื่อให้แม่ปลาสามารถฟื้นตัว
และให้ไข่ได้อีกในรอบถัดไป
ในบางกรณีหรือฟาร์มแบบดั้งเดิม
อาจมีการฆ่าแม่ปลาเพื่อเก็บไข่ทั้งหมด
แต่เทคโนโลยีและวิธีการเลี้ยงสมัยใหม่
เน้นการเก็บไข่แบบไม่ทำร้ายแม่ปลา
เพื่อความยั่งยืนของการผลิตคาเวียร์