สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
คุณได้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและหมดเปลือกไหมคะ เกี่ยวกับความต้องการของคุณ ?
ดิฉันขอเห็นต่างจากท่านอื่นนะคะ ว่าสิ่งที่คุณต้องการมันไม่ได้เล็กเลย
เรื่องเล็กสำหรับคนนึง อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับอีกคนก็ได้ค่ะ
สามีดิฉันเอง ก็ไม่ใช่คนโรแมนติค หรือทำอะไรแบบนี้เลย เค้าเคยแต่งงานมาแล้วเหมือนกัน
จัดงานใหญ่โต
แต่งได้ไม่ถึงปี ภรรยาก็แพ็คของไปอยู่กับแฟนใหม่ที่ต่างประเทศ
เค้าเลยไม่อินกับการแต่งงาน
แต่ก็เข้าใจทางญาติผู้ใหญ่ฝั่งดิฉัน ส่วนตัวดิฉันเองก็ไม่ได้ต้องการงานใหญ่ ก็เลยลงตัวกันได้ที่งานแต่งงานที่กะทัดรัดมาก
มีเรื่องอื่น ๆ ที่คนอื่นอาจมองว่าเรื่องเล็ก แต่ดิฉันมองว่า เรื่องใหญ่ คือ ดิฉันแทบไม่เคยได้ของขวัญวันเกิด และสามีแทบจะจำวันเกิดไม่ได้เลย
ดิฉันไม่ได้ขอร้องให้เค้าเปลี่ยน แต่งงานมายี่สิบกว่าปี ไม่ค่อยจะได้ของขวัญวันเกิดอย่างไร ยังคงเป็นอย่างนั้น เพราะงั้น ดิฉันไม่ได้คาดหวังถึงของขวัญ surprise
แต่เราเจอกันครึ่งทางตรงที่ ดิฉันบอกสามีอย่างตรงไปตรงมาว่า ดิฉันเสียใจ อย่างน้อยที่สุดควรกล่าวสุขสันต์วันเกิด ของขวัญไม่เป็นไร เพราะดิฉันมี access เงินสามีทั้งหมดและซื้ออะไรสามีไม่เคยว่า แต่การต้องออกไปซื้อเอง (ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร) กับการมีคนซื้อให้ ความรู้สึกมันต่างกัน
นี่ก็เลย ตกลงกันว่า อย่างน้อยต้องได้คำว่า สุขสันต์วันเกิดทุกปี อย่ามาทำเหมือนเป็นวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ
ส่วนครบรอบอื่น ๆ ทวงจนเหนื่อยแล้วดิฉันก็เลิกทวงไปเอง
นี่น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ดิฉันไม่โอเคกับสามี
และแน่นอนที่สุดว่า ดิฉันไม่แค่พูดเท่านั้น แต่บอกไปอย่างหมดเปลือกเลยว่า ตัวเองเสียใจเพราะอะไร และ "ต้องการ" ให้เค้าทำอะไร ?
ทำได้แค่ไหน เป็นอีกเรื่อง แต่อย่างน้อย ความเสียใจและความต้องการของดิฉันจะต้องได้รับการ acknowledge
มันเป็นเรื่องสามัญสำหรับคู่ชีวิตที่อย่างน้อยต้อง "รับฟัง" กันว่าอะไรสำคัญสำหรับอีกฝ่าย
จะทำให้กันได้มากแค่ไหน เราปรับกันได้
สามีดิฉันเป็นคู่ชีวิตที่ดี เป็นพ่อที่ประเสริฐ เป็นลูกเขยที่แม่ยายรักมาก แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ดิฉันไม่โอเค แต่ไม่ขนาดทำให้ชีวิตคู่ล่ม
เค้ามีมุมใส่ใจหลาย ๆ อย่างในการใช้ชีวิตร่วมกัน เช่น ออกมาช่วยขนของออกจากรถทุกวันเวลาดิฉันกลับบ้าน แกะกุ้งปูทุกครั้งเวลาที่ทานอาหาร ใจเย็น ใจดี และละเอียดอ่อนกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายอย่าง เพียงแต่ไม่ค่อยมี surprise gift
มันออกจะ awkward อยู่บ้างเวลาต้องบอกไปตรง ๆ ว่าอยากได้อะไร
ดิฉันปกติจะปากหนัก ไม่ค่อยขอ และยิ่งไม่ขอเกินสิ่งที่ผู้ให้ให้ได้แน่นอน
แต่ถ้าขอแล้ว เป็นที่รู้โดยไม่ต้องพูดว่า ถ้าปฏิเสธมาล่ะก็เรื่องใหญ่แน่
ครบยี่สิบกว่าปีของการแต่งงาน ดิฉันระบุเลยว่า อยากได้แหวนแพลททินั่ม แต่ไปดูขนาดแล้วไม่ลงตัว ดิฉันขี้เกียจรอสั่งทำ
เลยบอกไปว่า ถ้าไม่ได้ก็ขอแหวน trinity ไม่ต้องเป็นรุ่นหรูหราแต่ชอบสัญลักษณ์ของแหวนสามวงเกี่ยวกัน เหมือนที่เรามีลูกสามคน
เพราะงั้น ดิฉันไม่สนับสนุนให้คุณน้อยใจจนคิดจะรีบบอกเลิก
สื่อสารความต้องการ และบอกเล่าให้ละเอียดก่อนค่ะว่า สิ่งที่คุณขอมัน "สำคัญ" กับคุณแค่ไหน
และจะพบกันครึ่งทางอย่างไรได้บ้าง
หากไม่ได้จริง ๆ ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติดีงามอื่น ๆ ที่จะทำให้คุณมองข้ามสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญได้มากน้อยแค่ไหน
อย่ารีบตัดสินใจเพียงเพราะน้อยใจเลยนะคะ
ดิฉันขอเห็นต่างจากท่านอื่นนะคะ ว่าสิ่งที่คุณต้องการมันไม่ได้เล็กเลย
เรื่องเล็กสำหรับคนนึง อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับอีกคนก็ได้ค่ะ
สามีดิฉันเอง ก็ไม่ใช่คนโรแมนติค หรือทำอะไรแบบนี้เลย เค้าเคยแต่งงานมาแล้วเหมือนกัน
จัดงานใหญ่โต
แต่งได้ไม่ถึงปี ภรรยาก็แพ็คของไปอยู่กับแฟนใหม่ที่ต่างประเทศ
เค้าเลยไม่อินกับการแต่งงาน
แต่ก็เข้าใจทางญาติผู้ใหญ่ฝั่งดิฉัน ส่วนตัวดิฉันเองก็ไม่ได้ต้องการงานใหญ่ ก็เลยลงตัวกันได้ที่งานแต่งงานที่กะทัดรัดมาก
มีเรื่องอื่น ๆ ที่คนอื่นอาจมองว่าเรื่องเล็ก แต่ดิฉันมองว่า เรื่องใหญ่ คือ ดิฉันแทบไม่เคยได้ของขวัญวันเกิด และสามีแทบจะจำวันเกิดไม่ได้เลย
ดิฉันไม่ได้ขอร้องให้เค้าเปลี่ยน แต่งงานมายี่สิบกว่าปี ไม่ค่อยจะได้ของขวัญวันเกิดอย่างไร ยังคงเป็นอย่างนั้น เพราะงั้น ดิฉันไม่ได้คาดหวังถึงของขวัญ surprise
แต่เราเจอกันครึ่งทางตรงที่ ดิฉันบอกสามีอย่างตรงไปตรงมาว่า ดิฉันเสียใจ อย่างน้อยที่สุดควรกล่าวสุขสันต์วันเกิด ของขวัญไม่เป็นไร เพราะดิฉันมี access เงินสามีทั้งหมดและซื้ออะไรสามีไม่เคยว่า แต่การต้องออกไปซื้อเอง (ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร) กับการมีคนซื้อให้ ความรู้สึกมันต่างกัน
นี่ก็เลย ตกลงกันว่า อย่างน้อยต้องได้คำว่า สุขสันต์วันเกิดทุกปี อย่ามาทำเหมือนเป็นวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ
ส่วนครบรอบอื่น ๆ ทวงจนเหนื่อยแล้วดิฉันก็เลิกทวงไปเอง
นี่น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ดิฉันไม่โอเคกับสามี
และแน่นอนที่สุดว่า ดิฉันไม่แค่พูดเท่านั้น แต่บอกไปอย่างหมดเปลือกเลยว่า ตัวเองเสียใจเพราะอะไร และ "ต้องการ" ให้เค้าทำอะไร ?
ทำได้แค่ไหน เป็นอีกเรื่อง แต่อย่างน้อย ความเสียใจและความต้องการของดิฉันจะต้องได้รับการ acknowledge
มันเป็นเรื่องสามัญสำหรับคู่ชีวิตที่อย่างน้อยต้อง "รับฟัง" กันว่าอะไรสำคัญสำหรับอีกฝ่าย
จะทำให้กันได้มากแค่ไหน เราปรับกันได้
สามีดิฉันเป็นคู่ชีวิตที่ดี เป็นพ่อที่ประเสริฐ เป็นลูกเขยที่แม่ยายรักมาก แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ดิฉันไม่โอเค แต่ไม่ขนาดทำให้ชีวิตคู่ล่ม
เค้ามีมุมใส่ใจหลาย ๆ อย่างในการใช้ชีวิตร่วมกัน เช่น ออกมาช่วยขนของออกจากรถทุกวันเวลาดิฉันกลับบ้าน แกะกุ้งปูทุกครั้งเวลาที่ทานอาหาร ใจเย็น ใจดี และละเอียดอ่อนกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายอย่าง เพียงแต่ไม่ค่อยมี surprise gift
มันออกจะ awkward อยู่บ้างเวลาต้องบอกไปตรง ๆ ว่าอยากได้อะไร
ดิฉันปกติจะปากหนัก ไม่ค่อยขอ และยิ่งไม่ขอเกินสิ่งที่ผู้ให้ให้ได้แน่นอน
แต่ถ้าขอแล้ว เป็นที่รู้โดยไม่ต้องพูดว่า ถ้าปฏิเสธมาล่ะก็เรื่องใหญ่แน่
ครบยี่สิบกว่าปีของการแต่งงาน ดิฉันระบุเลยว่า อยากได้แหวนแพลททินั่ม แต่ไปดูขนาดแล้วไม่ลงตัว ดิฉันขี้เกียจรอสั่งทำ
เลยบอกไปว่า ถ้าไม่ได้ก็ขอแหวน trinity ไม่ต้องเป็นรุ่นหรูหราแต่ชอบสัญลักษณ์ของแหวนสามวงเกี่ยวกัน เหมือนที่เรามีลูกสามคน
เพราะงั้น ดิฉันไม่สนับสนุนให้คุณน้อยใจจนคิดจะรีบบอกเลิก
สื่อสารความต้องการ และบอกเล่าให้ละเอียดก่อนค่ะว่า สิ่งที่คุณขอมัน "สำคัญ" กับคุณแค่ไหน
และจะพบกันครึ่งทางอย่างไรได้บ้าง
หากไม่ได้จริง ๆ ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติดีงามอื่น ๆ ที่จะทำให้คุณมองข้ามสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญได้มากน้อยแค่ไหน
อย่ารีบตัดสินใจเพียงเพราะน้อยใจเลยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
จะบอกเลิกแฟนที่ดีอย่างไร
เราเจอกันทาง Facebook ค่ะ จากนั้นเราก็นัดเดทกัน เจอหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกดีนะคะ แต่ไม่ได้รู้สึกใจเต้นมากนัก จากนั้นก็ชวนกันคุยเรื่องต่างๆนาๆ คุยๆกันไปเรื่อยๆ เพิ่งรู้ว่า ภรรยาเค้า กับสามีเรา เสียชีวิตในปีเดียวกัน อีกทั้ง วันและเดือนเกิดตัวเค้าเอง ก็ตรงกับสามีเราที่เสียชีวิตไป และก็เพิ่งรู้ ว่าบ้านเราห่างกันแค่ 500 เมตร แล้วก็เพิ่งรู้ ว่าเรากับเค้าเคยทำงานในบริษัทเดียวกัน เราเลยคิดว่า อันนี้มันพรหมลิขิตรึเปล่านะ เลยตัดสินใจคบดู เผื่อครั้งนี้ อาจจะเป็นความรักครั้งใหม่ ที่อาจจะใจดีกับเราก็ได้
ซึ่งก็จริง ความรักครั้งนี้ คือรักที่ดีสำหรับเรามากจริงๆ แต่เป็นตัวเราเอง ที่คาดหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือเราอยากถูกขอแต่งงาน อยากมีงานแต่งเล็กๆ ที่มีแค่ครอบครัวสองฝั่ง เพื่อนสนิทของทั้งสองฝั่ง (ซึ่งมีไม่มาก) มานั่งดินเนอร์กันริมทะเล แค่นั้นเอง
แต่เค้าไม่อยากแต่งงาน เค้ามองว่า เป็นเรื่องสิ้นเปลือง อีกอย่างคือ เค้าเคยแต่งงานมาแล้ว เลยไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ฝั่งเค้าต้องมาเหนื่อยอีก
เลยทำให้ดิฉันเก็บสะสมความรู้สึกนี้ไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะเค้าก็ไม่เคยมีข้อเสียอะไร ที่ทำให้ดิฉันเสียใจ
ตอนนี้ดิฉันแค่อยากจะก้าวออกมาอย่างเงียบๆ แล้วกลับไปใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนเดิม แต่แค่กลัวเค้าเสียใจ เลยยังลังเลค่ะ ว่าควรพูดยังไงดี