เราซื้อประกันการเดินทางกับ Sompo แผน B+ ไปเที่ยว Kansai ปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เมือง Takayama หลังกินอาหาเย็นเสร็จกลับถึงห้องคุณสามีอาเจียนไม่หยุด เราเริ่มเอะใจว่าจะเกิดจากอาหารหรือจะเป็นเส้นเลือดในสมองแตกนะ เพราะเค้าเคยผ่าตัดเส้นเลือดในสมองแตกมาแล้วเมื่อ 7 ปีก่อน แต่หายดีแล้วไปทำงานต่อได้ตลอดซึ่งอาการนำก็คือ อาเจียนไม่หยุด จึงลงมาที่ front ถามว่าเมืองนี้มีโรงพยาบาลใหญ่ๆ ไหม เค้าบอกว่ามีจะให้โทรเรียก Taxi หรือว่า Ambulance ก็ได้ กลับไปห้องเค้าก็นอนหลับไปตื่นขึ้นมาอีกทีตอน 4 ทุ่ม เริ่มอาเจียนอีกโดยที่ไม่มีอาหารออกมาแล้ว เราจึงตัดสินใจโทรหา Sompo ทันที (เราใช้ readytofly ใช้โทรกลับไทยฟรีด้วย wifi calling ส่วนคุณสามีใช้ simtofly เอาไว้รับสายจากไทย เราเติมเงินในเบอร์สามีทันที 500 บาท โทร+รับสาย 6 บาท/นาที )
ประกันจะให้เราคุยกับหมอไทยก่อน เล่าอาการและข้อสงสัยเรื่องในสมองให้เค้าฟัง หมอไทยบอกว่าให้ไปโรงพยาบาลด่วนเลย ประทับใมาก....ที่ประกันจะเป็นคนหาและประสานกับโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและมีศักยภาพในดูแลผู้ป่วยได้ เค้าก็โทรมาให้เรานั่ง taxi ไป รพ.ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก โดยเราให้โรงแรมโทรเรียก taxi ให้(เป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่โรงแรมพูดถึง) เมื่อไปถึง ER ตอนเที่ยงคืน ยื่น passport กรอกแบบฟอร์มเพื่อจะทำบัตร รพ. โดยที่เค้ามีข้อมูลของผู้ป่วยหมดแล้ว (ไม่ต้องเสียเวลาตอบว่าเป็นอะไรมา จะมารักษาอะไร ) จากนั้นเราก็ได้พบกับหมอ EP ซักประวัติผ่านล่ามพูดอังกฤษที่รพ.โทรติดต่อเอง หมอให้ทำ CT scan ผลพบมีเลือดออกแต่ไม่มากและมีสมองบวม จึงตามหมอ neuro surg ทันที 02.30 หมอก็มา ซักประวัติอีกรอบ ดูผลเจาะเลือด X ray ,CT แล้วบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเค้าจะ CT scan อีกรอบ คืนนี้กลับไปก่อนพรุ่งนี้บ่าย 2 มาใหม่นะ ต้องนอน ICU ใช่ไหมเราถาม ใช่! กลั้นน้ำตาไม่อยู่.......
กลับถึง รร ตอน 03.45 น. นอนไม่หลับ น้ำตาไหล กลัวว่าคุณสามีจะเอาชีวิตมาทิ้งที่ญี่ปุ่น ยิ่งตอนคุยกับหมอไทยเค้าบอกว่ากรณีที่เป็นโรคเดิมที่เคยเป็น ประกันอาจไม่คุ้มครอง หรือ เบิกได้น้อย ซึ่งต้องรอให้ฝ่ายสินไหมเป็นคนประเมิน ทำให้เรายิ่งเครียดไปอีก จึงลุกขึ้นมาตั้งกระทู้ถามในกลุ่มตะลอนเที่ยวญี่ปุ่นใน FB ซึ่งก็มีทั้งคนที่บอกว่าเบิกได้กับเบิกไม่ได้ รวมทั้งได้รับกำลังใจมากมายและคำแนะนำดี ๆ เช่น ให้ติดต่อกงสุล เป็นต้น และที่สำคัญได้พบกับคนไทยใจดีที่อยู่ที่ Takayama 3 คนชื่อน้องไก่ น้องกิ๊ฟ และ น้องแจ็ค ที่ช่วยเหลือเราอย่างดียิ่ง: รพ.ที่ญี่ปุ่นไม่มี free wifi ซึ่งเราต้องใช้ wifi calling ในการติดต่อเรื่องต่าง ๆ , sim เบอร์มือถือที่ญี่ปุ่นไม่สามารถซื้อได้ง่าย ๆ แบบไทยจึงต้องใช้เบอร์มือถือของน้องไก่ในการให้ รพ.ติดต่อเราได้ตลอดที่อยู่ที่นั่น
เช้าวันที่สอง เราให้โรงแรมช่วยโทรฯ ยกเลิก bus ที่จะไป Shirakawago ,โรงแรมที่ Gero, Nagoya ( takayama hokuriku pass ใช้ไปแค่บางส่วน) และช่วยโทรไปสถานทูตไทยที่โตเกียวน้องทิพย์แนะนำเรื่องเอกสารที่ต้องใช้ในการใช้ต่อวีซ่า ประกันโทรมาถามถึงอาการและแจ้งว่าให้เราออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปก่อนแล้วเอาใบเสร็จมาเบิกทีหลัง วางสายแล้วเครียดทวีคูณ แต่คิดว่าต้องเอาชีวิตไว้ก่อน เงินค่อยหาใหม่ ถ้าเบิกไม่ได้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ล้านบาท ตอนบ่ายมีการทำ MRI+MRA, Angiography และเข้าห้องผ่าตัดเพื่อ exam เพิ่มเติม ค่ำนั้นหมอบอกว่าเจอสาเหตุของเลือดออกแล้ว และพบว่ามีเนื้องอก Meningioma ในสมองทำให้สมองบวม ซึ่งพรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งตัวไปยัง Gifu university hosp โดยทาง helicopter ซึ่งจะไปเฉพาะผู้ป่วยไปเท่านั้น เพราะมีพื้นที่จำกัด หรือ ไปด้วยรถ Ambulance ซึ่งจะมีหมอ+พยาบาล+เราจะไปด้วยกัน ให้เราเอากระเป๋าเดินทางมา รพ.ด้วยเลย
เช้าวันที่สามหมอประสานกับ Gifu hosp แล้วต้องส่งตัวทาง helicopter (ใจก็คิดว่าค่าใช้จ่ายน่าจะสูง แต่ก็ไม่เป็นไรถือเสียว่าซื้ออตั๋ว BC ให้เค้านั่งนะ) ซึ่งต้องขอบคุณน้องไก่... ที่อาสาขับรถพาเรามาส่งซึ่งห่างไป 140 กม ทำให้เราได้เซ็นใบยินยอมให้ผ่าตัดได้ทันถ่วงที เพื่อทำ coil embolization ส่วนเนื้องอกนั้นหมอที่ญี่ปุ่นให้กลับมาผ่าที่เมืองไทย (เราเช็ครอบรถไฟและรถบัสไว้แล้วซึ่งมีไม่ถี่) เพราะทาง รพ.โทรฯตามให้เรามาเร็วๆ เมื่อไปถึงแล้วทุกอย่างคือ เตรียมพร้อมหมดแล้ว อาจารย์หมอและทีมงานรอเราคนเดียว หลังเซ็นเสร็จเข็นสามีเข้าห้องผ่าตัดเลยใช้เวลา 1 ชมก็เสร็จ ให้นอน ICU 2 คืนแล้วย้ายลงมานอนเตียงสามัญแบบ 4 เตียงอีก 10 คืน รู้สึกโชคดีมากที่วันนั้นไม่มีพายุหิมะ helicopter ขึ้นบินได้ อาจารย์หมออยู่ และห้องผ่าตัดว่าง สรุปเราต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 9 คืน น้องสาวของคุณสามีพร้อมลูกชายก็ได้บินมาเยี่ยมและอยู่กับเรา 2 อาทิตย์ ทำให้คลายเครียดไปได้มาก
หลังจากนั้น Sompo ได้มีการประสานกับเราตลอดเรื่องรับเรากับสามีกลับไทยเพื่อรักษาต่อเนื่องซึ่งเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่คลอบคลุมอยู่ในประกัน ( อันนี้เราไม่ต้องเสียเงินเลย ไม่ได้รวมอยู่ใน 9 แสนสองที่เราได้รับนะ) วันสุดท้ายเราได้พบกับหมอ neuro med และพยาบาลจากไทย เพื่อประเมิน fit to fly ครั้งสุดท้าย รุ่งขึ้นเราทั้ง 4 คนนั่ง BC บินจาก Nagoya-BKK แล้วบินต่อเป็น premium eco BKK-UTH และมีรถ ambulance มารับ-ส่งทั้งที่ญี่ปุ่นและไทยตลอดทางเดินทาง สิ้นสุดที่พาคุณสามีมาส่งที่ ER ของโรงพยาบาล ต้องขอบคุณ Sompo จากใจจริง
ถึงไทยแล้วเราได้ส่งแบบฟอร์มเคลมซึ่งจะถามว่าใน 5 ปีที่ผ่านมาเคยผ่าตัดอะไรบ้าง ประวัติการรักษาทั้งหมด ใบเสร็จ ต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ค่าอาหารบางมื้อที่เรากินคนเดียว ค่าซื้อของกินใน super เป็นมื้อเช้า ค่าเต็มเงิน suica ที่เราใช้แตะบัตรขึ้นรถบัสไปเยี่ยมเค้าที่ รพ. ทุกวัน ค่าเติมเงินในมือถือ และเราได้ส่งใบรับรองการทำงานไปให้ด้วย รวมถึงใบเสร็จตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรมของน้องสาวด้วย ซึ่งค่ารักษาที่ Takayama hosp 19x,xxx บาท ส่วน Gifu university hosp หมดไป 67x,xxx บาท รวมแล้วค่ารักษาทั้งหมดอยู่ที่ 86x,xxx บาท ตอนนั้นเราต้องขอยืมเงินไทยจากน้องสาวของคุณสามีให้โอนเข้าบัญชีเราแล้วแตะจ่ายด้วย travel card (ซึ่งจะประหยัดไป 25,000 บาทเที่ยบกับจ่ายด้วย credit card)
รอบแรกเค้าให้ส่งเอกสารทุกอย่างทาง mail ก่อน จากนั้นถึงจะให้ส่งตัวจริงทางไปรษณีย์ ซึ่งเราส่งไปวันที่ 10 เมษา , 21 เมษาได้รับ mail แจ้งว่าฝ่ายสินไหมได้รับเอกสารทั้งหมดแล้ว, วันที่ 2 พค ได้รับ mail แจ้งว่าเงินจะเข้าให้ในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเงินก็ได้เข้าบัญชีเราเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ นอกจากค่ารักษาแล้วยังได้ค่าโทรศัพท์,ค่าชดเชยรายวันผู้ป่วยใน และค่าตั๋วเครืองบินและที่พักบางส่วนของน้องสาวของแฟนที่ได้บินมาเยี่ยมด้วย รวมทั้งหมด 922,xxx ต้องขอบคุณ Sompo มาก ๆ ค่ะ
ข้อดีที่เรานอนโรงแรมมี front 24 ชม.ที่ญี่ปุ่น คือทุกแห่งยินดีบช่วยโทรฯภายในประเทศให้เราทำให้สื่อสารง่ายและประหยัดค่าโทรฯไปเยอะ กรณีเจ็บป่วยทำให้เราไม่สามารถเข้าพักได้โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Nagoyaeki Sakuradoriguchi คืนเงินให้เราทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เราจ่ายเงินแล้วแบบ non-refund แถมยังช่วยเก็บกระเป๋าที่เราส่งไปจาก Osaka ให้เราอีก 12 วันฟรี และ Ooedo Onsen Monogatari Premium Gero Shinkan เราต้องจ่าย 30% ตามเงื่อนไข เค้า mail มาแจ้งว่าจะยกเว้นให้และหากหายดีแล้วอย่าลืมนึกถึงโรงแรมเราด้วยนะ
ตอนนี้คุณสามีได้ผ่าตัดเอาเนื้องอกออกเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ต้องฟื้นฟูร่างกายค่ะ
ประกันการเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีทุกครั้งที่เดินทางไม่ว่าจะเป็นทริปใกล้-ไกล สั้น-ยาวก็ตาม เพราะความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ หลังโควิดทุกครั้งที่ไปญี่ปุ่นเราจะซื้อของ Sompo เพราะคิดว่าเค้าเป็นเจ้าถิ่นน่าจะดูแลดี ติดต่อง่ายซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เราซื้อมาตลอด 20 กว่าปีที่เที่ยวเอง นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้สิทธิประกันการเดินทางค่ะ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Sompo , ขอบคุณน้องไก่ น้องกิ๊ฟ น้องแจ็ค, ขอบคุณน้องทิพย์ ,ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจและคำแนะนำที่ได้รับ , ขอบคุณ admin ที่มีพื้นที่ให้เราแบ่งปันประสบการณ์ หวังว่าเรื่องของเราจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกไม่มากก็น้อย
[CR] แชร์ประสบการณ์การนอนโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นและเบิกค่ารักษาจากประกัน Sompo
ประกันจะให้เราคุยกับหมอไทยก่อน เล่าอาการและข้อสงสัยเรื่องในสมองให้เค้าฟัง หมอไทยบอกว่าให้ไปโรงพยาบาลด่วนเลย ประทับใมาก....ที่ประกันจะเป็นคนหาและประสานกับโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและมีศักยภาพในดูแลผู้ป่วยได้ เค้าก็โทรมาให้เรานั่ง taxi ไป รพ.ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก โดยเราให้โรงแรมโทรเรียก taxi ให้(เป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่โรงแรมพูดถึง) เมื่อไปถึง ER ตอนเที่ยงคืน ยื่น passport กรอกแบบฟอร์มเพื่อจะทำบัตร รพ. โดยที่เค้ามีข้อมูลของผู้ป่วยหมดแล้ว (ไม่ต้องเสียเวลาตอบว่าเป็นอะไรมา จะมารักษาอะไร ) จากนั้นเราก็ได้พบกับหมอ EP ซักประวัติผ่านล่ามพูดอังกฤษที่รพ.โทรติดต่อเอง หมอให้ทำ CT scan ผลพบมีเลือดออกแต่ไม่มากและมีสมองบวม จึงตามหมอ neuro surg ทันที 02.30 หมอก็มา ซักประวัติอีกรอบ ดูผลเจาะเลือด X ray ,CT แล้วบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเค้าจะ CT scan อีกรอบ คืนนี้กลับไปก่อนพรุ่งนี้บ่าย 2 มาใหม่นะ ต้องนอน ICU ใช่ไหมเราถาม ใช่! กลั้นน้ำตาไม่อยู่.......
กลับถึง รร ตอน 03.45 น. นอนไม่หลับ น้ำตาไหล กลัวว่าคุณสามีจะเอาชีวิตมาทิ้งที่ญี่ปุ่น ยิ่งตอนคุยกับหมอไทยเค้าบอกว่ากรณีที่เป็นโรคเดิมที่เคยเป็น ประกันอาจไม่คุ้มครอง หรือ เบิกได้น้อย ซึ่งต้องรอให้ฝ่ายสินไหมเป็นคนประเมิน ทำให้เรายิ่งเครียดไปอีก จึงลุกขึ้นมาตั้งกระทู้ถามในกลุ่มตะลอนเที่ยวญี่ปุ่นใน FB ซึ่งก็มีทั้งคนที่บอกว่าเบิกได้กับเบิกไม่ได้ รวมทั้งได้รับกำลังใจมากมายและคำแนะนำดี ๆ เช่น ให้ติดต่อกงสุล เป็นต้น และที่สำคัญได้พบกับคนไทยใจดีที่อยู่ที่ Takayama 3 คนชื่อน้องไก่ น้องกิ๊ฟ และ น้องแจ็ค ที่ช่วยเหลือเราอย่างดียิ่ง: รพ.ที่ญี่ปุ่นไม่มี free wifi ซึ่งเราต้องใช้ wifi calling ในการติดต่อเรื่องต่าง ๆ , sim เบอร์มือถือที่ญี่ปุ่นไม่สามารถซื้อได้ง่าย ๆ แบบไทยจึงต้องใช้เบอร์มือถือของน้องไก่ในการให้ รพ.ติดต่อเราได้ตลอดที่อยู่ที่นั่น
เช้าวันที่สอง เราให้โรงแรมช่วยโทรฯ ยกเลิก bus ที่จะไป Shirakawago ,โรงแรมที่ Gero, Nagoya ( takayama hokuriku pass ใช้ไปแค่บางส่วน) และช่วยโทรไปสถานทูตไทยที่โตเกียวน้องทิพย์แนะนำเรื่องเอกสารที่ต้องใช้ในการใช้ต่อวีซ่า ประกันโทรมาถามถึงอาการและแจ้งว่าให้เราออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปก่อนแล้วเอาใบเสร็จมาเบิกทีหลัง วางสายแล้วเครียดทวีคูณ แต่คิดว่าต้องเอาชีวิตไว้ก่อน เงินค่อยหาใหม่ ถ้าเบิกไม่ได้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ล้านบาท ตอนบ่ายมีการทำ MRI+MRA, Angiography และเข้าห้องผ่าตัดเพื่อ exam เพิ่มเติม ค่ำนั้นหมอบอกว่าเจอสาเหตุของเลือดออกแล้ว และพบว่ามีเนื้องอก Meningioma ในสมองทำให้สมองบวม ซึ่งพรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งตัวไปยัง Gifu university hosp โดยทาง helicopter ซึ่งจะไปเฉพาะผู้ป่วยไปเท่านั้น เพราะมีพื้นที่จำกัด หรือ ไปด้วยรถ Ambulance ซึ่งจะมีหมอ+พยาบาล+เราจะไปด้วยกัน ให้เราเอากระเป๋าเดินทางมา รพ.ด้วยเลย
เช้าวันที่สามหมอประสานกับ Gifu hosp แล้วต้องส่งตัวทาง helicopter (ใจก็คิดว่าค่าใช้จ่ายน่าจะสูง แต่ก็ไม่เป็นไรถือเสียว่าซื้ออตั๋ว BC ให้เค้านั่งนะ) ซึ่งต้องขอบคุณน้องไก่... ที่อาสาขับรถพาเรามาส่งซึ่งห่างไป 140 กม ทำให้เราได้เซ็นใบยินยอมให้ผ่าตัดได้ทันถ่วงที เพื่อทำ coil embolization ส่วนเนื้องอกนั้นหมอที่ญี่ปุ่นให้กลับมาผ่าที่เมืองไทย (เราเช็ครอบรถไฟและรถบัสไว้แล้วซึ่งมีไม่ถี่) เพราะทาง รพ.โทรฯตามให้เรามาเร็วๆ เมื่อไปถึงแล้วทุกอย่างคือ เตรียมพร้อมหมดแล้ว อาจารย์หมอและทีมงานรอเราคนเดียว หลังเซ็นเสร็จเข็นสามีเข้าห้องผ่าตัดเลยใช้เวลา 1 ชมก็เสร็จ ให้นอน ICU 2 คืนแล้วย้ายลงมานอนเตียงสามัญแบบ 4 เตียงอีก 10 คืน รู้สึกโชคดีมากที่วันนั้นไม่มีพายุหิมะ helicopter ขึ้นบินได้ อาจารย์หมออยู่ และห้องผ่าตัดว่าง สรุปเราต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 9 คืน น้องสาวของคุณสามีพร้อมลูกชายก็ได้บินมาเยี่ยมและอยู่กับเรา 2 อาทิตย์ ทำให้คลายเครียดไปได้มาก
หลังจากนั้น Sompo ได้มีการประสานกับเราตลอดเรื่องรับเรากับสามีกลับไทยเพื่อรักษาต่อเนื่องซึ่งเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่คลอบคลุมอยู่ในประกัน ( อันนี้เราไม่ต้องเสียเงินเลย ไม่ได้รวมอยู่ใน 9 แสนสองที่เราได้รับนะ) วันสุดท้ายเราได้พบกับหมอ neuro med และพยาบาลจากไทย เพื่อประเมิน fit to fly ครั้งสุดท้าย รุ่งขึ้นเราทั้ง 4 คนนั่ง BC บินจาก Nagoya-BKK แล้วบินต่อเป็น premium eco BKK-UTH และมีรถ ambulance มารับ-ส่งทั้งที่ญี่ปุ่นและไทยตลอดทางเดินทาง สิ้นสุดที่พาคุณสามีมาส่งที่ ER ของโรงพยาบาล ต้องขอบคุณ Sompo จากใจจริง
ถึงไทยแล้วเราได้ส่งแบบฟอร์มเคลมซึ่งจะถามว่าใน 5 ปีที่ผ่านมาเคยผ่าตัดอะไรบ้าง ประวัติการรักษาทั้งหมด ใบเสร็จ ต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ค่าอาหารบางมื้อที่เรากินคนเดียว ค่าซื้อของกินใน super เป็นมื้อเช้า ค่าเต็มเงิน suica ที่เราใช้แตะบัตรขึ้นรถบัสไปเยี่ยมเค้าที่ รพ. ทุกวัน ค่าเติมเงินในมือถือ และเราได้ส่งใบรับรองการทำงานไปให้ด้วย รวมถึงใบเสร็จตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรมของน้องสาวด้วย ซึ่งค่ารักษาที่ Takayama hosp 19x,xxx บาท ส่วน Gifu university hosp หมดไป 67x,xxx บาท รวมแล้วค่ารักษาทั้งหมดอยู่ที่ 86x,xxx บาท ตอนนั้นเราต้องขอยืมเงินไทยจากน้องสาวของคุณสามีให้โอนเข้าบัญชีเราแล้วแตะจ่ายด้วย travel card (ซึ่งจะประหยัดไป 25,000 บาทเที่ยบกับจ่ายด้วย credit card)
รอบแรกเค้าให้ส่งเอกสารทุกอย่างทาง mail ก่อน จากนั้นถึงจะให้ส่งตัวจริงทางไปรษณีย์ ซึ่งเราส่งไปวันที่ 10 เมษา , 21 เมษาได้รับ mail แจ้งว่าฝ่ายสินไหมได้รับเอกสารทั้งหมดแล้ว, วันที่ 2 พค ได้รับ mail แจ้งว่าเงินจะเข้าให้ในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเงินก็ได้เข้าบัญชีเราเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ นอกจากค่ารักษาแล้วยังได้ค่าโทรศัพท์,ค่าชดเชยรายวันผู้ป่วยใน และค่าตั๋วเครืองบินและที่พักบางส่วนของน้องสาวของแฟนที่ได้บินมาเยี่ยมด้วย รวมทั้งหมด 922,xxx ต้องขอบคุณ Sompo มาก ๆ ค่ะ
ข้อดีที่เรานอนโรงแรมมี front 24 ชม.ที่ญี่ปุ่น คือทุกแห่งยินดีบช่วยโทรฯภายในประเทศให้เราทำให้สื่อสารง่ายและประหยัดค่าโทรฯไปเยอะ กรณีเจ็บป่วยทำให้เราไม่สามารถเข้าพักได้โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Nagoyaeki Sakuradoriguchi คืนเงินให้เราทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เราจ่ายเงินแล้วแบบ non-refund แถมยังช่วยเก็บกระเป๋าที่เราส่งไปจาก Osaka ให้เราอีก 12 วันฟรี และ Ooedo Onsen Monogatari Premium Gero Shinkan เราต้องจ่าย 30% ตามเงื่อนไข เค้า mail มาแจ้งว่าจะยกเว้นให้และหากหายดีแล้วอย่าลืมนึกถึงโรงแรมเราด้วยนะ
ตอนนี้คุณสามีได้ผ่าตัดเอาเนื้องอกออกเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ต้องฟื้นฟูร่างกายค่ะ
ประกันการเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีทุกครั้งที่เดินทางไม่ว่าจะเป็นทริปใกล้-ไกล สั้น-ยาวก็ตาม เพราะความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ หลังโควิดทุกครั้งที่ไปญี่ปุ่นเราจะซื้อของ Sompo เพราะคิดว่าเค้าเป็นเจ้าถิ่นน่าจะดูแลดี ติดต่อง่ายซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เราซื้อมาตลอด 20 กว่าปีที่เที่ยวเอง นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้สิทธิประกันการเดินทางค่ะ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Sompo , ขอบคุณน้องไก่ น้องกิ๊ฟ น้องแจ็ค, ขอบคุณน้องทิพย์ ,ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจและคำแนะนำที่ได้รับ , ขอบคุณ admin ที่มีพื้นที่ให้เราแบ่งปันประสบการณ์ หวังว่าเรื่องของเราจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกไม่มากก็น้อย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้