1) ต้นแบบ “บัตรทองอนาถา”
ต้นแบบของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเริ่มจากแนวคิด “การให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้ยากไร้” ก่อนปี 2538 ซึ่งมีการจัดบริการในลักษณะ “สงเคราะห์ผู้ยากจน” ไม่ใช่สิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง จึงเรียกติดปากว่า ‘บัตรอนาถา’ หรือ “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” แบบทดลองในบางจังหวัดก่อนปี 2544
⸻
2) รัฐบาลนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา (2538-2539)
•เป็นยุคของ การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (2540-2544)
•จุดเด่นคือ “ประชาชนมีส่วนร่วม” ในการกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศ
•มีเป้าหมายให้ “คนไทยมีสุขภาพดี มีการศึกษาขั้นพื้นฐานครบถ้วน และเข้าถึงบริการพื้นฐานทางสังคม”
•วางรากฐานแนวคิด “สวัสดิการถ้วนหน้า” ต่อมานำไปสู่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ
⸻
3) รัฐธรรมนูญ 2540 – ความเสียหายทางเศรษฐกิจ / ความก้าวหน้าทางโครงสร้าง
•รัฐบาลต้มยำกุ้ง 2539 -2540 กับวิกฤตต้มยำกุ้ง (2540) ซึ่งสร้างความเสียหายเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง
•รัฐธรรมนูญ 2540 ถือเป็น “จุดเปลี่ยนทางโครงสร้าง” ที่สำคัญ ในการเปลี่ยนประเทศไทย หลายประการ กรณีนี้สุขภาพ โดยบัญญัติให้ประชาชนมี สิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพ (มาตรา 52, 62, 82) และวางรากฐานให้เกิด องค์กรอิสระ เช่น สปสช.
⸻
4) รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชวน 2
•แม้ นายกฯ ชวน หลีกภัย ไม่รับข้อเสนอระบบ 30 บาทของ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เนื่องจากห่วงภาระต่อระบบแพทย์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในปัจจุบัน
•แต่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีชวน 2 มีบทบาทสำคัญคือการ ออกกฎหมายรองรับองค์กรอิสระในรูป “องค์การมหาชน”
•ส่งผลให้การจัดตั้ง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยสามารถเกิดขึ้นได้ตามรัฐธรรมนูญ 2540 หลังจากเข้าทำงานเพียง 1 ปี
⸻
5) รัฐบาลพรรคไทยรักไทย (2544–2549)
•เป็นรัฐบาลผลักดันและประกาศใช้ “พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545” อย่างเป็นทางการ
•เริ่มใช้ระบบ “30 บาทรักษาทุกโรค” อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ
•ใช้โครงสร้างรัฐธรรมนูญ 2540 และกฎหมายลูกที่เตรียมไว้โดยรัฐบาลก่อนหน้า หากต้องจัดทำรัฐธรรมนูญเ2540 และ กฎหมายองค์กรมหาชน อาจใช้เวลา มากกว่า 1 ปีในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในการผลักดันกฎหมายปี 2545 หรืออาจเป็นไปไม่ได้ ถ้าเปรียบเทียบรัฐบาลปัจจุบัน(2566-2568) ยังจัดทำรัฐธรรมนูญประชาชนไม่ได้
•ระบบที่สร้างขึ้นไม่ได้เกิดในสุญญากาศ แต่ต่อยอดจากแนวคิดและโครงสร้างทางกฎหมายที่มีอยู่
6) รัฐบาลต่อมา (นายกฯอภิสิทธิ์ – นายกฯยิ่งลักษณ์ – พลเอกประยุทธ์)
ทุกรัฐบาล มีบทบาทในการพัฒนาและปรับปรุงระบบบัตรทอง อย่างต่อเนื่อง
•รัฐบาลอภิสิทธิ์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร สปสช. และเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัว
•รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สนับสนุนการขยายสิทธิให้ผู้สูงอายุและผู้พิการ
•รัฐบาลประยุทธ์ ปรับระบบ Fast Track สำหรับโรคร้ายแรง และเพิ่มสิทธิ เช่น กรณีมะเร็ง
⸻
7) ตัวอย่างยุครัฐบาล พลเอก ประยุทธ์: รักษามะเร็ง วงเงิน 10,000 บาท
•ผู้ป่วยมะเร็งได้รับสิทธิเบิกจ่ายสูงสุด 10,000 บาทในการรักษาขั้นต้น
•สปสช. เปิด “Fast Track มะเร็ง” เร่งให้เข้าระบบรักษาเร็วขึ้น
•เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ระบบไม่ได้หยุดอยู่แค่ “30 บาทรักษาทุกโรค” แต่ พัฒนาต่อเนื่อง ตามยุคสมัยและนโยบายรัฐบาลแต่ละชุด
ประวัติความเป็นมา ด้านสุขภาพของพลเมืองไทยหรือบัตรทอง
ต้นแบบของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเริ่มจากแนวคิด “การให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้ยากไร้” ก่อนปี 2538 ซึ่งมีการจัดบริการในลักษณะ “สงเคราะห์ผู้ยากจน” ไม่ใช่สิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง จึงเรียกติดปากว่า ‘บัตรอนาถา’ หรือ “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” แบบทดลองในบางจังหวัดก่อนปี 2544
⸻
2) รัฐบาลนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา (2538-2539)
•เป็นยุคของ การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (2540-2544)
•จุดเด่นคือ “ประชาชนมีส่วนร่วม” ในการกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศ
•มีเป้าหมายให้ “คนไทยมีสุขภาพดี มีการศึกษาขั้นพื้นฐานครบถ้วน และเข้าถึงบริการพื้นฐานทางสังคม”
•วางรากฐานแนวคิด “สวัสดิการถ้วนหน้า” ต่อมานำไปสู่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ
⸻
3) รัฐธรรมนูญ 2540 – ความเสียหายทางเศรษฐกิจ / ความก้าวหน้าทางโครงสร้าง
•รัฐบาลต้มยำกุ้ง 2539 -2540 กับวิกฤตต้มยำกุ้ง (2540) ซึ่งสร้างความเสียหายเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง
•รัฐธรรมนูญ 2540 ถือเป็น “จุดเปลี่ยนทางโครงสร้าง” ที่สำคัญ ในการเปลี่ยนประเทศไทย หลายประการ กรณีนี้สุขภาพ โดยบัญญัติให้ประชาชนมี สิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพ (มาตรา 52, 62, 82) และวางรากฐานให้เกิด องค์กรอิสระ เช่น สปสช.
⸻
4) รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชวน 2
•แม้ นายกฯ ชวน หลีกภัย ไม่รับข้อเสนอระบบ 30 บาทของ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เนื่องจากห่วงภาระต่อระบบแพทย์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในปัจจุบัน
•แต่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีชวน 2 มีบทบาทสำคัญคือการ ออกกฎหมายรองรับองค์กรอิสระในรูป “องค์การมหาชน”
•ส่งผลให้การจัดตั้ง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยสามารถเกิดขึ้นได้ตามรัฐธรรมนูญ 2540 หลังจากเข้าทำงานเพียง 1 ปี
⸻
5) รัฐบาลพรรคไทยรักไทย (2544–2549)
•เป็นรัฐบาลผลักดันและประกาศใช้ “พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545” อย่างเป็นทางการ
•เริ่มใช้ระบบ “30 บาทรักษาทุกโรค” อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ
•ใช้โครงสร้างรัฐธรรมนูญ 2540 และกฎหมายลูกที่เตรียมไว้โดยรัฐบาลก่อนหน้า หากต้องจัดทำรัฐธรรมนูญเ2540 และ กฎหมายองค์กรมหาชน อาจใช้เวลา มากกว่า 1 ปีในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในการผลักดันกฎหมายปี 2545 หรืออาจเป็นไปไม่ได้ ถ้าเปรียบเทียบรัฐบาลปัจจุบัน(2566-2568) ยังจัดทำรัฐธรรมนูญประชาชนไม่ได้
•ระบบที่สร้างขึ้นไม่ได้เกิดในสุญญากาศ แต่ต่อยอดจากแนวคิดและโครงสร้างทางกฎหมายที่มีอยู่
6) รัฐบาลต่อมา (นายกฯอภิสิทธิ์ – นายกฯยิ่งลักษณ์ – พลเอกประยุทธ์)
ทุกรัฐบาล มีบทบาทในการพัฒนาและปรับปรุงระบบบัตรทอง อย่างต่อเนื่อง
•รัฐบาลอภิสิทธิ์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร สปสช. และเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัว
•รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สนับสนุนการขยายสิทธิให้ผู้สูงอายุและผู้พิการ
•รัฐบาลประยุทธ์ ปรับระบบ Fast Track สำหรับโรคร้ายแรง และเพิ่มสิทธิ เช่น กรณีมะเร็ง
⸻
7) ตัวอย่างยุครัฐบาล พลเอก ประยุทธ์: รักษามะเร็ง วงเงิน 10,000 บาท
•ผู้ป่วยมะเร็งได้รับสิทธิเบิกจ่ายสูงสุด 10,000 บาทในการรักษาขั้นต้น
•สปสช. เปิด “Fast Track มะเร็ง” เร่งให้เข้าระบบรักษาเร็วขึ้น
•เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ระบบไม่ได้หยุดอยู่แค่ “30 บาทรักษาทุกโรค” แต่ พัฒนาต่อเนื่อง ตามยุคสมัยและนโยบายรัฐบาลแต่ละชุด