...คิดว่า ข้อความที่พวกตนขัดแยกมา เป็นข้อความเฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้น
...แต่ อนิจจัง อนิจจาเอ๋ยยย.. พวกงี่เง่ากลุ่มนี้ นับแต่เจ้าสำนักคือบักคึกฯ ลงมา ไม่รู้เลยว่า พระไตรปิฏกแปลไทย นั้น เขาแปลโดยเอาข้อความจากคัมภีร์อรรถกถาผสมลงไปด้วย เพราะไม่งั้นถ้าแปลตรงตามรูปคำศัพท์บาลีตรงๆ หลายๆอย่าง มากมาย คนอ่านจะไม่เข้าใจข้อความตรงๆเหล่านั้นได้ ดังนั้น พระไตรปิฏกฉบับแปลไทย จึงมีการแปลผิดๆมากมายหลายๆแห่ง { ตัวอย่างเช่น คำศัพท์เดียวกันในสูตรเดียวกันแท้ๆ อ่านหน้าแรกจะเห็นแปลว่า ลูกธนู ต่อมา อ่านอีกหน้า จะแปลว่า ลูกปืน ( พระมหาวัฒนาเอามาเปิดเผยให้ฟัง)...ฮ่าๆๆๆ ก๊ากๆๆ }
...ถ้าคิดจะเอาคำสอนที่เป็นพระพุทธวจนะจริงๆ ของเดิม ก็ต้องไปเรียนวิชาภาษาบาลีให้เข้าใจ แล้วไปอ่านจากพระไตรปิฏกภาษาบาลีเลย ตรงๆ นั่นแหละ จึงจะได้พบข้อความแท้ๆ จากพระโอษฐ์ของพระพุทะเจ้า (ที่คณะสงฆ์ฝ่ายมหาวิหารในศรีลังกา รวบรวมไว้เมื่อ พ.ศ. 433)..แต่ปัญหาคือ นั่นคือ แล้วจะเชื่อข้อความที่คณะสงฆ์ของฝ่ายมหาวิหารเรียบเรียงมาบันทึกลงไว้ นั่นหรือไม่ละ ??? บางที คณะสงฆ์เหล่านั้น พวกท่านอาจจะแทรกข้อความของพวกของตนใส่ลงไปก็ได้ แล้วอ้างว่า นั่นคือ พระพุทธวจนะ ( บางที องค์ของอริยมรรค ไม่ใช่มีองค์ 8 แต่มีแค่องค์ 7 หรือองค์ 9 หรือ 10 ก็ได้ แบบของมหายานบางนิกาย แล้วจะเชื่อของใครดี ?? /... ฮ่าๆๆๆ พวกมดตาบอด ถูกความโง่ของตนขังไว้ ให้เดินหลงวนเวียนอยู่ภายในลูกฟุตบอลกลมๆ เพื่อจะหารูออก ... จะนานอีกกี่ อสงไขยกัปล์ๆๆๆ..? จึงจะหารูออกได้ซะที ...หว่าาาา ...
...การคิดจะค้นหาธรรมะจากตำรา ก็จะเจอแบบนี้แหละ... ธรรมะแท้ๆ อยู่ในจิตตนเองนั่นแหละ อยู่ตรงศูนย์กลางของจิตทุกๆดวง ค้นลงไปที่ตรงนั้น ก็จะเจอของจริง เมื่อเจอแล้ว จะอ่านตำราใดๆ ก็จะเข้าใจเชื่อมประสานโยงใยไปทั่วถึงหมด ไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกแล้ว นี่แหละคือรูออก
...คิดแต่ไปค้นจากตำรา ก็จะเป็นบ้าไปแบบพวกสำนัก 150 นั่นแหละ...
ความเขลา งี่เง่า ทั้งสำนัก 150 คือพวกนี้ไปคัดข้อความจากพระไตรปิฏกแปลไทยมาคิดว่าจะเอาแต่ข้อความที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
...แต่ อนิจจัง อนิจจาเอ๋ยยย.. พวกงี่เง่ากลุ่มนี้ นับแต่เจ้าสำนักคือบักคึกฯ ลงมา ไม่รู้เลยว่า พระไตรปิฏกแปลไทย นั้น เขาแปลโดยเอาข้อความจากคัมภีร์อรรถกถาผสมลงไปด้วย เพราะไม่งั้นถ้าแปลตรงตามรูปคำศัพท์บาลีตรงๆ หลายๆอย่าง มากมาย คนอ่านจะไม่เข้าใจข้อความตรงๆเหล่านั้นได้ ดังนั้น พระไตรปิฏกฉบับแปลไทย จึงมีการแปลผิดๆมากมายหลายๆแห่ง { ตัวอย่างเช่น คำศัพท์เดียวกันในสูตรเดียวกันแท้ๆ อ่านหน้าแรกจะเห็นแปลว่า ลูกธนู ต่อมา อ่านอีกหน้า จะแปลว่า ลูกปืน ( พระมหาวัฒนาเอามาเปิดเผยให้ฟัง)...ฮ่าๆๆๆ ก๊ากๆๆ }
...ถ้าคิดจะเอาคำสอนที่เป็นพระพุทธวจนะจริงๆ ของเดิม ก็ต้องไปเรียนวิชาภาษาบาลีให้เข้าใจ แล้วไปอ่านจากพระไตรปิฏกภาษาบาลีเลย ตรงๆ นั่นแหละ จึงจะได้พบข้อความแท้ๆ จากพระโอษฐ์ของพระพุทะเจ้า (ที่คณะสงฆ์ฝ่ายมหาวิหารในศรีลังกา รวบรวมไว้เมื่อ พ.ศ. 433)..แต่ปัญหาคือ นั่นคือ แล้วจะเชื่อข้อความที่คณะสงฆ์ของฝ่ายมหาวิหารเรียบเรียงมาบันทึกลงไว้ นั่นหรือไม่ละ ??? บางที คณะสงฆ์เหล่านั้น พวกท่านอาจจะแทรกข้อความของพวกของตนใส่ลงไปก็ได้ แล้วอ้างว่า นั่นคือ พระพุทธวจนะ ( บางที องค์ของอริยมรรค ไม่ใช่มีองค์ 8 แต่มีแค่องค์ 7 หรือองค์ 9 หรือ 10 ก็ได้ แบบของมหายานบางนิกาย แล้วจะเชื่อของใครดี ?? /... ฮ่าๆๆๆ พวกมดตาบอด ถูกความโง่ของตนขังไว้ ให้เดินหลงวนเวียนอยู่ภายในลูกฟุตบอลกลมๆ เพื่อจะหารูออก ... จะนานอีกกี่ อสงไขยกัปล์ๆๆๆ..? จึงจะหารูออกได้ซะที ...หว่าาาา ...
...การคิดจะค้นหาธรรมะจากตำรา ก็จะเจอแบบนี้แหละ... ธรรมะแท้ๆ อยู่ในจิตตนเองนั่นแหละ อยู่ตรงศูนย์กลางของจิตทุกๆดวง ค้นลงไปที่ตรงนั้น ก็จะเจอของจริง เมื่อเจอแล้ว จะอ่านตำราใดๆ ก็จะเข้าใจเชื่อมประสานโยงใยไปทั่วถึงหมด ไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกแล้ว นี่แหละคือรูออก
...คิดแต่ไปค้นจากตำรา ก็จะเป็นบ้าไปแบบพวกสำนัก 150 นั่นแหละ...