1. เป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้คุมอำนาจรัฐ ไม่ได้คุมงบประมาณ
ประชาชนมองจุดนี้ ว่าฝ่ายค้านช่วยพวกเขาได้เพียงคำอภิปรายในสภา
แต่ฝ่ายรัฐบาลสามารถระดมสรรพกำลังของส่วนราชการ และงบประมาณ
2. ขาดผู้นำที่มีเสน่ห์ทางการเมือง ส่วนใหญ่เป็นคนเก่งแนววิชาการ แต่สังคมไทยเลือกตัวบุคคล
บุคคลสำคัญกว่านโยบาย เพราะนโยบายบางอย่าง ทำไม่ได้ ประชาชนเข้าใจ
ผู้นำต้องเรียกศรัทธาจากประชาชนได้ และเป็นที่จดจำ
การปกครองไม่ได้ใช้แค่ข้อมูลเชิงคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ใช้ศิลปะการเชื่อมใจคน
3. ไม่สามารถอธิบายความเปลี่ยนแปลงที่จะสร้างขึ้นได้อย่างชัดเจน
เช่น ระบบเศรษฐกิจ กติกาทางสังคม กม. ที่จะผลักดัน การยกระดับคุณภาพชีวิต
ไม่เห็นภาพ ว่าจะนำพาไปทางไหน และอะไรคือสิ่งประกัน ว่า ทำได้
เนื่องจากพรรคประชาชนวางตำแหน่งแบรนด์ค่อนไปทางซ้ายจัด
ทำให้ไม่เป็นมิตรกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งหลายคนในนั้น ก็คือ หัวกะทิ
ของประเทศ ที่รอคอยการเมืองคุณภาพที่เสริมกำลังให้ภาคธุรกิจ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เช่นกัน
เหล่านี้ คือ โจทย์ ที่สำคัญ สำหรับการปรับตัวของพรรคประชาชน
ที่จะต้องดึงดูดคนรุ่นใหม่ และทำการเมืองให้เป็น safe zone
ไม่ใช่พื้นที่อันตราย ที่ขาดแรงจูงใจให้ คนเก่งคนดี (ไม่ใช่คนโลภ) กล้าเข้าสู่ระบบ
พรรคประชาชนจะชนะได้ ก็ต่อเมื่อ ทำการเมืองสีขาว ให้ได้อย่างทุ่มเท
มีวิธีการจัดการกับวิถีการเมืองแบบ ซื้อเสียง แล้วเข้าไปคอรัปชั่น
สามารถที่จะชี้ให้ประชาชนเห็นได้ว่า ผู้นำของท่าน ตัวแทนของท่าน
ต้องมีสมอง ไม่เห็นแก่ตัว สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม แต่ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า
ลองทาบทาม คนคุณภาพ อาทิ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นที่ปรึกษา
(ถ้าเชิญมา ก็ต้องยุติบทบาทสื่อมวลชน แล้วร่วมทำงานการเมือง)
เน้นการเมืองที่ใช้ตรรกะวิทยาศาสตร์ เหตุผล การออก กม ที่ทันสมัย
การสร้างสังคมรองรับคนรุ่นใหม่ Gen XYZ ซึ่งนั่นก็คือ ผู้เลือกตั้งกลุ่มใหญ่ในอนาคต
สาเหตุที่พรรคประชาชน ไม่ชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นปี 2568