.

.

ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ตลาดสดเทศบาล 2 เทศบาลเมืองอุทัยธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เพื่อตรวจสอบราคาว่าถูกแพงอย่างไร ซึ่งพบว่าราคาเนื้อหมูชิ้นส่วนต่าง ๆ ราคานับว่ายังแพงอยู่ เช่น เนื้อหมูสามชั้น สันคอหมู ราคากิโลกรัม 220 บาท เนื้อหมูสันนอกราคากิโลกรัมละ 190 บาท เนื้อหมูบด ซี่โครง สะโพก ขาหมู ราคากิโลกรัมละ 180 บาท

.
ส่วนราคาผักสดจากการสอบถามแม่ค้า พบว่าราคาผักสดทุกอย่างยังอยู่ในราคาที่ปกติไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด จะมีแพงที่สุดก็คือมะนาวราคาลูกละ 3 – 4 บาท แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มาในช่วงเดียวกันจะแพงกว่านี้ถึงลูกละ 7 – 8 บาท ราคามะนาวถูกลงกว่าครึ่ง
.
ซึ่งบรรดา พ่อค้า แม่ค้า ทั้งเขียงหมู ผักสด และร้านค้าต่างๆ ในตลาดสดดังกล่าว ต่างบ่นกันอุบว่าการค้าขายไม่ดีเอาเสียเลย อย่างเนื้อหมูมีราคาแพงก็อาจจะเข้าใจได้ว่าประชาชนจะต้องประหยัดค่าใจจ่ายแต่ราคา ผักสด และอื่น ๆ ก็ขายราคากันตามปกติ แต่ตลาดกับเงียบเหงาเป็นป่าช้า แทบจะไม่มีลูกค้าเดินกันด้วยซ้ำ พ่อค้า แม่ค้า นั่งเหงาและนั่งตบยุงกันเพลิน ส่วนลูกค้าที่มาเดินจับจ่ายก็ซื้อเท่าที่จำเป็นให้พอกับทำกับข้าวกันแต่ละมื้อแต่ละวันเท่านั้น พ่อค้า แม่ค้า พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจปีนี้ถือว่าย่ำแย่ที่สุด รัฐบาลไม่ทำตามที่หาเสียงเอาไว้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่เคยพูดตอนหาเสียงว่าหากได้เป็นรัฐบาล “ประชาชน มีกินมีใช้ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมๆ กัน” แต่กับไม่เป็นอย่างที่หาเสียง ทั้งที่เป็นรัฐบาลมานานพอสมควรแล้ว
.
ในขณะแม่ค้าแผงผักรายหนึ่งบอกว่าขายของกันไม่ดีเลย แทบจะไม่มีคนเดินจับจ่ายซื้อของ ถ้าเป็นอย่างนี้คงแย่แน่ และจะอยู่กันไม่ได้ตายยกแผงหมด วอนให้รัฐบาลเร่งแก้ไขมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำให้กับเกษตรกรชาวนา เพราะถ้าข้าวราคาดี สินค้าเกษตรอย่างอื่นราคาดี เกษตรกรมีรายได้ ก็จะเป็นผลพวงให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามมา

.

.

.

เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค. 68 เพจ CSI LA ออกมาแฉขบวนการซื้อเสียงกลางเมืองกาฬสินธุ์ หัวละ 3,000 บาท โดยโพสต์ภาพแชตที่ประชาชนแจ้งข้อมูลเข้ามา พร้อมระบุว่า มีประชาชนหลายรายส่งข้อมูลเข้ามาร้องเรียนว่า การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีครั้งนี้ในจังหวัดกาฬสินธุ์ มีการ “แจกเงินซื้อเสียง” กันอย่างมโหฬาร

.

โดยทางเพจให้ข้อมูลว่า กลุ่มที่อ้างว่ามี “สจ.888” สนับสนุน ได้แจกเงินประชาชน หัวละ 3,000 บาท เพื่อแลกกับการเลือกเบอร์

.

แหล่งข่าวบอกกับ CSI LA ว่า การแจกเงินเริ่มเป็นระบบ “โซนบ้าน” มีการจ่ายแล้วในบางพื้นที่ เมืองใหญ่บางแห่งยังไม่เคยแจกหนักขนาดนี้ ชาวบ้านธรรมดาที่สนับสนุนด้วยความตั้งใจ กลับเสียเปรียบคนที่ “ฟอกเงินมาซื้อคะแนน”

.

CSI LA จึงตั้งคำถามถึงหน่วยงานรัฐว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีความยุติธรรมเหลืออยู่หรือไม่? ทำไมหน่วยงานตรวจสอบไม่เข้าไปดำเนินการ? มีหลักฐานชัดเจนทั้งข้อความและภาพ — จะปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นเพียงเกมของคนมีเงินหรือ?

.

https://www.facebook.com/CSILA90210/posts/pfbid0b81YSR3bCGqZNBVa7YQsSzLXN2okyFRcF24VHYHrewjKH3AV5Dw6oTu5RYSnbuBxl

.

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กล่าวถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือน และพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ทั้งหมด 3 ราย โดยมีรายงานว่า 2 ใน 3 ของแพทย์ที่ถูกลงโทษเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวจากทางสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่ได้สั่งการให้กองวินัย เตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหากมีการแจ้งเรื่องมาอย่างเป็นทางการ โดยตามขั้นตอนปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีการแจ้งเรื่องเข้ามายังฝ่ายวินัย จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ให้ทางกองวินัยรับทราบและเตรียมพร้อมในการเสนอความเห็นแล้ว

.

"หากเป็นแพทย์ตำรวจที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ในส่วนของวิชาชีพแพทย์จะต้องหยุดปฏิบัติงานด้านการรักษาพยาบาลทันที และอาจมีการระงับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่งในวิชาชีพนั้นๆ ส่วนในด้านวินัยตำรวจ จะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่ามีความผิดทางวินัยในข้อใดบ้างตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบริหารวินัย" 

.
สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีการพักใบอนุญาต จะต้องมีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ทันที แต่ในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจ หากมีการกระทำผิดวินัยอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบ สำหรับประเด็นว่าจะมีการดำเนินคดีอาญาหรือไม่นั้น จะต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเข้ามาจึงจะสามารถดำเนินการได้ แต่ในส่วนของเรื่องวินัยนั้นจะต้องพิจารณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

.

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ไม่หนักใจเนื่องจากเป็นกระบวนการที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ส่งตัวนายทักษิณมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งโรงพยาบาลตำรวจ ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่  เมื่อแพทยสภามีผลการพิจารณาออกมา ก็ต้องนำผลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป