ขอเกริ่นก่อนนะคะยาวนิดนึงคือเราไปฉีดโบท็อกและดริปวิตามินผิวมาเมื่อ 2 เดือนก่อน
ตอนฉีดโบท็อกกรามเราเจ็บจี๊ดที่กรามข้างขวาและหน้าฝั่งขวาจะบวมกว่า สัปดาห์แรกที่ทำมาเราเจ็บกรามด้านขวามากและมีอาการเจ็บคอด้านขวาด้วย แต่อมยาอมแล้วหาย รู้สึกตัวรุมๆ เสริชดูก็นึกว่าผลข้างเคียงจากการดริปวิตามิน เลยไม่ได้คิดอะไร
ผ่านไปน่าจะประมาณ2-3สัปดาห์ เรารู้สึกว่าเหนียงฝั่งขวามันออกเยอะกว่าฝั่งซ้ายเลยลองเอามือไปคลำๆดูสัมผัสได้ว่าใต้กรามฝั่งขวามีก้อนๆอะไรอยู่ เทียบกับฝั่งซ้ายไม่มี
พอฉีดมาครบ1เดือน อยู่ดีๆเราก็รู้สึกปวดหูจี๊ดๆ เป็นพักๆ ตึงๆแถวคอ แต่อาการเป็นๆหายๆ บางวันก็เหมือนจะเจ็บคอ บางวันก็ไม่เป็นไร
นับจากวันที่ฉีดมาประมาณ 1เดือนครึ่ง เราเริ่มเจ็บคอด้านขวาอีก เป็นตอนเย็นจนเช้าไม่หาย เลยไปหาหมอ หมอบอกต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ยาฆ่าเชื้อมากิน กินจนหมดอาการเจ็บคอขวาหาย แต่ลามมาเจ็บคอด้านซ้าย และเริ่มมีก้อนใต้กรามซ้ายด้วยแต่เล็กกว่าฝั่งขวา ส่วนก้อนใต้กรามขวาเท่าเดิมไม่ยุบ
เรากลับไปหาหมอรอบ2 หมอก็บอกต่อมทอนซิลอักเสบเหมือนเดิม ส่วนก้อนนั้นคือต่อมน้ำเหลืองได้ยาฆ่าเชื้อมากินอีก
มาถึงอาการที่ทำให้เราวิตกกังวลนะคะ
ในระหว่างที่เจ็บคอหาหมออยู่2รอบ อาการอื่นๆที่เรามีคือปวดเมื้อยตัว อ่อนเพลียนิดหน่อย คลำเจอต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้กดเจ็บ ตอนแรกก็คิดว่ากลัวเป็นมะเร็งแต่เสริชอาการไปๆมาๆ เราเริ่มกลัวติดเชื้อ hiv จากเข็มที่คลีนิคแล้วอ่ะค่ะ พออ่านเจอว่าแรกๆมันจะเหมือนไข้หวัดทั่วไป มีเจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
ตอนนี้ครบ2เดือนที่ฉีดมาแล้วค่ะ กรามข้างขวาเรายังเจ็บอยู่นิดๆเลยเวลาจับและกล้ามเนื้อฝั่งนี้ก็ลงไม่หมดนะคะเวลาเคี้ยวกรามยังเด้งอยู่เลย
ยาฆ่าเชื้อก็หมดแล้วอาการเจ็บคอฝั่งซ้ายหายแล้วแต่ก็เหมือนจะกลับมาเจ็บฝั่งขวาอีก มีอาการกลืนแล้วเหมือนอะไรติดคอด้านขวา ส่วนต่อมน้ำเหลืองใต้กรามทั้งซ้ายและขวาก็ยังไม่ยุบนะคะ ฝั่งขวาเหมือนจะก้อนใหญ่กว่าด้วย ไม่ได้บวมออกมาเห็นชัดนะคะต้องเอามือไปจับถึงจะรู้สึก
ส่วนอาการปวดเมื่อยตัวดีขึ้น ใต้รักแร้ก็เจ็บน้อยลง
แต่ก็ยังกลัวอยู่ดีค่ะ ตอนนี้เครียดมากกลัวทั้งมะเร็งทั้ง hiv
ก่อนจะไปฉีดเราปกติทุกอย่างไม่มีวี่แววจะป่วยเลย แต่หลังทำมาจนตอนนี้2เดือนแล้วอาการเราไม่ปกติเลยสักวัน เสียใจมากไม่น่าเลือกคลีนิคนี้เลย ฉีดที่เดิมไม่เคยมีปัญหาพอเปลี่ยนที่แล้วก็เป็นแบบนี้เลย
เราสามารถติดเชื้อ hiv จากคลีนิคฉีดหน้าฉีดผิวได้ไหมคะ