[CR] ยะลา...อีกเมืองน่ารักสุดปลายด้ามขวาน


          ยะลา ไม่ใช่จังหวัดแรกๆในรายชื่อจังหวัดที่ผมอยากจะไปเยี่ยมเยือน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่ผมรับและซึมซับมาจากสื่อต่างๆ...แต่

         โชคชะตา ความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม ทำให้ปลายปีที่แล้วผมเหลือไมล์การบินไทยที่ยังไม่ได้แลกอยู่อีกนิดหน่อยพอให้บินในประเทศได้ และมันกำลังจะหมดอายุ ประกอบกับวันหนึ่งผมนั่งดูรายการในช่อง Rayron แล้วเกิดอยากจะไปเห็นว่าสิ่งที่เราเห็นในข่าวกับความเป็นจริงมันเหมือนกันมั้ย

          ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ท่องเที่ยวอยู่ที่นั่นคงเทียบไม่ได้กับคนที่อยู่เต็มเวลาอย่างชาวยะลาแน่ๆ แต่เก็บกระเป๋า จองตั๋ว จองรถแล้วไปกันโลด...กระทู้นี้ยาวหน่อยนะครับ หาขนมมานั่งทานระหว่างอ่านจะได้ไม่หิว


          ลงเครื่องที่หาดใหญ่ เช่ารถหนึ่งคันแล้วก็ขับยาวไปเบตงก่อนเลย...เพราะมายะลาแล้วก็ควรจะไป “เบตง” ก่อน ถ้าไป “เลย” มันจะไกล

          ลางไม่ดีตั้งแต่รับรถเช่า...ผมเช่ารถกับผู้ให้บริการเช่ารถรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศ ดูร่องรอยการผ่านศึกของรถเสร็จ รับรถเรียบร้อยก็ขับไปเบตงทันที ขับมาได้พักหนึ่งพบว่า “วิทยุไม่ดัง” แต่ที่ปัดน้ำฝนดัง ช่วงล่างดัง เบรกก็ดัง คือ ดังทุกอย่างยกเว้นวิทยุ...มองหน้ากับภรรยา จะกลับไปหาดใหญ่ดีมั้ย แต่ก็ขับออกมาไกลพอสมควรแล้ว เอาวะ...อยู่มันเงียบๆนี่แหละ ดีซะอีกจะได้เวลาคุยกัน (เยอะๆ)





          แวะตัวเมืองยะลาแป๊บหนึ่ง ขอทานข้าวเที่ยงก่อน...มื้อแรกในยะลาแวะร้านนี้ครับ “บังแอซุป” รายการอาหารหลักของที่นี่คือ “ซุป” ตามชื่อร้านเลย ผมก็สั่งมาทานบ้างเป็นซุปเนื้อ ยำเครื่องใน ลูกชิ้น เนื้อทอดกระเทียม






          ซุป ไม่เป็นอย่างที่คิดเลยครับ ผมคิดว่าจะเป็นแบบซุปเนื้อที่ผมทานตามร้านข้าวหมกไก่ที่ออกเปรี้ยวจี๊ดหน่อย แต่ที่นี่จะออกเปรี้ยวเค็ม ไม่ได้เปรี้ยวปรี๊ดนำโด่งขนาดนั้น เนื้อไม่เหนียวส่วนเครื่องในผมไม่ทาน ภรรยาทานแล้วบอกว่า “ดีอยู่” ซึ่งแปลว่าดี  เนื้อทอดกระเทียมหอมฉุยเนื้อไม่เหนียว ยำเนื้อรสชาติคล้ายซุปเนื้อแบบแห้งและไม่ค่อยหวานเหมือนยำภาคกลาง ลูกชิ้นเนื้อคือของที่ถูกใจที่สุด เนื้อเป็นเนื้อไม่รู้สึกถึงแป้ง น้ำจิ้มหวานเผ็ดเข้ากันดี

          นั่งทานไปก็เห็นว่าแทบทุกโต๊ะสั่งไข่เจียว หรือมันเป็นของคู่กันที่ต้องกินแบบนั้นหว่า...ว่าแล้วก็สั่งมาบ้าง ไข่เจียว1 จาน มันก็ดีอยู่นะตัดเปรี้ยวตัดเค็มด้วยไข่เจียว...อิ่มแล้ว ไปต่อได้






          ถึงเบตงแล้วเข้าเช็คอินโรงแรมก่อนดีกว่า ที่พักคราวนี้ชื่อ Grandview Landmark Hotel หรือแปลว่า “โรงแรมวิวอลังที่เป็นจุดเด่น” โรงแรมนี้ผมเห็นจากรีวิวของทีมพันทิปนี่แหละ




          ห้องพักแบบมาตฐานเลยครับ สิ่งอำนวยความสะดวกมีให้ครบถ้วน(ตู้เย็นใหญ่ดี) ไม่หรูหราอะไรแต่สะอาดสะอ้านและพักได้อย่างสบาย เตียงนอนค่อนข้างหลับสบายอยู่...จุดที่ชอบเลยคือ “ปลั๊ก” เยอะมาก นับๆดูมีประมาณ 10 จุด บางโรงแรมเครือใหญ่ๆยังไม่มีขนาดนี้

          ห้องน้ำก็มาตรฐาน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วนตามมาตรฐานโรงแรม ห้องน้ำเป็นแบบ “เซ็กซี่” คือมีกระจกตรงที่อาบน้ำให้มองหน้าหยอกเย้ากับคนที่นอนคอยอยู่บนเตียงได้(แต่เขาอยากเย้าด้วยหรือเปล่าไม่รู้นะครับ) เก็บของเรียบร้อยไปหาของกินกันครับ






          ประเดิมมื้อแรกในเบตงที่ร้าน “ต้าเหยิน” ร้านดังในเบตงที่ปัจจุบันมีสาขาอยู่ในหาดใหญ่ด้วย ชื่อร้าน “ต้าเหยิน” แปลว่า “ผู้ยิ่งใหญ่” เปิดขายมากว่า 40 ปีแล้ว ต้าเหยินขายอาหารจีนเพราะเจ้าของร้านรู้จักกับคนจีนหลายกลุ่มผ่านการทำงานตั้งแต่อดีต นอกจากได้ภาษาจีนแล้วยังได้สูตรอาหารหลากหลายมาทำให้คนอื่นได้ชิม


          อาหารร้านนี้จานออกจะใหญ่อยู่ครับ ให้มาเยอะทีเดียว...ตอนสั่งก็หน้ามือเพราะหิว พออาหารมาลงก็มองหน้ากัน จะกินหมดมั้ย



          มาที่นี่ถ้าไม่สั่ง “ไก่เบตง” ก็คงออกจะผิดระเบียบไปเสียหน่อย จานนี้เป็นจานสร้างชื่อและจานเด่นของร้านเลยครับ ไก่ออกมันและนุ่มมาก เขาว่าเป็นไก่ออกกำลังกาย ส่วนซีอิ๊วที่ราดลงบนไก่ก็เป็นซีอิ๊วสูตรที่ร้านทำขึ้นเอง มันให้ความหอมมากกว่าซีอิ๊วทั่วไป ไม่เค็มจัดมีหวานติดปลายนิดๆ จานนี้ถูกปากเลยครับ



          จานต่อมา “ผัดถั่วเจี๋ยน” จานนี้ชนะเลิศ ถูกปากมาก ถั่วกรอบแต่ไม่แข็งและไม่เหม็นเขียว ตัวถั่วออกรสหวานนิดหน่อยด้วยซ้ำ น้ำที่ลงไปผัดออกเค็มนำหอมกลิ่นกระเทียมและกุ้งแห้งที่ผัดมารวมกัน ทานกับข้าวสวยนี่เข้ากันสุดๆ ถ้าไม่ติดว่าอยู่อีกหลายวันจะสั่งใส่ถุงกลับบ้าน




          “เคาหยก” เป็นอีกเมนูที่ต้องมาชิมของร้าน หมูสามชั้นวางคู่มากับเผือกแช่อยู่ในน้ำซอสจนชุ่มไปหมดทั้งหมูทั้งเผือก รองด้านใต้มาด้วยผักดอง รสชาติเค็มนำเปรี้ยวตาม เนื้อหมูนุ่มเคี้ยวขาดได้ง่ายมาก ทานกับผักดองแก้เลี่ยนได้ดี จานนี้ก็ดีแต่มันเยอะมาก...น่าจะอิ่มเร็วๆนี้


          อาหารถูกปากจนกระทั่งต้องกลับไปซ้ำในวันต่อมา สั่ง “สะตอผัดกุ้ง” ซึ่งไม่เหมือนกับสะตอผัดกุ้งที่เคยทานแถวบ้าน ถ้าจำไม่ผิด เคยมีคนใต้บอกผมว่า สะตอผัดกุ้งที่ใต้มีหลายแบบ ซึ่งถ้าอยากทานแบบกลิ่นกะปิคละคลุ้ง ต้องสั่งเป็นสะตอกะปิกุ้ง

          สะตอผัดกุ้งจานนี้ได้กลิ่นกะปิจางๆเท่านั้นเอง แต่ได้ความหอมและความหวานจากหอมใหญ่เพิ่มขึ้นมา กลายเป็นจานที่ทานง่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น สะตอกรอบเนื้อกุ้งแน่น ถูกปากอีกแล้ว...โดยรวมเป็นร้านที่ผมชอบเลยครับ อาหารถูกปากมันเสียแทบทุกอย่าง แถมมีคราฟเบียร์สดชื่นๆอย่าง “สุดสยาม” ที่ใส่ส้มโชกุนไปด้วย




          มื้อเช้าคงไม่พลาดร้าน “ไทซีฮี้” ร้านยอดนิยมที่คนเต็มร้านตั้งแต่เช้า ผมจำไม่ได้แล้วว่าได้ข้อมูลมาจากไหนว่าเมื่อก่อนไทซีฮี้ไม่ได้ขายติ่มซำแบบปัจจุบัน แต่เพิ่งมาขายได้ไม่นานมากนัก




          พื้นที่ของร้านออกจะเล็กและคับแคบหน่อย บางทีอาจจะต้องรอโต๊ะสักหน่อย ได้โต๊ะแล้วส่งตัวแทนประเทศไทยหนึ่งคนไปเลือกติ่มซำที่ตู้หน้าร้านซึ่งมีให้เลือกหลายอย่างมาก






          ถึงฟ้าจะสว่างแล้วแต่ตอนไปหยิบติ่มซำทำไมหน้ามืดไม่รู้ หยิบมาซะหลายอย่าง นั่งมองหน้ากันอีกแล้ว ติ่มซำแต่ละเข่งขนาดไม่เล็กจนเกินไป ค่อนข้างพอดีคำ รสชาติผมว่าไม่ต่างจากร้านติ่มซำลักษณะนี้ในภาคใต้ร้านอื่นๆมากนัก ทานได้แต่ก็ไม่มีจานไหนประทับใจเป็นพิเศษ  แต่บรรยากาศมันคึกคัก ผู้คนจอแจ มันทำให้ติ่มซำอร่อยขึ้นอีก




ผลงานของผมในช่องทางอื่นๆ
Facebook:  https://www.facebook.com/followmeonearth/
Website: www.Pratuneung.com
Lemon8 Application: @Pratuneung
Blockdit page: Followmeonearth
Blockdit page: Story Behind
ชื่อสินค้า:   จังหวัดยะลา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่