1.
จ่ายให้สิ่งทวีค่าในอนาคต เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทอง หุ้น ของสะสม เช่น เหรียญหายาก
2.
จ่ายให้สิ่งที่เอาไปสร้างเงินต่อได้ (เครื่องมือผลิตเงิน) เช่น ความรู้ ตู้หยอดเหรียญขายน้ำดื่ม
โทรศัพท์มือถือ/คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์การทำงาน พัฒนาที่ดิน/ที่พักให้พร้อมสำหรับการปล่อยเช่า
3.
จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น จ่ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกน้องในทีม พวกเขาจะทำงานเต็มที่
บางคนเขาไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยเงิน แต่เป็นน้ำใจด้านอื่นก็ได้
ที่สำคัญ เมื่อคุณมี คุณจ่าย ในวันที่คุณไม่มี เขาจะยื่นมือมาช่วยเหลือ
เพราะในเวลานั้น เขากลับเป็นฝ่ายที่มีและดูแลคุณได้
การสร้างความทรงจำในน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือในยามผู้อื่นตกต่ำ
เปรียบเสมือนการฝากเงินของเราไว้กับเขา
ไม่ควรจ่ายบนความคาดหวังที่จะได้ แต่ควรทำเพราะความสุขใจ
หากผู้รับ เป็นผู้มีจิตใจงาม การช่วยเหลือเจือจุน ความสำนึกในบุญคุณ
เป็นกฏที่ทำนายได้จากความสัมพันธ์อันดีระหว่างมนุษย์
4.
จ่ายเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ตัวตนและองค์กร เป็นก้าวแรกของการเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่น
เช่น แต่งกายให้สะอาดชวนมอง แต่งห้องทำงานให้น่าเข้าพบ ทำป้ายร้านให้โดดเด่นสวยงาม
ท่องเที่ยวดูงาน เพื่อให้โลกทัศน์กว้าง มีบทสนทนาที่น่าสนใจ
พริ้นงานให้หมึกชัดเจน เปิดเว็ปไซต์ บ่งบอกความเป็นมืออาชีพ เป็นต้น
5.
จ่ายเพื่อลดเวลาทำงาน บางคนไม่ยอมจ้าง ทำเองหมด เป็นผลให้งานเสร็จช้า ได้เงินช้า
ต่างจากคนที่จ้างคนอื่นทำ ได้เงินเร็ว แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนหรือขยายกิจการได้เร็ว
โดยเฉพาะ จ้างผู้เชี่ยวชาญหรือคนที่เก่งกว่าเราในแต่ละด้าน เช่น นักโฆษณา นักบัญชี
โดยที่เราไม่ต้องเครียดกับสิ่งที่ไม่ถนัด มีเวลาไปคุมกระบวนการธุรกิจโดยรวม
6.
จ่ายให้สิ่งที่ยกระดับราคาได้ การประดับตกแต่งโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ เลือกวัสดุที่ราคาไม่สูง
แต่ด้วยฝีมือ เกิดราคาใหม่ได้ ในระหว่างกระบวนการ คุณได้เสพความสุขจากการทำงาน
เช่น ซื้อต้นไม้ 1 ต้น ราคา 30 บาท นำมาจัดลงกระถางที่สวยงาม ขายในราคา 300 บาท
นอกจากนี้ การเพิ่มบริการเล็กๆน้อยๆ ก็อาจเพิ่มราคาได้หลายเปอร์เซ็นต์
เช่น รีสอร์ท ที่มีบริการไปรับนักท่องเที่ยวถึงสนามบิน
7.
จ่ายให้สุขภาพ ซื้ออาหารที่ดี จ่ายให้กับการพักผ่อน ออกกำลังกาย
ดูแลสมอง-จิตใจ เพื่อให้ทำงาน ได้อย่างมีคุณภาพ
หากคุณไม่ลงทุนกับสุขภาพ คุณอาจต้องจ่ายเงินมากกว่าอีกหลายเท่า
เพื่อการรักษาโรค เช่น ค่าผ่าตัด ในหลักแสน
"ยิ่งจ่าย ยิ่งรวย" เผย 7 วิธีใช้เงินอย่างฉลาด
2. จ่ายให้สิ่งที่เอาไปสร้างเงินต่อได้ (เครื่องมือผลิตเงิน) เช่น ความรู้ ตู้หยอดเหรียญขายน้ำดื่ม
โทรศัพท์มือถือ/คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์การทำงาน พัฒนาที่ดิน/ที่พักให้พร้อมสำหรับการปล่อยเช่า
3. จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น จ่ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกน้องในทีม พวกเขาจะทำงานเต็มที่
บางคนเขาไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยเงิน แต่เป็นน้ำใจด้านอื่นก็ได้
ที่สำคัญ เมื่อคุณมี คุณจ่าย ในวันที่คุณไม่มี เขาจะยื่นมือมาช่วยเหลือ
เพราะในเวลานั้น เขากลับเป็นฝ่ายที่มีและดูแลคุณได้
การสร้างความทรงจำในน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือในยามผู้อื่นตกต่ำ
เปรียบเสมือนการฝากเงินของเราไว้กับเขา
ไม่ควรจ่ายบนความคาดหวังที่จะได้ แต่ควรทำเพราะความสุขใจ
หากผู้รับ เป็นผู้มีจิตใจงาม การช่วยเหลือเจือจุน ความสำนึกในบุญคุณ
เป็นกฏที่ทำนายได้จากความสัมพันธ์อันดีระหว่างมนุษย์
4. จ่ายเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ตัวตนและองค์กร เป็นก้าวแรกของการเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่น
เช่น แต่งกายให้สะอาดชวนมอง แต่งห้องทำงานให้น่าเข้าพบ ทำป้ายร้านให้โดดเด่นสวยงาม
ท่องเที่ยวดูงาน เพื่อให้โลกทัศน์กว้าง มีบทสนทนาที่น่าสนใจ
พริ้นงานให้หมึกชัดเจน เปิดเว็ปไซต์ บ่งบอกความเป็นมืออาชีพ เป็นต้น
5. จ่ายเพื่อลดเวลาทำงาน บางคนไม่ยอมจ้าง ทำเองหมด เป็นผลให้งานเสร็จช้า ได้เงินช้า
ต่างจากคนที่จ้างคนอื่นทำ ได้เงินเร็ว แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนหรือขยายกิจการได้เร็ว
โดยเฉพาะ จ้างผู้เชี่ยวชาญหรือคนที่เก่งกว่าเราในแต่ละด้าน เช่น นักโฆษณา นักบัญชี
โดยที่เราไม่ต้องเครียดกับสิ่งที่ไม่ถนัด มีเวลาไปคุมกระบวนการธุรกิจโดยรวม
6. จ่ายให้สิ่งที่ยกระดับราคาได้ การประดับตกแต่งโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ เลือกวัสดุที่ราคาไม่สูง
แต่ด้วยฝีมือ เกิดราคาใหม่ได้ ในระหว่างกระบวนการ คุณได้เสพความสุขจากการทำงาน
เช่น ซื้อต้นไม้ 1 ต้น ราคา 30 บาท นำมาจัดลงกระถางที่สวยงาม ขายในราคา 300 บาท
นอกจากนี้ การเพิ่มบริการเล็กๆน้อยๆ ก็อาจเพิ่มราคาได้หลายเปอร์เซ็นต์
เช่น รีสอร์ท ที่มีบริการไปรับนักท่องเที่ยวถึงสนามบิน
7. จ่ายให้สุขภาพ ซื้ออาหารที่ดี จ่ายให้กับการพักผ่อน ออกกำลังกาย
ดูแลสมอง-จิตใจ เพื่อให้ทำงาน ได้อย่างมีคุณภาพ
หากคุณไม่ลงทุนกับสุขภาพ คุณอาจต้องจ่ายเงินมากกว่าอีกหลายเท่า
เพื่อการรักษาโรค เช่น ค่าผ่าตัด ในหลักแสน