ไม่แน่ใจว่าสามารถระบุชื่อบริษัทเลยได้ไหม แต่ขอย่อเพื่อความสบายใจละกัน
เราอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ และคิดว่าแบรนด์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับหมวด Restaurants (Fast food) เลยทำการสมัครกับสาขาที่อยู่ในลิขสิทธิ์
ในเรื่องของ Process งาน น่าสนใจมาก การทำแซนวิชเอย อบขนมปัง อบคุกกี้เอย เตรียมผักเอย คือสนุกมากๆๆๆ ได้คุยกับลูกค้า ได้เชียร์ขาย ได้คำนวนปิดสิ้นวันเอง
ความเข้มงวดก็ค่อนข้างเข้ม เนื่องจากจะมีทีมเข้าตรวจทุกไตรมาส เศษขนมปังแค่จึ๊งเดียวก็หักคะแนน วันหมดอายุวัตถุดิบต้องเขียนเป๊ะ แบบเป๊ะมากๆสะกดผิดตัวเดียว เป็นเรื่อง FoodSafety คือไว้ใจได้เลย
ในส่วนประสบการณ์กับสาขา
เราโชคร้ายไปหน่อย ไปอยู่ในสาขาที่ไม่ควรอยู่ ทีแรกเหมือนจะมีทิศทางการทำงานเดัยวกันกับหัวหน้า
พอตกลงปลงใจกันแล้ว เขาก็เริ่มบอกว่าเออ จะพาลูกหลานมาทำงานด้วย อย่าบอกใคร เพราะบริษัทไม่ให้ทำสาขาเดียวกัน ลูกเขาจะตรงๆหน่อย แต่"คุยได้บอกได้"
ในเรื่องการทำงาน เราพูดตรงๆว่าไม่ใช่คนเก่งสำหรับงานนี้ แต่ก็พอมีความสามารถจากงานอื่นๆมา ไม่ใช่ไม่มีไรดีเลย เวลาน้องๆบอกเราก็ฟัง แต่เวลาเราบอกน้องๆแทบไม่เคารพเลย
มันจะไม่เหนื่อยเลย ถ้าหัวหน้ามีการปกครองที่ดี แต่ก็ซวยอีก เรื่องอื่นพี่แกดีหมดยกเว้นการปกครองคนหมู่มาก เพราะไม่มีมาตรฐานแบบทีมเลย วิจารณ์เราว่าพูดไม่รู้เรื่อง คุยกับใครไม่รู้เรื่อง โอเค งั้นเวลามีเรื่องงาน ที่เราสื่อสารกับน้องไม่ถูก เราแจ้งพี่ละกัน เผื่อมีวิธีสื่อสารที่ดีกว่า สรุปพี่เอาไปพูดจาก 10 กลายเป็น 100 น้องเกลียดกูกว่าเดิมอีก
เคสที่ทำให้ตัดสินใจลาออก คือ เราพูดแบบโมโนโทนเลยว่า น้องยังไม่รู้จีกโปรเหรอพี่ ทำไมถึงถามเรื่องเมนู พี่แกเดินไปด่าข้างหน้าเลยทีนี่ ก็เรียบร้อย การสื่อสารที่ดีและรู้เรื่องที่สุดคือการด่าสินะ
แต่มันจะไม่แย่เท่าไหร่ ถ้าไม่ไปด่าแกํงลุกเทวดา ด่าเสร็จโบ้ยมาว่าให้เคลียร์กับเราเอา ก็เอ้า
ชีก็มาเลย หนูนั่นนี่ๆ นี่ก็สอนไปว่า " มันทวนได้นะ ว่าที่คุยเรื่องเมนูไว้ เป็นของโปรโมชันอะไร " ซึ่งไม่ได้พูดด้วยการด่าเลย เพราะไม่ได้อยากทะเลาะ แต่ชีโกรธ โกรธมาก กระฟัดกระเฟียด พูดประชดเราเหมือนเด็กทะเลาะกับพ่อแม่เรื่องกลับบ่านเกินเคอร์ฟิว
ฉันก็ถอนใจ เพราะเหนื่อยมากละ
อิพี่มาเลยทีนี้ เดินมาเหวี่ยง พี่ก็ยังงี้ๆสิคะ เสร็จแล้ววิจารณ์เราต่อ ฟีลแบบถ้ากุไม่ดีต้องไม่ดีกว่า ไม่เน้นเนื้อหา เน้นด่าเร็วและเสียงดัง
แล้วมีการพาล "พี่ไม่ชอบให้ใครพูดลับหลังไม่ใช่เหรอ แล้วพี่ทำทำไม" ฉันก็เอ้าเลย ในใจแบบ กูถามหัวหน้า แถมเปนแม่ มันไม่ใช่การนินทาลับหลังไหม แค่ถามว่าน้องไม่รู้โปรเหรอ นินทายังไงวะ
ปิดจบด้วย "อ่ะฮ้ะๆ งั้นหนูก็ต้องขอโทษด้วยนะคะพั่" จีบปากจีบคอ ยิ้มแบบขนสตอเบอรี่มาทั้งสวน แบบที่ไม่ควรทำใส่คนอื่น
ตอนนั้นว่าอึ้งแล้วนะ หันไปถามหัวหน้าที่ทำเมิน ว่าอันนี้ปกติเหรอ ชีหันกลับมาตอบ'ก็ปกตินะ ปกติมันก็ทำกับพี่แบบนี้ พี่ชิน'
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดมาครั้งนึงแล้ว เราไม่รอให้มีครั้งที่สาม เคยพยายามอ่อนให้ พยายามเข้าใจว่ายังเด็ก อาจมีปมเรื่องการพิสูจน์ตัวเอง เรื่องไหนขอโทษได้คือขอโทษก่อน เพราะเคยเรียกมาคุยไพรเวทแล้วน้องมีทีท่าระแวง เหมือนทำตัวกระด้างเพื่อปกป้องตัวเองเฉยๆ
แต่เราไม่มีเวลาชีวิตมาเซฟความรู้สึกคนอื่นได้ขนาดนั้น
เราเขียนใบลาออกแบบแสบทรวงและโทรแจ้งเขต หน.ก็โทรตามมาว่าแน่จริงก็มาเคลืยร์ บอกแต่แรกแล้วว่าลูกเขาเปนแบบนี้ ก็สอนมันสิ นี่ก็สวนไปว่า'มันแคร์ที่ไหน กับแม่พ่วงตำแหน่งหัวหน้ามันยังไม่แคร์เลย เพื่อนร่วมงานจะไปเหลืออะไร มันเปนหน้าที่ครอบครัวไหมที่ตน้องสอนการอยุ่ร่วมกับสังคม'
เราเกือบเสียความมั่นใจ โชคดีที่ยังมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่คอยให้กำลังใจ ที่คอยเตือนด้วยความหวังดี ที่คอบรับฟังและโทรมาถามไถ่เรื่อบๆ และช่วยแนะนำงานอื่นๆให้ บางคนมีการอัดเสียงเตรียมส่งให้เขตเพราะเห็นว่าเราเจอเรื่องที่ไม่แฟร์ บางคนพร้อมให้ข้อมูลและพร้อมออกด้วย คือทุกคนกล้าหาญมากๆ รู้สึกขอบคุณจริงๆ
พูดมาถึงตรงนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า ทุกแบรนด์มีแบบนี้เหมือนกันหมด ใครเจอหนักกว่านี้ เสียใจด้วยจริงๆ ถ้าออกได้ก็ออก ศีลไม่เสมอกันก็อย่าไปฝืนอยู่
เรามาเล่าในมุมเรา แค่สิ่งที่เราเจอ ไม่ได้แปลว่าคนที่เราพูดถึงไม่ดีซะทังหมด แต่ละคนเจอเรื่องลำบากมาไม่เหมือนกัน อ่านแล้วก็อย่าได้มีอารมณ์ร่วม อยากให้ พิจารณาไว้เผิ่อคิดจะไปสมัครงาน
พนักงานก็แค่ฟันเฟืองเล็กๆ หายไปก็หาใหม่ บริษัทเขามองแค่ภาพรวมและตัวเล็ก ระบบมันเป็นแบบนี้จริงๆ
เราไม่คิดเสียเวลาจะย้ายสาขา หรือคาดหวังฟัดแบ็คที่รายงาน และไม่คิดใช้บริการแบรนด์นี้อีก เพราะรู้สึกขยาด ชวนให่นึกถึงประสบการณ์อิหยังว๊ะ
ประสบการณ์การทำงานแบรนด์แซนวิช โรงพยาบาลแถวรามอินทรา
เราอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ และคิดว่าแบรนด์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับหมวด Restaurants (Fast food) เลยทำการสมัครกับสาขาที่อยู่ในลิขสิทธิ์
ในเรื่องของ Process งาน น่าสนใจมาก การทำแซนวิชเอย อบขนมปัง อบคุกกี้เอย เตรียมผักเอย คือสนุกมากๆๆๆ ได้คุยกับลูกค้า ได้เชียร์ขาย ได้คำนวนปิดสิ้นวันเอง
ความเข้มงวดก็ค่อนข้างเข้ม เนื่องจากจะมีทีมเข้าตรวจทุกไตรมาส เศษขนมปังแค่จึ๊งเดียวก็หักคะแนน วันหมดอายุวัตถุดิบต้องเขียนเป๊ะ แบบเป๊ะมากๆสะกดผิดตัวเดียว เป็นเรื่อง FoodSafety คือไว้ใจได้เลย
ในส่วนประสบการณ์กับสาขา
เราโชคร้ายไปหน่อย ไปอยู่ในสาขาที่ไม่ควรอยู่ ทีแรกเหมือนจะมีทิศทางการทำงานเดัยวกันกับหัวหน้า
พอตกลงปลงใจกันแล้ว เขาก็เริ่มบอกว่าเออ จะพาลูกหลานมาทำงานด้วย อย่าบอกใคร เพราะบริษัทไม่ให้ทำสาขาเดียวกัน ลูกเขาจะตรงๆหน่อย แต่"คุยได้บอกได้"
ในเรื่องการทำงาน เราพูดตรงๆว่าไม่ใช่คนเก่งสำหรับงานนี้ แต่ก็พอมีความสามารถจากงานอื่นๆมา ไม่ใช่ไม่มีไรดีเลย เวลาน้องๆบอกเราก็ฟัง แต่เวลาเราบอกน้องๆแทบไม่เคารพเลย
มันจะไม่เหนื่อยเลย ถ้าหัวหน้ามีการปกครองที่ดี แต่ก็ซวยอีก เรื่องอื่นพี่แกดีหมดยกเว้นการปกครองคนหมู่มาก เพราะไม่มีมาตรฐานแบบทีมเลย วิจารณ์เราว่าพูดไม่รู้เรื่อง คุยกับใครไม่รู้เรื่อง โอเค งั้นเวลามีเรื่องงาน ที่เราสื่อสารกับน้องไม่ถูก เราแจ้งพี่ละกัน เผื่อมีวิธีสื่อสารที่ดีกว่า สรุปพี่เอาไปพูดจาก 10 กลายเป็น 100 น้องเกลียดกูกว่าเดิมอีก
เคสที่ทำให้ตัดสินใจลาออก คือ เราพูดแบบโมโนโทนเลยว่า น้องยังไม่รู้จีกโปรเหรอพี่ ทำไมถึงถามเรื่องเมนู พี่แกเดินไปด่าข้างหน้าเลยทีนี่ ก็เรียบร้อย การสื่อสารที่ดีและรู้เรื่องที่สุดคือการด่าสินะ
แต่มันจะไม่แย่เท่าไหร่ ถ้าไม่ไปด่าแกํงลุกเทวดา ด่าเสร็จโบ้ยมาว่าให้เคลียร์กับเราเอา ก็เอ้า
ชีก็มาเลย หนูนั่นนี่ๆ นี่ก็สอนไปว่า " มันทวนได้นะ ว่าที่คุยเรื่องเมนูไว้ เป็นของโปรโมชันอะไร " ซึ่งไม่ได้พูดด้วยการด่าเลย เพราะไม่ได้อยากทะเลาะ แต่ชีโกรธ โกรธมาก กระฟัดกระเฟียด พูดประชดเราเหมือนเด็กทะเลาะกับพ่อแม่เรื่องกลับบ่านเกินเคอร์ฟิว
ฉันก็ถอนใจ เพราะเหนื่อยมากละ
อิพี่มาเลยทีนี้ เดินมาเหวี่ยง พี่ก็ยังงี้ๆสิคะ เสร็จแล้ววิจารณ์เราต่อ ฟีลแบบถ้ากุไม่ดีต้องไม่ดีกว่า ไม่เน้นเนื้อหา เน้นด่าเร็วและเสียงดัง
แล้วมีการพาล "พี่ไม่ชอบให้ใครพูดลับหลังไม่ใช่เหรอ แล้วพี่ทำทำไม" ฉันก็เอ้าเลย ในใจแบบ กูถามหัวหน้า แถมเปนแม่ มันไม่ใช่การนินทาลับหลังไหม แค่ถามว่าน้องไม่รู้โปรเหรอ นินทายังไงวะ
ปิดจบด้วย "อ่ะฮ้ะๆ งั้นหนูก็ต้องขอโทษด้วยนะคะพั่" จีบปากจีบคอ ยิ้มแบบขนสตอเบอรี่มาทั้งสวน แบบที่ไม่ควรทำใส่คนอื่น
ตอนนั้นว่าอึ้งแล้วนะ หันไปถามหัวหน้าที่ทำเมิน ว่าอันนี้ปกติเหรอ ชีหันกลับมาตอบ'ก็ปกตินะ ปกติมันก็ทำกับพี่แบบนี้ พี่ชิน'
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดมาครั้งนึงแล้ว เราไม่รอให้มีครั้งที่สาม เคยพยายามอ่อนให้ พยายามเข้าใจว่ายังเด็ก อาจมีปมเรื่องการพิสูจน์ตัวเอง เรื่องไหนขอโทษได้คือขอโทษก่อน เพราะเคยเรียกมาคุยไพรเวทแล้วน้องมีทีท่าระแวง เหมือนทำตัวกระด้างเพื่อปกป้องตัวเองเฉยๆ
แต่เราไม่มีเวลาชีวิตมาเซฟความรู้สึกคนอื่นได้ขนาดนั้น
เราเขียนใบลาออกแบบแสบทรวงและโทรแจ้งเขต หน.ก็โทรตามมาว่าแน่จริงก็มาเคลืยร์ บอกแต่แรกแล้วว่าลูกเขาเปนแบบนี้ ก็สอนมันสิ นี่ก็สวนไปว่า'มันแคร์ที่ไหน กับแม่พ่วงตำแหน่งหัวหน้ามันยังไม่แคร์เลย เพื่อนร่วมงานจะไปเหลืออะไร มันเปนหน้าที่ครอบครัวไหมที่ตน้องสอนการอยุ่ร่วมกับสังคม'
เราเกือบเสียความมั่นใจ โชคดีที่ยังมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่คอยให้กำลังใจ ที่คอยเตือนด้วยความหวังดี ที่คอบรับฟังและโทรมาถามไถ่เรื่อบๆ และช่วยแนะนำงานอื่นๆให้ บางคนมีการอัดเสียงเตรียมส่งให้เขตเพราะเห็นว่าเราเจอเรื่องที่ไม่แฟร์ บางคนพร้อมให้ข้อมูลและพร้อมออกด้วย คือทุกคนกล้าหาญมากๆ รู้สึกขอบคุณจริงๆ
พูดมาถึงตรงนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า ทุกแบรนด์มีแบบนี้เหมือนกันหมด ใครเจอหนักกว่านี้ เสียใจด้วยจริงๆ ถ้าออกได้ก็ออก ศีลไม่เสมอกันก็อย่าไปฝืนอยู่
เรามาเล่าในมุมเรา แค่สิ่งที่เราเจอ ไม่ได้แปลว่าคนที่เราพูดถึงไม่ดีซะทังหมด แต่ละคนเจอเรื่องลำบากมาไม่เหมือนกัน อ่านแล้วก็อย่าได้มีอารมณ์ร่วม อยากให้ พิจารณาไว้เผิ่อคิดจะไปสมัครงาน
พนักงานก็แค่ฟันเฟืองเล็กๆ หายไปก็หาใหม่ บริษัทเขามองแค่ภาพรวมและตัวเล็ก ระบบมันเป็นแบบนี้จริงๆ
เราไม่คิดเสียเวลาจะย้ายสาขา หรือคาดหวังฟัดแบ็คที่รายงาน และไม่คิดใช้บริการแบรนด์นี้อีก เพราะรู้สึกขยาด ชวนให่นึกถึงประสบการณ์อิหยังว๊ะ