เทรนด์ Gen Z ช้อปออนไลน์ ไม่เน้นถูก! คอนเทนต์โดนใจ-ส่งฟรี มาแรง และ Taobao บุกตลาดอีคอมเมิร์ซไทย

ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 68 ทะยาน 7% ทะลุ 1 ล้านล้านบาท Kantar เผย Gen Z ไม่สนแค่ราคา แต่ "ความคุ้มค่า" และ "คอนเทนต์โดน" คือปัจจัยสำคัญ นักการตลาดต้องเร่งปรับกลยุทธ์รับมือ!

ในยุคที่การแข่งขันบนตลาดอีคอมเมิร์ซไม่เพียงแต่ดุเดือดในแง่ของความ ‘ถูก’ แต่ยังรวมถึงความ ‘คุ้ม’ และ ‘คอนเทนต์’ ที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการมัดใจนักช้อปมือโปร จากรายงานของ Thailand E-Commerce Trends 2025 คาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยปี 2568 จะมีมูลค่าสูงถึง 1.07 ล้านล้านบาท และเติบโตถึง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

สะท้อนถึงโอกาสทองที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจาะกลุ่ม Gen Z ที่มีประชากรถึง 20% ของประเทศ ซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลบนสมรภูมิอีคอมเมิร์ซที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

ผู้เล่นที่เข้าใจความต้องการของกลุ่มนี้และสามารถวางกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของ Gen Z ได้ก่อน ก็จะมีโอกาสมัดใจและดึงกำลังซื้อจากกลุ่มนี้ไป 

ดังนั้นคำถามสำคัญไม่ใช่แค่ ‘จะขายอะไรให้ Gen Z?’ แต่เป็น ‘จะขายยังไงให้มัดใจ Gen Z ได้อยู่หมัด?’ ในวันที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าจากแค่ ‘ราคา’ อีกต่อไป

ล่าสุด Kantar (คันทาร์) บริษัทวิจัยชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก เผยผลวิจัยฉบับใหม่ ในหัวข้อ “From Watching to Buying: Why Gen Z Are Embracing Content-Driven Shopping” ที่เจาะลึกเทรนด์การซื้อสินค้าออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภค Gen Z พบว่า 
คอนเทนต์แบบ ‘Multi-Format’ มาตรฐานใหม่ มัดใจ Gen Z

จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เน้นความไว ส่งผลให้ Gen Z มองหารูปแบบคอนเทนต์ที่เข้าถึงได้ง่าย และ สามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนและครีเอเตอร์ กลายเป็นรูปแบบความบันเทิงหลักที่ชาว Gen Z มองหา จึงเป็นผลให้คอนเทนต์วิดีโอสั้นแนวตั้ง ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยสัดส่วน 71% ที่เน้นนำเสนอคอนเทนต์ที่สั้น กระชับ และเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์พฤติกรรมแบบเสพคอนเทนต์แบบ Mobile First ที่เน้น ‘ดูไว เข้าใจง่าย’ 

97% ของผู้บริโภค Gen Z ระบุว่า ครีเอเตอร์ที่น่าเชื่อถือมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยให้ความสำคัญกับรีวิวที่เชื่อถือได้โดยพิจารณาจากการรีวิวสินค้าจากความเชี่ยวชาญในฐานะผู้ใช้งานจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับ YouTube อย่างเห็นได้ชัด นักการตลาดควรพิจารณาให้ดีว่า ควรให้ใครพูดแทนแบรนด์ถึงจะทำให้รีวิวนั้นน่าเชื่อถือมากพอ และคำถามถัดไปคือจะขายอะไรให้ผู้บริโภค Gen Z?
 
This Is Me: ช้อปปิ้งสะท้อนอัตลักษณ์ เพราะนี่คือ ‘ฉัน’
ประเภทสินค้าที่ผู้บริโภค Gen Z ทั่วไปให้ความสนใจ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง (36%) อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่นผู้หญิง ความงาม และเครื่องประดับแฟชั่น แต่เมื่อเจาะไปที่ผู้บริโภคหญิง Gen Z มีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่หลากหลายมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริโภคชาย Gen Z นั่นหมายถึง ผู้หญิง นิยมซื้อสินค้าประเภทแฟชั่นผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง ความงาม และเครื่องประดับแฟชั่น แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคหญิง Gen Z ให้ความสำคัญกับสินค้าที่แสดงออกถึงตัวตนอย่างชัดเจน

นักการตลาดอาจต้องทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อมองให้ลึกถึงการพัฒนาสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ตัวตนและส่งเสริมภาพลักษณ์ในแบบที่ผู้หญิง Gen Z ให้ความสนใจ ในขณะที่ผู้ชายนิยมซื้อสินค้าประเภทแฟชั่นผู้ชาย และอุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก

เมื่อรู้ว่าสินค้าหมวดหมู่ใดที่ผู้บริโภค Gen Z สนใจแล้ว นักการตลาดจะนำเสนอสินค้าเข้าไปอยู่ในสายตาของพวกเขาได้อย่างไร ให้สอดคล้องไปกับพฤติกรรม ‘เสิร์ชก่อนซื้อ’?

จากผลการวิจัยพบว่าเมื่อผู้บริโภค Gen Z ได้ตระหนักถึงปัจจัยดังกล่าวแล้วนั้น ก็มองหาช่องทางที่ตอบโจทย์ที่สุดในการเลือกซื้อสินค้า โดยรายงานระบุว่า Shopee เป็นแพลตฟอร์มอันดับแรกที่ Gen Z ใช้ทั้งในการค้นหาไอเดียและตัดสินใจซื้อสินค้า รองลงมาคือ TikTok Shop และ Lazada
 
‘ส่งฟรี’ ครองแชมป์ทุกสมัย: เพราะราคา ‘ถูก’ ไม่ใช่ปัจจัย 
แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่ตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ผู้บริโภค Gen Z ตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ กลับไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘ราคา’ เท่านั้น แต่คือความรู้สึก ‘คุ้มค่า’ ที่สามารถจับต้องได้จริง

3 ปัจจัยกระตุ้นสูงสุดที่เป็นแรงสนับสนุนพฤติกรรมการจับจ่ายบนโลกออนไลน์ของผู้บริโภค Gen Z นั่นคือ การส่งฟรี (40%) โปรโมชั่นที่น่าสนใจ (29%) และส่วนลดที่คุ้มค่า (28%) พฤติกรรมนี้อาจจะกำลังบอกนักการตลาดว่า การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งผู้เล่นที่  ‘ราคาถูกที่สุด’ อาจไม่ใช่วิธีที่เวิร์คเสมอไป แต่ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าในแง่ของประสบการณ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับเป็นสำคัญ

เมื่อพูดถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าบนช่องทางออนไลน์ พบว่า ผู้บริโภค Gen Z มีการใช้จ่ายผ่านทั้งโซเชียลคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ สะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

ด้านความนิยมของแพลตฟอร์มสำหรับการจับจ่ายใช้สอย พบว่า Shopee ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ครองใจผู้บริโภค Gen Z มากกว่าครึ่ง (52%) โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญด้าน UX/UI ที่ใช้งานง่าย โปรโมชั่นและส่วนลดที่น่าดึงดูดใจ รวมไปถึงประสบการณ์ด้านขนส่งที่น่าเชื่อถือ  จึงกลายเป็น Go-To แพลตฟอร์มเมื่อคิดจะซื้อสินค้าออนไลน์ อันดับถัดมาคือ Lazada (22%) TikTok (16%) และ Facebook (8%)

กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ถือว่าเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม หากคิดจะขายสินค้าให้กับผู้บริโภคกลุ่มนี้ นักการตลาดจะคิดแค่เรื่องการพัฒนา ‘สินค้าที่ดีที่สุด’ และ ‘ราคาที่ถูกที่สุด’ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป

แบรนด์และนักการตลาดจำเป็นต้องเข้าใจถึงภาพรวมของพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค Gen Z และคำนึงถึงการส่งมอบ ‘ความคุ้มค่า’ พร้อม ‘ประสบการณ์ที่ดีที่สุด’ ควบคู่ไปกับการนำเสนอ ‘คอนเทนต์ที่ถูกใจ’ และ ‘วางสินค้าให้ถูกจุด’ 


Taobao แพลตฟอร์มช้อปปิ้งจากจีนในเครือ Alibaba เปิดเวอร์ชันภาษาไทย บุกตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเต็มตัว สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยอมรอสินค้านาน แลกกับราคาคุ้มค่า

Taobao (เถาเป่า) แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์รายใหญ่ภายใต้เครือ Alibaba เดินหน้ารุกตลาดไทยอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์เวอร์ชันภาษาไทยอย่างเป็นทางการ ตอบรับกระแสผู้ใช้งานชาวไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับ Taobao เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 โดยมีความหมายว่า “การค้นหาสมบัติ” และมีเป้าหมายในการเป็น “Taobao สำหรับทุกคน” โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) และผู้ใช้งานทั่วไปในจีน ทำให้สินค้าแบรนด์ต่างประเทศระดับนานาชาติไม่ค่อยพบในแพลตฟอร์มนี้ นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงของใช้ประจำวัน กว่า 10 ล้านรายการ ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าราคาถูกได้โดยตรงจากผู้ผลิตหรือร้านค้าโดยไม่ผ่านคนกลาง
 

ปัจจุบัน Taobao ถือเป็นแพลตฟอร์ม Mobile Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในจีน และ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา Taobao เริ่มให้บริการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวในเขตเมืองเซี่ยงไฮ้ และขยายบริการไปยังเมืองอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง และไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มสำหรับซื้อของเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมเทรนด์และคอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคติดตามสิ่งน่าสนใจได้อย่างไม่ตกเทรนด์
 
ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2024 Taobao และ Tmall ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในเครือ Alibaba ร่วมกันครองตำแหน่งธุรกิจค้าปลีกดิจิทัลที่มีมูลค่าสินค้ารวม (GMV) สูงที่สุดในโลก อ้างอิงจากรายงานของ Analysys 
 

และเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานจากทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Taobao ได้เปิดตัวระบบรองรับภาษามากมาย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง เพื่อยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้เข้าถึงง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานจากหลากหลายประเทศมากยิ่งขึ้น
 

การเปิดตัว Taobao เวอร์ชันภาษาไทยในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Taobao ที่มีต่อผู้ใช้งานในประเทศไทย โดยขณะนี้นักช้อปชาวไทยสามารถเลือกใช้งานแพลตฟอร์มได้ถึงสามภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ช่วยให้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายยิ่งกว่าที่เคย
 

พงษ์ฐกร อ่อนหวาน Head of Taobao Thailand กล่าวว่า ถือเป็นก้าวสำคัญในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานชาวไทยที่มีการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องและเหนียวแน่น ซึ่งให้ความสำคัญกับเสียงจากผู้ใช้งานมาโดยตลอด และการเปิดตัวในครั้งนี้ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาในอีกหลายด้านที่จะตามมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้สะดวก และตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศไทยอย่างแท้จริง 
 
 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามารุกตลาดในประเทศไทย Taobao ได้ใช้กลยุทธ์ การจัดส่งฟรี เมื่อมียอดสั่งซื้อขั้นต่ำเพียง 99หยวน (ประมาณ 450 บาท) พร้อมอัดโปรโมชันแฟลชเซลล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ 1 หยวน สำหรับผู้ใช้งานใหม่ (ประมาณ 5 บาท) รวมถึงดีลเด็ดในราคาพิเศษต่าง ๆ  
 

อีกทั้งยังมีระบบรองรับการชำระเงินเป็นเงินบาทในทุกเวอร์ชันภาษา ไม่ว่าจะเป็นจีน อังกฤษ หรือไทย ตัวเลือกการชำระเงินไม่ว่าจะเป็น Visa, MasterCard, TrueMoney, LINE Pay, Google Pay หรือ Apple Pay 
 

อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทยต่อเนื่อง 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันนอกจาก Lazada (ในเครือ Alibaba) และ Shopee (ในเครือ Sea Group) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักในตลาดไทยแล้ว ยังมีผู้เล่นจากรายอื่นที่เริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเพิ่มขึ้น
 

หนึ่งในนั้นคือ AliExpress แพลตฟอร์ม cross-border e-commerce จาก Alibaba Group ซึ่งเน้นเจาะตลาดผู้บริโภคที่มองหาสินค้าราคาถูก โดยมีจุดเด่นด้านการสั่งซื้อโดยตรงจากจีน มีระบบแปลภาษาไทย และรองรับการชำระเงินหลายช่องทาง แม้จะใช้เวลาจัดส่งนาน แต่ราคาก็ถือว่าคุ้มค่า
 

อีกหนึ่งหน้าใหม่มาแรงคือ Temu จาก PDD Holdings (บริษัทแม่ของ Pinduoduo) ที่เข้ามาในไทยพร้อมจุดขายด้านราคาประหยัด โปรโมชั่นจัดหนัก และบริการส่งฟรี Temu เปิดให้บริการในไทยเต็มรูปแบบ รองรับภาษาไทย มีแอปและเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย พร้อมช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย
 

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ยอมรอสินค้านาน เพราะราคาดี
 

 


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่