สิงคโปร์สั่งซื้อเรือดำน้ำ Type 218SG เพิ่มอีก 2 ลำจากเยอรมนี

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 บริษัท Thyssenkrupp Marine Systems (tkMS) ผู้นำด้านการต่อเรือรบจากเยอรมนี ได้ลงนามในสัญญาฉบับใหม่กับสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหมของสิงคโปร์ (DSTA) เพื่อจัดหาเรือดำน้ำ Type 218SG เพิ่มอีก 2 ลำ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ หากยังเป็นการยกระดับขีดความสามารถของกองทัพเรือสิงคโปร์ (RSN) จากเดิมที่มีอยู่ 4 ลำ เป็น 6 ลำ ตอกย้ำบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ในภูมิภาคที่ความมั่นคงทางทะเลกำลังเผชิญความท้าทายมากขึ้น
บริษัท tkMS ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองคีล ทางตอนเหนือของเยอรมนี ถือเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม thyssenkrupp AG ยักษ์ใหญ่ในแวดวงอุตสาหกรรมของประเทศ ด้วยชื่อเสียงระดับโลกด้านการผลิตเรือรบแบบไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยเฉพาะเรือดำน้ำที่ผสานเทคโนโลยีล้ำยุคเข้ากับการออกแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้าทั่วโลก
การซื้อเรือดำน้ำครั้งล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสิงคโปร์ที่จะรักษาความได้เปรียบด้านยุทธวิธีใต้ทะเล ท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่คึกคักในน่านน้ำเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะบริเวณทะเลจีนใต้ที่มักเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง ด้วยเส้นทางเดินเรือที่สำคัญตัดผ่านและการแข่งขันทางอำนาจที่ทวีความเข้มข้น เรือดำน้ำจึงกลายเป็นหมากตัวสำคัญที่ช่วยให้สิงคโปร์สามารถยืนหยัดอยู่ในเกมได้อย่างมั่นคง
ในปัจจุบัน RSN ใช้งานเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า (SSK) จำนวน 4 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเรือคลาส Archer ที่ได้มาจากสวีเดน และเรือ Type 218SG จำนวน 2 ลำ โดยเรือคลาส Archer นั้นเดิมเป็นเรือ Västergötland ของกองทัพเรือสวีเดน ก่อนจะถูกดัดแปลงใหม่อย่างครอบคลุม เพิ่มระบบขับเคลื่อนแบบ AIP ด้วยเครื่องยนต์สเตอร์ลิง พร้อมติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโดหลากหลายขนาด สำหรับการยิงอาวุธทั้งเบาและหนัก
แต่ที่เป็นหัวใจหลักของกองเรือในปัจจุบันและอนาคต คือเรือ Type 218SG ที่ได้รับการออกแบบโดย tkMS เพื่อให้ตอบโจทย์สภาพแวดล้อมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งน้ำลึก น้ำตื้น และน้ำที่มีเสียงรบกวนสูง โดยดัดแปลงจาก Type 214 ให้มีคุณสมบัติเรื่องการพรางตัวและการอยู่รอดที่เหนือกว่า
เรือแต่ละลำติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 8 ท่อ ซึ่งรองรับตอร์ปิโดหนัก Black Shark รุ่นใหม่ พร้อมความสามารถในการวางทุ่นระเบิด ยิงยานใต้น้ำไร้คนขับ และปล่อยหน่วยรบพิเศษได้ จึงเสริมภารกิจด้าน ISR ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นข่าวกรอง การลาดตระเวน หรือการเฝ้าระวังเป้าหมาย

จุดเด่นของ Type 218SG ยังอยู่ที่ระบบ AIP ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง ทำให้สามารถดำน้ำต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ ซึ่งเพิ่มความลับและการพรางตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ โครงสร้างเรือเองก็ถูกออกแบบมาให้ทนแรงดันสูงและเคลื่อนที่ได้อย่างเงียบในสภาพแวดล้อมใต้น้ำเขตร้อนที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน
ระบบการจัดการการรบภายในเรือก็ล้ำสมัยไม่แพ้กัน โดยพัฒนาโดย DSTA ร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยระบบโซนาร์หลากหลายประเภท เช่น โซนาร์ด้านข้าง โซนาร์พาสซีฟ แอ็คทีฟ และโซนาร์แบบลากจูง ครบเครื่องทั้งด้านการตรวจจับ การระบุ และการติดตามเป้าหมายในทุกระดับเสียง
การขยายกำลังเรือดำน้ำในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ tkMS มีคำสั่งซื้อถล่มทลาย คิดเป็นมูลค่ากว่า 16,000 ล้านยูโร เรือที่สร้างให้สิงคโปร์จะผลิตในอู่เมืองคีล ซึ่งแม้จะมีโครงการใหญ่ที่ต้องดำเนินอยู่แล้ว เช่น เรือ Type 212CD สำหรับเยอรมนีและเรือตัดน้ำแข็ง Polarstern ลำใหม่ แต่ tkMS ก็ยังคงสามารถเดินหน้าตามกำหนดได้
นอกจากความสามารถในการใช้งานโดยตรงแล้ว การจัดซื้อเรือครั้งนี้ยังสะท้อนวิสัยทัศน์ระยะยาวของสิงคโปร์ที่ต้องการเพิ่มบทบาทของตนในภูมิภาค เรือดำน้ำจึงไม่ใช่แค่เพียงยุทโธปกรณ์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของพลังที่เงียบแต่หนักแน่น ช่วยให้สามารถป้องกันผลประโยชน์ของประเทศได้ในยามเกิดวิกฤตโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัว
ด้วยการเสริมเรือ Type 218SG อีกสองลำ สิงคโปร์กำลังก้าวสู่การมีหนึ่งในกองเรือดำน้ำที่ล้ำหน้าและเปี่ยมประสิทธิภาพที่สุดในเอเชียภายในปี 2030 ไม่เพียงเพื่อปกป้องอธิปไตยของตน แต่ยังเพื่อมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางทะเลของภูมิภาค ผ่านศักยภาพในการป้องปราม การประสานงาน และการเข้าร่วมในปฏิบัติการพหุภาคีที่ซับซ้อนอย่างมืออาชีพ
การตัดสินใจเดินหน้าอย่างมั่นคงในด้านสงครามใต้น้ำจึงเป็นมากกว่าการซื้อยุทโธปกรณ์ แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า สิงคโปร์พร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งความมั่นคงทางทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

🔴 สิงคโปร์สั่งซื้อเรือดำน้ำ Type 218SG เพิ่มอีก 2 ลำจากเยอรมนี
บริษัท tkMS ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองคีล ทางตอนเหนือของเยอรมนี ถือเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม thyssenkrupp AG ยักษ์ใหญ่ในแวดวงอุตสาหกรรมของประเทศ ด้วยชื่อเสียงระดับโลกด้านการผลิตเรือรบแบบไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยเฉพาะเรือดำน้ำที่ผสานเทคโนโลยีล้ำยุคเข้ากับการออกแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้าทั่วโลก
การซื้อเรือดำน้ำครั้งล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสิงคโปร์ที่จะรักษาความได้เปรียบด้านยุทธวิธีใต้ทะเล ท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่คึกคักในน่านน้ำเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะบริเวณทะเลจีนใต้ที่มักเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง ด้วยเส้นทางเดินเรือที่สำคัญตัดผ่านและการแข่งขันทางอำนาจที่ทวีความเข้มข้น เรือดำน้ำจึงกลายเป็นหมากตัวสำคัญที่ช่วยให้สิงคโปร์สามารถยืนหยัดอยู่ในเกมได้อย่างมั่นคง
ในปัจจุบัน RSN ใช้งานเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า (SSK) จำนวน 4 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเรือคลาส Archer ที่ได้มาจากสวีเดน และเรือ Type 218SG จำนวน 2 ลำ โดยเรือคลาส Archer นั้นเดิมเป็นเรือ Västergötland ของกองทัพเรือสวีเดน ก่อนจะถูกดัดแปลงใหม่อย่างครอบคลุม เพิ่มระบบขับเคลื่อนแบบ AIP ด้วยเครื่องยนต์สเตอร์ลิง พร้อมติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโดหลากหลายขนาด สำหรับการยิงอาวุธทั้งเบาและหนัก
แต่ที่เป็นหัวใจหลักของกองเรือในปัจจุบันและอนาคต คือเรือ Type 218SG ที่ได้รับการออกแบบโดย tkMS เพื่อให้ตอบโจทย์สภาพแวดล้อมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งน้ำลึก น้ำตื้น และน้ำที่มีเสียงรบกวนสูง โดยดัดแปลงจาก Type 214 ให้มีคุณสมบัติเรื่องการพรางตัวและการอยู่รอดที่เหนือกว่า
เรือแต่ละลำติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 8 ท่อ ซึ่งรองรับตอร์ปิโดหนัก Black Shark รุ่นใหม่ พร้อมความสามารถในการวางทุ่นระเบิด ยิงยานใต้น้ำไร้คนขับ และปล่อยหน่วยรบพิเศษได้ จึงเสริมภารกิจด้าน ISR ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นข่าวกรอง การลาดตระเวน หรือการเฝ้าระวังเป้าหมาย
ระบบการจัดการการรบภายในเรือก็ล้ำสมัยไม่แพ้กัน โดยพัฒนาโดย DSTA ร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยระบบโซนาร์หลากหลายประเภท เช่น โซนาร์ด้านข้าง โซนาร์พาสซีฟ แอ็คทีฟ และโซนาร์แบบลากจูง ครบเครื่องทั้งด้านการตรวจจับ การระบุ และการติดตามเป้าหมายในทุกระดับเสียง
การขยายกำลังเรือดำน้ำในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ tkMS มีคำสั่งซื้อถล่มทลาย คิดเป็นมูลค่ากว่า 16,000 ล้านยูโร เรือที่สร้างให้สิงคโปร์จะผลิตในอู่เมืองคีล ซึ่งแม้จะมีโครงการใหญ่ที่ต้องดำเนินอยู่แล้ว เช่น เรือ Type 212CD สำหรับเยอรมนีและเรือตัดน้ำแข็ง Polarstern ลำใหม่ แต่ tkMS ก็ยังคงสามารถเดินหน้าตามกำหนดได้
นอกจากความสามารถในการใช้งานโดยตรงแล้ว การจัดซื้อเรือครั้งนี้ยังสะท้อนวิสัยทัศน์ระยะยาวของสิงคโปร์ที่ต้องการเพิ่มบทบาทของตนในภูมิภาค เรือดำน้ำจึงไม่ใช่แค่เพียงยุทโธปกรณ์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของพลังที่เงียบแต่หนักแน่น ช่วยให้สามารถป้องกันผลประโยชน์ของประเทศได้ในยามเกิดวิกฤตโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัว
ด้วยการเสริมเรือ Type 218SG อีกสองลำ สิงคโปร์กำลังก้าวสู่การมีหนึ่งในกองเรือดำน้ำที่ล้ำหน้าและเปี่ยมประสิทธิภาพที่สุดในเอเชียภายในปี 2030 ไม่เพียงเพื่อปกป้องอธิปไตยของตน แต่ยังเพื่อมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางทะเลของภูมิภาค ผ่านศักยภาพในการป้องปราม การประสานงาน และการเข้าร่วมในปฏิบัติการพหุภาคีที่ซับซ้อนอย่างมืออาชีพ
การตัดสินใจเดินหน้าอย่างมั่นคงในด้านสงครามใต้น้ำจึงเป็นมากกว่าการซื้อยุทโธปกรณ์ แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า สิงคโปร์พร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งความมั่นคงทางทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้