เอาเป็นต้นแบบการลงทุนได้เลย
ขอแค่มีรายได้ 1 ปี เท่ากับรายได้ครึ่งวันของเขาก็พอใจแล้ว
ดูจากกลุ่มที่เขาเลือกลงทุนแล้ว ชอบแนวเดียวกับเราซะด้วย
- การเงิน
- พลังงาน
- สุขภาพ
- สื่อสาร
https://www.facebook.com/share/p/1Z4Rf6nC54/
เคยลองคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า ถ้าเรามีเงินปันผลใช้วันละ 5,000,000 บาท ไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ชีวิตเราจะมีความสุขแค่ไหน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับคุณ Luiz Barsi นักลงทุนวัย 84 ปี ของบราซิล ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น Warren Buffett แห่งประเทศบราซิล
เจ้าของความมั่งคั่งกว่า 23,000 ล้านบาท พร้อมกับมีรายได้จากเงินปันผลปีละ 2,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วเขาก็จะมีเงินปันผลเข้ากระเป๋าวันละ 5,700,000 บาท
ที่น่าสนใจก็คือ จุดเริ่มต้นของคุณ Luiz ไม่ใช่เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก ในวัยเด็กเขาต้องช่วยครอบครัวหาเงินด้วยการเป็นเด็กขัดรองเท้า
แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเอง
จนในวันนี้เขากลายเป็นนักลงทุนรายย่อยที่รวยที่สุดของบราซิล ผู้เป็นเจ้าของความมั่งคั่งกว่า 23,000 ล้านบาท
แล้วคุณ Luiz มีกลยุทธ์ในการลงทุนอย่างไร ถึงสามารถสร้างความมั่งคั่งได้มากขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จริง ๆ แล้วคุณ Luiz ไม่ได้สืบสายเลือดเป็นคนบราซิลแท้ ๆ เพราะพ่อของเขาอพยพมาจากอิตาลี ส่วนแม่ของเขาก็มาจากสเปน
ทั้งคู่ย้ายมาลงหลักปักฐานที่ประเทศบราซิล โดยหวังว่าจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกันที่นี่
แต่โชคร้ายที่พ่อของคุณ Luiz ด่วนจากไปก่อนอย่างกะทันหันตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็กอายุ 1 ขวบ ทำให้แม่ของเขาต้องกลายเป็นเสาหลักของบ้านอย่างไม่ทันตั้งตัว
บ้านที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในวัยเด็ก คือแหล่งที่อยู่อาศัยของคนหาเช้ากินค่ำ ที่อยู่กันอย่างแออัด ในเมืองเซาเปาโล ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในบราซิล
ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เขาต้องทำงานหลายอย่าง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของแม่ ตั้งแต่เป็นเด็กขัดรองเท้า ไปจนถึงการขายลูกกวาดตามโรงหนัง
ชีวิตที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบตั้งแต่วัยเด็ก หล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่กินอยู่อย่างประหยัด มีวินัย และเห็นคุณค่าของโอกาสทางการศึกษา
เพราะถึงแม้จะยากจน แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งการเรียน จนสามารถคว้าปริญญาตรี 2 ใบมาได้สำเร็จ คือปริญญาทางด้านกฎหมาย และปริญญาทางด้านเศรษฐศาสตร์
พื้นฐานความรู้จาก 2 สายวิชานี้เอง ที่เป็นพื้นฐานความรู้ให้เขาต่อยอดไปใช้ในการลงทุน ทั้งการอ่านงบการเงิน การทำความเข้าใจเศรษฐกิจ และการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรียนจบ คุณ Luiz ก็ยังไม่ได้เข้าสู่แวดวงการลงทุนทันที เขาเริ่มต้นทำงานในสายงานผู้ตรวจสอบบัญชี
พอเขาแต่งงานกับภรรยาคนแรกของเขา ก็มีลูกด้วยกันถึง 4 คน ก่อนที่ต่อมาจะหย่าร้างกันไป และเริ่มต้นชีวิตรักครั้งใหม่กับภรรยาคนที่ 2
จนมีลูกคนใหม่กับภรรยาคนที่ 2 การที่ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 5 คน ทำให้เขาเริ่มวางแผนในการหารายได้เสริม โดยที่เขายังต้องมีเวลาทำงานประจำอยู่
การลงทุนในหุ้นปันผล จึงตอบโจทย์ชีวิตในตอนนั้นของเขามากที่สุด
กลยุทธ์การลงทุนของเขาก็ง่ายมาก เขาจะซื้อหุ้นตัวเดิมทุกเดือน เดือนละ 1,000 หุ้น เพื่อที่เวลาผ่านไป เขาก็จะได้รับเงินปันผลมากพอที่จะซื้อหุ้นตัวนี้เดือนละ 1,000 หุ้น โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องควักเงินตัวเองออกมาซื้อสักบาท
พอสะสมหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง จนมีเงินปันผลมากพอที่จะซื้อหุ้นทุกเดือน เดือนละ 1,000 หุ้นแล้ว เขาก็จะนำเงินส่วนตัวไปซื้อหุ้นปันผลตัวใหม่
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วคือ การมองหาหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง บางบริษัทที่เขาลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 10%
อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้อัตราเงินปันผลที่สูง คือ การถือหุ้นในระยะยาว เงินปันผลต่อหุ้นที่เขาได้รับ จึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตามผลประกอบการของธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เขาถือหุ้นจำนวนเท่าเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะได้รับเงินปันผลมากขึ้น จากการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นเพิ่มขึ้นนั่นเอง
แล้วพอได้เงินปันผลต่อหุ้นเพิ่ม เขาก็นำเงินปันผลไปซื้อหุ้นเพิ่มอีก เป็นวงจรแห่งความรุ่งเรืองแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ
ส่วนเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นของเขา ก็คล้ายกับการเลือกหุ้นของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าหลายท่าน คือ การเลือกหุ้นที่มีมูลค่าไม่แพงจนเกินไป จ่ายปันผลสูง รายได้สามารถคาดการณ์ได้ง่าย
โดยเขาจะเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถล้มหายตายจากไปได้ง่าย ๆ เรียกว่า BEST Method ประกอบไปด้วย
B - Banks คือ อุตสาหกรรมการเงิน
E - Energy คือ อุตสาหกรรมพลังงาน
S - Sanitation คือ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสุขอนามัย
T - Telecom คือ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม
นอกจากนี้คุณ Luiz ยังเผยเคล็ดลับความสำเร็จจากอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเอาไว้ว่า การมีวินัย และความละเอียดรอบคอบ ทำให้เขาทำเรื่องผิดพลาดไม่มาก ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของเขา
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเน้นลงทุนในหุ้นปันผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลตอบแทนส่วนใหญ่ที่เขาได้ จะมาจากเงินปันผลเสมอไป เพราะเขาเองก็ได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นหลายสิบเท่าเหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น การเข้าซื้อหุ้นของธนาคาร Banco Santander ที่เขาสามารถหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นได้ในราคาเพียง 0.5 เรียลบราซิล (ประมาณ 2.9 บาท) แต่ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 15.5 เรียลบราซิล (ประมาณ 90 บาท) คิดเป็นผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาถึง 30 เท่า
ปัจจุบันคุณ Luiz ลงทุนในตลาดหุ้นมา 50 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังตื่นเช้ามาทำงานที่เขารักเหมือนเดิม แม้ในวันนี้เขาจะอายุ 84 ปี
ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะเลือกซื้อเกาะส่วนตัว และใช้เงินในช่วงบั้นปลายชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยเต็มที่ เพื่อชดเชยกับความยากลำบากในวัยเด็กที่ตัวเองต้องเผชิญ
แต่สำหรับคุณ Luiz เขากลับเลือกที่จะใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่งตัวธรรมดา ทำในสิ่งที่ตัวเองรักต่อไป ไม่ต่างอะไรกับวิถีชีวิตของคุณ Warren Buffett
หรือบางที คุณ Luiz อาจจะได้ค้นพบคำตอบแล้วว่า ความมั่งคั่งที่แท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมีครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้นเอง..
รู้จัก Warren Buffett แห่งบราซิล ผู้มีเงินปันผลไหลเข้าบัญชีวันละ 5,000,000 บาท
ขอแค่มีรายได้ 1 ปี เท่ากับรายได้ครึ่งวันของเขาก็พอใจแล้ว
ดูจากกลุ่มที่เขาเลือกลงทุนแล้ว ชอบแนวเดียวกับเราซะด้วย
- การเงิน
- พลังงาน
- สุขภาพ
- สื่อสาร
https://www.facebook.com/share/p/1Z4Rf6nC54/
เคยลองคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า ถ้าเรามีเงินปันผลใช้วันละ 5,000,000 บาท ไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ชีวิตเราจะมีความสุขแค่ไหน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับคุณ Luiz Barsi นักลงทุนวัย 84 ปี ของบราซิล ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น Warren Buffett แห่งประเทศบราซิล
เจ้าของความมั่งคั่งกว่า 23,000 ล้านบาท พร้อมกับมีรายได้จากเงินปันผลปีละ 2,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วเขาก็จะมีเงินปันผลเข้ากระเป๋าวันละ 5,700,000 บาท
ที่น่าสนใจก็คือ จุดเริ่มต้นของคุณ Luiz ไม่ใช่เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก ในวัยเด็กเขาต้องช่วยครอบครัวหาเงินด้วยการเป็นเด็กขัดรองเท้า
แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเอง
จนในวันนี้เขากลายเป็นนักลงทุนรายย่อยที่รวยที่สุดของบราซิล ผู้เป็นเจ้าของความมั่งคั่งกว่า 23,000 ล้านบาท
แล้วคุณ Luiz มีกลยุทธ์ในการลงทุนอย่างไร ถึงสามารถสร้างความมั่งคั่งได้มากขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จริง ๆ แล้วคุณ Luiz ไม่ได้สืบสายเลือดเป็นคนบราซิลแท้ ๆ เพราะพ่อของเขาอพยพมาจากอิตาลี ส่วนแม่ของเขาก็มาจากสเปน
ทั้งคู่ย้ายมาลงหลักปักฐานที่ประเทศบราซิล โดยหวังว่าจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกันที่นี่
แต่โชคร้ายที่พ่อของคุณ Luiz ด่วนจากไปก่อนอย่างกะทันหันตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็กอายุ 1 ขวบ ทำให้แม่ของเขาต้องกลายเป็นเสาหลักของบ้านอย่างไม่ทันตั้งตัว
บ้านที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในวัยเด็ก คือแหล่งที่อยู่อาศัยของคนหาเช้ากินค่ำ ที่อยู่กันอย่างแออัด ในเมืองเซาเปาโล ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในบราซิล
ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เขาต้องทำงานหลายอย่าง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของแม่ ตั้งแต่เป็นเด็กขัดรองเท้า ไปจนถึงการขายลูกกวาดตามโรงหนัง
ชีวิตที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบตั้งแต่วัยเด็ก หล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่กินอยู่อย่างประหยัด มีวินัย และเห็นคุณค่าของโอกาสทางการศึกษา
เพราะถึงแม้จะยากจน แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งการเรียน จนสามารถคว้าปริญญาตรี 2 ใบมาได้สำเร็จ คือปริญญาทางด้านกฎหมาย และปริญญาทางด้านเศรษฐศาสตร์
พื้นฐานความรู้จาก 2 สายวิชานี้เอง ที่เป็นพื้นฐานความรู้ให้เขาต่อยอดไปใช้ในการลงทุน ทั้งการอ่านงบการเงิน การทำความเข้าใจเศรษฐกิจ และการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรียนจบ คุณ Luiz ก็ยังไม่ได้เข้าสู่แวดวงการลงทุนทันที เขาเริ่มต้นทำงานในสายงานผู้ตรวจสอบบัญชี
พอเขาแต่งงานกับภรรยาคนแรกของเขา ก็มีลูกด้วยกันถึง 4 คน ก่อนที่ต่อมาจะหย่าร้างกันไป และเริ่มต้นชีวิตรักครั้งใหม่กับภรรยาคนที่ 2
จนมีลูกคนใหม่กับภรรยาคนที่ 2 การที่ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 5 คน ทำให้เขาเริ่มวางแผนในการหารายได้เสริม โดยที่เขายังต้องมีเวลาทำงานประจำอยู่
การลงทุนในหุ้นปันผล จึงตอบโจทย์ชีวิตในตอนนั้นของเขามากที่สุด
กลยุทธ์การลงทุนของเขาก็ง่ายมาก เขาจะซื้อหุ้นตัวเดิมทุกเดือน เดือนละ 1,000 หุ้น เพื่อที่เวลาผ่านไป เขาก็จะได้รับเงินปันผลมากพอที่จะซื้อหุ้นตัวนี้เดือนละ 1,000 หุ้น โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องควักเงินตัวเองออกมาซื้อสักบาท
พอสะสมหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง จนมีเงินปันผลมากพอที่จะซื้อหุ้นทุกเดือน เดือนละ 1,000 หุ้นแล้ว เขาก็จะนำเงินส่วนตัวไปซื้อหุ้นปันผลตัวใหม่
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วคือ การมองหาหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง บางบริษัทที่เขาลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 10%
อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้อัตราเงินปันผลที่สูง คือ การถือหุ้นในระยะยาว เงินปันผลต่อหุ้นที่เขาได้รับ จึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตามผลประกอบการของธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เขาถือหุ้นจำนวนเท่าเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะได้รับเงินปันผลมากขึ้น จากการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นเพิ่มขึ้นนั่นเอง
แล้วพอได้เงินปันผลต่อหุ้นเพิ่ม เขาก็นำเงินปันผลไปซื้อหุ้นเพิ่มอีก เป็นวงจรแห่งความรุ่งเรืองแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ
ส่วนเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นของเขา ก็คล้ายกับการเลือกหุ้นของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าหลายท่าน คือ การเลือกหุ้นที่มีมูลค่าไม่แพงจนเกินไป จ่ายปันผลสูง รายได้สามารถคาดการณ์ได้ง่าย
โดยเขาจะเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถล้มหายตายจากไปได้ง่าย ๆ เรียกว่า BEST Method ประกอบไปด้วย
B - Banks คือ อุตสาหกรรมการเงิน
E - Energy คือ อุตสาหกรรมพลังงาน
S - Sanitation คือ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสุขอนามัย
T - Telecom คือ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม
นอกจากนี้คุณ Luiz ยังเผยเคล็ดลับความสำเร็จจากอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเอาไว้ว่า การมีวินัย และความละเอียดรอบคอบ ทำให้เขาทำเรื่องผิดพลาดไม่มาก ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของเขา
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเน้นลงทุนในหุ้นปันผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลตอบแทนส่วนใหญ่ที่เขาได้ จะมาจากเงินปันผลเสมอไป เพราะเขาเองก็ได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นหลายสิบเท่าเหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น การเข้าซื้อหุ้นของธนาคาร Banco Santander ที่เขาสามารถหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นได้ในราคาเพียง 0.5 เรียลบราซิล (ประมาณ 2.9 บาท) แต่ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 15.5 เรียลบราซิล (ประมาณ 90 บาท) คิดเป็นผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาถึง 30 เท่า
ปัจจุบันคุณ Luiz ลงทุนในตลาดหุ้นมา 50 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังตื่นเช้ามาทำงานที่เขารักเหมือนเดิม แม้ในวันนี้เขาจะอายุ 84 ปี
ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะเลือกซื้อเกาะส่วนตัว และใช้เงินในช่วงบั้นปลายชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยเต็มที่ เพื่อชดเชยกับความยากลำบากในวัยเด็กที่ตัวเองต้องเผชิญ
แต่สำหรับคุณ Luiz เขากลับเลือกที่จะใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่งตัวธรรมดา ทำในสิ่งที่ตัวเองรักต่อไป ไม่ต่างอะไรกับวิถีชีวิตของคุณ Warren Buffett
หรือบางที คุณ Luiz อาจจะได้ค้นพบคำตอบแล้วว่า ความมั่งคั่งที่แท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมีครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้นเอง..