เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ อาจเป็นทั้งปรึกษา เล่าสู่กันฟัง และเป็นกรณีศึกษาของคู่รักที่เพิ่งจะเริ่มคบหาดูใจกันครับ เรื่องมีอยู่ว่า…
ผมกับแฟนเราคบกันมาตั้งแต่ปี 2009 ช่วง ม.ปลาย สิริรวมจนถึงปัจจุบันก็ร่วม 15 ปี ระหว่างที่คบกัน เราจะเจอกันตามสถานศึกษา ห้าง และสถานที่ท่องเที่ยว มีมากินมาเที่ยวที่บ้านผมบ้าง บ้านเขาบ้าง 2-3 ชม. ตามความเหมาะสม (ต้องบอกก่อนว่าผมกับครอบครัวอาศัยบ้านป้าอยู่) ส่วนแฟนอยู่กับน้า พ่อแม่แยกทางกัน
เวลาผ่านไปเราตกลงซื้อบ้านร่วมกัน แต่ระหว่างนั้นผมมีบอกไปเบื้องต้นว่าผมทิ้งพ่อแม่ไม่ได้ เขาต้องการอยู่ด้วยนะ ในช่วงนั้นแววตาสีหน้าท่าทางของแฟนเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร
พอถึงเวลาที่เหมาะสมเราแต่งงานจดทะเบียนสมรส และย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ปัญหาแฟนกะบครอบครัวผมเริ่มมาทีละนิด สะสมทีละหน่อย เรื่องเล็กเรื่องหยุมหยิม ต้องเกริ่นว่า งานบ้านงานเรือนกับข้าวกับปลาแม่ผมทำทั้งหมดแถมออกเงินให้ ส่วนพ่อเปรียบเหมือนเป็นช่างประจำบ้าน แม่บางครั้งเก็บเสื้อผ้าให้แฟน ทำกับข้าวให้กิน ปลอกมะม่วงให้ ล้างจานให้บางครั้ง ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ชอบลูกสะไภ้เลย แต่ด้วยปัญหาจุกจิกเล็กๆน้อยๆ เช่น แม่คุยเสียงดัง แม่จัดของไม่เรียบร้อย นั่นนี่ ทำให้แฟนผมเริ่มบ่น “นี่ไงถึงอยากแยกบ้าน ไม่ส่วนตัว อึดอัด “ และคำพูดที่มันทำลายจิตใจ ผมขอใช้คำว่าทำลาย นะครับไม่ใช่ทำร้าย
เพราะทำร้ายบาดเจ็บมันยังหายได้ แต่นี่เป็นคำที่ทำลายใจผมจนพัง ประโยคที่เธอพูด ประมาณนี้
1. มันมีอย่างที่ไหนวะ ให้ลูกสะไภ้ออกค่าผ่อนบ้านแล้วมาอยู่
2. เขาไม่คิดหรือไงว่าลูกชายจะมาสร้างครอบครัว
3.ให้เวลาเทอคิดนะว่าต่อจากนี้นานแค่ไหนจะแยกบ้าน เพราะนี่เป็นปัญหาของเธอ เธอต้องจัดการ
(ทั้งสามข้อเขาพูดกับผมบนห้องส่วนตัวครับ) มันทำลายหัวใจผมอย่างมาก
ผมเข้าใจว่าถ้าไม่ส่วนตัว เรามาหาทางออกตรงกลางไม่ได้หรอ หว่านล้อมหาคำพูดที่มันไม่แรงแบบนี้
คนรักกัน ถ้าเป็นผม ผมจะถนอมหัวใจคนที่รักให้มากที่สุด ถนอมคำพูด แต่นี่ไม่มีเลย
ผมเจออะไรแบบนี้เฉลี่ย 2-3 เดือน ครั้ง นี่ก็เจอมา 3 ปีแล้ว จากเจ็บปวด มันชิน และชาไปแล้วครับ
ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ บางครั้งลุกขึ้นมากลางดึกเพราะนอนไม่หลับ นั่งมองหน้าแฟนที่นอนอยู่ทคำพูดเหล่านั้นมันลอยเต็มหัว นี่ความฝันหรือเรื่องจริง
อยากให้เป็นเพียงฝันร้าย แต่มันคือความจริง เหมือนผมมีนรกอยู่ในใจ
ตอนนี้ที่คิดคือ หาบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ แต่ไม่ไกลจากเรามาก แต่ก็ต้องกัดฟันยอมรับว่าภาระการผ่อนบ้านก็มีเพิ่มแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง
อนาคตถ้ามีเรื่องคำพูดแย่ๆจากแฟนอีก ผมก็ไม่รู้จพทนได้นานแค่ไหน หย่าร้างหรือไม่ ไม่อยากคิดอีกแล้วครับ
ในบทความนี้มันมีแง่คิด และข้อบงชี้มากมาย
1. เราสองคนไม่เคยลองใช้ชีวิตด้วยกันจริงจัง แบบอยู่กิน จากคำว่าแฟนเป็นภรรยา เลยปรับไม่ได้
2. แฟนเป็นเด็กที่โตมาจากความไม่อบอุ่น เธอเคยบอกไม่อินกับคำว่า พ่อแม่
3. ปัญหาการเงินมีส่วน พื้นฐานครอบครัวแต่ต้นมีส่วนสำคัญ
คำถามถ้าทุกเพื่อนๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้ จำทำยังไงครับ
1. ประณีประนอมให้มากที่สุด หาบ้านใหม่ และดูนถานการณ์
2.หย่า แยกทางสถานเดียว
3.ตามความคิดขอบเพื่อนๆ ครับ พิมพ์แสดงความคิดเห็นได้เลย
ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่าน สละเวลามาฟังปัญหาของผม 🙏🙏🙏
พอจะเริ่มสร้างครอบครัวที่อบอุ่น มันก็ไม่เป็นอย่างใจหวัง
ผมกับแฟนเราคบกันมาตั้งแต่ปี 2009 ช่วง ม.ปลาย สิริรวมจนถึงปัจจุบันก็ร่วม 15 ปี ระหว่างที่คบกัน เราจะเจอกันตามสถานศึกษา ห้าง และสถานที่ท่องเที่ยว มีมากินมาเที่ยวที่บ้านผมบ้าง บ้านเขาบ้าง 2-3 ชม. ตามความเหมาะสม (ต้องบอกก่อนว่าผมกับครอบครัวอาศัยบ้านป้าอยู่) ส่วนแฟนอยู่กับน้า พ่อแม่แยกทางกัน
เวลาผ่านไปเราตกลงซื้อบ้านร่วมกัน แต่ระหว่างนั้นผมมีบอกไปเบื้องต้นว่าผมทิ้งพ่อแม่ไม่ได้ เขาต้องการอยู่ด้วยนะ ในช่วงนั้นแววตาสีหน้าท่าทางของแฟนเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร
พอถึงเวลาที่เหมาะสมเราแต่งงานจดทะเบียนสมรส และย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ปัญหาแฟนกะบครอบครัวผมเริ่มมาทีละนิด สะสมทีละหน่อย เรื่องเล็กเรื่องหยุมหยิม ต้องเกริ่นว่า งานบ้านงานเรือนกับข้าวกับปลาแม่ผมทำทั้งหมดแถมออกเงินให้ ส่วนพ่อเปรียบเหมือนเป็นช่างประจำบ้าน แม่บางครั้งเก็บเสื้อผ้าให้แฟน ทำกับข้าวให้กิน ปลอกมะม่วงให้ ล้างจานให้บางครั้ง ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ชอบลูกสะไภ้เลย แต่ด้วยปัญหาจุกจิกเล็กๆน้อยๆ เช่น แม่คุยเสียงดัง แม่จัดของไม่เรียบร้อย นั่นนี่ ทำให้แฟนผมเริ่มบ่น “นี่ไงถึงอยากแยกบ้าน ไม่ส่วนตัว อึดอัด “ และคำพูดที่มันทำลายจิตใจ ผมขอใช้คำว่าทำลาย นะครับไม่ใช่ทำร้าย
เพราะทำร้ายบาดเจ็บมันยังหายได้ แต่นี่เป็นคำที่ทำลายใจผมจนพัง ประโยคที่เธอพูด ประมาณนี้
1. มันมีอย่างที่ไหนวะ ให้ลูกสะไภ้ออกค่าผ่อนบ้านแล้วมาอยู่
2. เขาไม่คิดหรือไงว่าลูกชายจะมาสร้างครอบครัว
3.ให้เวลาเทอคิดนะว่าต่อจากนี้นานแค่ไหนจะแยกบ้าน เพราะนี่เป็นปัญหาของเธอ เธอต้องจัดการ
(ทั้งสามข้อเขาพูดกับผมบนห้องส่วนตัวครับ) มันทำลายหัวใจผมอย่างมาก
ผมเข้าใจว่าถ้าไม่ส่วนตัว เรามาหาทางออกตรงกลางไม่ได้หรอ หว่านล้อมหาคำพูดที่มันไม่แรงแบบนี้
คนรักกัน ถ้าเป็นผม ผมจะถนอมหัวใจคนที่รักให้มากที่สุด ถนอมคำพูด แต่นี่ไม่มีเลย
ผมเจออะไรแบบนี้เฉลี่ย 2-3 เดือน ครั้ง นี่ก็เจอมา 3 ปีแล้ว จากเจ็บปวด มันชิน และชาไปแล้วครับ
ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ บางครั้งลุกขึ้นมากลางดึกเพราะนอนไม่หลับ นั่งมองหน้าแฟนที่นอนอยู่ทคำพูดเหล่านั้นมันลอยเต็มหัว นี่ความฝันหรือเรื่องจริง
อยากให้เป็นเพียงฝันร้าย แต่มันคือความจริง เหมือนผมมีนรกอยู่ในใจ
ตอนนี้ที่คิดคือ หาบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ แต่ไม่ไกลจากเรามาก แต่ก็ต้องกัดฟันยอมรับว่าภาระการผ่อนบ้านก็มีเพิ่มแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง
อนาคตถ้ามีเรื่องคำพูดแย่ๆจากแฟนอีก ผมก็ไม่รู้จพทนได้นานแค่ไหน หย่าร้างหรือไม่ ไม่อยากคิดอีกแล้วครับ
ในบทความนี้มันมีแง่คิด และข้อบงชี้มากมาย
1. เราสองคนไม่เคยลองใช้ชีวิตด้วยกันจริงจัง แบบอยู่กิน จากคำว่าแฟนเป็นภรรยา เลยปรับไม่ได้
2. แฟนเป็นเด็กที่โตมาจากความไม่อบอุ่น เธอเคยบอกไม่อินกับคำว่า พ่อแม่
3. ปัญหาการเงินมีส่วน พื้นฐานครอบครัวแต่ต้นมีส่วนสำคัญ
คำถามถ้าทุกเพื่อนๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้ จำทำยังไงครับ
1. ประณีประนอมให้มากที่สุด หาบ้านใหม่ และดูนถานการณ์
2.หย่า แยกทางสถานเดียว
3.ตามความคิดขอบเพื่อนๆ ครับ พิมพ์แสดงความคิดเห็นได้เลย
ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่าน สละเวลามาฟังปัญหาของผม 🙏🙏🙏