คือตอนนี้ เรามีปัญหาความสัมพันธ์ ที่มีในเรื่องของ ศาสนา วัฒนธรรม และครอบครัวมาเกี่ยวข้อง + เราทั้งคู่เป็น lgbtq+
ขอโทษถ้าโพสต์ดูไม่น่าอ่านนะคะ ไม่เคยตั้งมาก่อน
ยาวมากด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า เรากับแฟนของเรา คบกันมาได้สักพัก แฟนเราเป็นคนต่างชาติ นับถือศาสนาต่างจากเรา
เราทั้งคู่ ทำงานในสถานที่เดียวกัน
แฟนของเราเป็นคนที่รัก และ ดีกับเรามากๆ แบบที่ไม่เคยได้รับที่ไหนมาก่อน
เค้าคือ ความรัก แบบที่ไม่ต้องร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทอง ความเข้าใจ เวลา
ความเอาใจใส่ หรือความโรแมนติกต่างๆ
ปัญหาของเรา ตั้งแต่เริ่มความสัมพันธ์(ที่ไม่ควรเริ่มตั้งแต่แรก)
คือเรื่องของครอบครัวฝ่ายเค้า ที่ไม่ทราบ ว่าเค้าเป็น lgbt
และเป็นเรื่องค่อนข้างร้ายแรง ในศาสนาและวัฒนธรรม ในประเทศเค้า (ซึ่งเป็นประเทศที่เรามาทำงานและอยู่ด้วยกันตอนนี้)
เราเคยบอกเค้าว่า ตั้งแต่เราเริ่มความสัมพันธ์
ว่าเราให้เวลาเค้านะ ในการค่อยๆเปิดใจกับครอบครัว แบบค่อยเป็นค่อยไป
เราจะอยู่ตรงนี้ อย่าไปแบบ บอกเค้าตู้มเดียว ค่อยๆทีละอย่าง
เราค่อนข้างโตแล้ว จะ 30 ด้วยกันทั้งคู่
เพราะเราต้องการสร้างชีวิตคู่ไปด้วยกัน เราอยากแต่งงาน อยากมีลูก
จะด้วยวิธีใดก็ตาม และไม่อยากปกปิดครอบครัวเค้า
ส่วนครอบครัวเรา ไม่ได้ว่า โอเค 100% แต่ก็ 70-80% เคารพการตัดสินใจของลูก
เพราะเราดูแลตัวเองและครอบครัวมาหลายปีแล้ว
แต่ในมุมของเค้า อายุจะ30 แล้ว แต่พึ่ง ออกจากบ้านมาทำงานที่เมืองอื่นเป็นครั้งแรก
อยู่ห่างจากครอบครัวครั้งแรก ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ไม่ค่อยมี
และยังคงติดกับครอบครัวมากๆ
ผ่านมาหลายเดือน จนเกือบปี
เค้าเปิดใจบอกพ่อครั้งแรก ว่าเค้าเป็น เกย์
พ่อร้องไห้ และคิดว่า ลูกป่วย ต้องการพาลูกไปหาหมอ
ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เค้าบอก และทิ้งห่างไปอีกหลายเดือน
ส่วนเรา พาเค้ามาไทย มาเจอครอบครัว ซึ่งครอบครัวเรา ให้การต้อนรับเค้าเป็นอย่างดี
และรักเค้าเหมือนลูกคนนึง
เวลาผ่านไป เราก็ได้แต่ถามเค้าว่า เธอจะคุยกับครอบครัวเธอไหม
เค้าก็บอกแค่ว่า เมื่อไหร่ ลาพักร้อน และได้กลับบ้านอีกครั้ง จะคุยต่อหน้าพ่อ
ซึ่งก็ผ่านมาอีกหลายเดือน จนวันที่เค้ากลับบ้าน
เราก็ได้แต่รอให้เค้าทำอะไรสักอย่าง แต่ก็ยัง
เพราะใจเค้ากลัวมาก กลัวว่าที่บ้านจะไม่โอเค ไม่อยากให้ที่บ้านเข้าใจ ว่าเราทำให้ลูกเค้ากลายเป็นเกย์ด้วย
แต่จริงๆเค้าเป็นมานานแล้วตั้งแต่เด็ก แค่ไม่เคยพูด
จนเราถามว่า ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ อยู่ในจุดที่ต้องเลือก จะทำไง
เค้าบอกว่า เค้ารักเรามากๆ มากขนาดที่รู้ว่า รักใครไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่มีเรา ชีวิตคงไม่เหมือนเดิม
แต่ในขณะเดียวกัน เค้าก็ไม่สามารถที่จะทอดทิ้งครอบครัวเค้า เพื่อความรักของตัวเองได้
เค้าจะพยายามทำให้ทั้ง 2 ทาง ไปด้วยกันได้ดี
ในขณะที่ยังไม่เริ่มอะไรเลย ได้แต่กลัว
จนเราพยายามให้กำลังใจทุกแย่าง ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราอยู่ตรงนี้นะ
พูดทุกอย่าง เพื่อให้เค้ารู้สึก ไม่กลัวว่า เค้าจะไม่เหลือใคร
ให้รู้ว่า ถ้าพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน หรืออะไร เราจะทำทุกอย่งเพื่อเค้า
จนเค้ารู้สึกว่า โอเค เค้าจะพูด
จนสุดท้ายเค้าก็พูดอีกครั้ง กับพ่อ ว่าเค้าเป็นเกย์จริงๆ และกำละงมีความรู้สึกให้กับคนๆนึง
สิ่งที่ได้จากพ่อ คือ พ่อไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ดุ ไม่ได้ว่า แค่สอบถามประปราย ไม่มี รีแอคชั่น
แล้วเค้าก็กลับมาบอกเรา พร้อมกับบอกว่า
ชั้นไม่อยากเสียเวลาของเธอ ชั้นรู้ว่า มันคงใข้เวลากว่าที่บ้านจะเข้าใจ
ถ้าเธอเจอใครที่เค้าพร้อมที่จะ แต่งงานกับเธอ ไม่มีปัญหาครอบครัว
มีลูกกับเธอได้อย่างที่เธอต้องการ เธอสามารถไปได้ ชั้นไม่ขอให้เธอรอชั้น
แต่ทุกๆวัน ชั้นจะทำเพื่อเธอ รักแต่เธอ จะไม่ไปไหน
แค่ชั้นไม่สามารถตอบเธอได้ว่า เมื่อไหร่มันจะสำเร็จ มันอาจะใข้เวลาเป็น 10 ปี
ชั้นไม่อยากทำลายความฝันในการแต่งงาน มีครอบครัวของเธอ ชั้นรู้ว่าตอนนี้ชั้นยังทำให้ไม่ได้
แต่ขอแค่เธอ อย่าปิดโอกาสจากชั้น ให้โอกาสชั้นไก้คทำทุกอย่างเพื่อเธออยู่ตรงนี้
ซึ่งเราไม่เข้าใจว่า ถ้ารักเราขนาดนั้น ทำไมถึงปล่อยเราไป
ทำไมถึงไม่เลือกที่จะใข้ชีตคู่ด้วยกัน
ทำไมถึงต้องรอให้พ่อแม่เข้าใจก่อน ถึงจะทำอะไรได้
ในมุมของเรา เรารักพ่อแม่มากๆนะ แค่เรารู้สึกว่า ชีวิตคู่ ต้องเป็นเรื่องของ คน2 คน
ไม่ใช่ครอบครัวของคน 2 คน
ทำไม เค้าไม่เลือกที่จะบอกเราว่า เราขอเวลาสัก 3-4ปีนะ เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจ
ถ้าเค้าไม่เข้าใจ ยังไงชั้นก็เลือกที่จะไปต่อกับเธอ มีชีวิตครอบครัวของเราด้วยกัน
เราได้แค่คำพูดที่ว่า ชั้นไม่สามารถบอกเธอได้ ว่าจะอีกนานแค่ไหน และก็ไม่อยากขวางทางเธอ
เพราะชั้นรักเธอมากเกินกว่าจะทำลายความฝันของเธอ
และชั้นก็ไม่สามารถทำลายหัวใจของพ่อแม่ชั้น ที่เชื่อมั่นในศาสนา และวัฒนธนรมของประเทศชั้น
ว่าสิ่งที่เราเป็นมันไม่ถูกต้อง
ซึ่งตอนนี้ เราไม่รู้เลย ว่าเราควรทำไงต่อกับความสัมพันธ์นี้
ใจมันก็รักเค้ามาก ไม่ได้อยากไปเริ่มต้นใหม่กับใคร
แต่มันก็รักตัวเองมากๆที่จะไม่อยาก ละทิ้งความฝัน เป้าหมาย และความตั้วใจของเราได้
ไม่รู้จะทำไงอีกเลย
ถ้าเค้าเป็นคนไม่ดี เราคงไม่สับสนขนาดนี้
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะคะ
ความรัก ที่มีเรื่องของศาสนา วัฒนธรรม และครอบครัวมาเกี่ยวข้อง (lgbtq+)
ขอโทษถ้าโพสต์ดูไม่น่าอ่านนะคะ ไม่เคยตั้งมาก่อน
ยาวมากด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า เรากับแฟนของเรา คบกันมาได้สักพัก แฟนเราเป็นคนต่างชาติ นับถือศาสนาต่างจากเรา
เราทั้งคู่ ทำงานในสถานที่เดียวกัน
แฟนของเราเป็นคนที่รัก และ ดีกับเรามากๆ แบบที่ไม่เคยได้รับที่ไหนมาก่อน
เค้าคือ ความรัก แบบที่ไม่ต้องร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทอง ความเข้าใจ เวลา
ความเอาใจใส่ หรือความโรแมนติกต่างๆ
ปัญหาของเรา ตั้งแต่เริ่มความสัมพันธ์(ที่ไม่ควรเริ่มตั้งแต่แรก)
คือเรื่องของครอบครัวฝ่ายเค้า ที่ไม่ทราบ ว่าเค้าเป็น lgbt
และเป็นเรื่องค่อนข้างร้ายแรง ในศาสนาและวัฒนธรรม ในประเทศเค้า (ซึ่งเป็นประเทศที่เรามาทำงานและอยู่ด้วยกันตอนนี้)
เราเคยบอกเค้าว่า ตั้งแต่เราเริ่มความสัมพันธ์
ว่าเราให้เวลาเค้านะ ในการค่อยๆเปิดใจกับครอบครัว แบบค่อยเป็นค่อยไป
เราจะอยู่ตรงนี้ อย่าไปแบบ บอกเค้าตู้มเดียว ค่อยๆทีละอย่าง
เราค่อนข้างโตแล้ว จะ 30 ด้วยกันทั้งคู่
เพราะเราต้องการสร้างชีวิตคู่ไปด้วยกัน เราอยากแต่งงาน อยากมีลูก
จะด้วยวิธีใดก็ตาม และไม่อยากปกปิดครอบครัวเค้า
ส่วนครอบครัวเรา ไม่ได้ว่า โอเค 100% แต่ก็ 70-80% เคารพการตัดสินใจของลูก
เพราะเราดูแลตัวเองและครอบครัวมาหลายปีแล้ว
แต่ในมุมของเค้า อายุจะ30 แล้ว แต่พึ่ง ออกจากบ้านมาทำงานที่เมืองอื่นเป็นครั้งแรก
อยู่ห่างจากครอบครัวครั้งแรก ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ไม่ค่อยมี
และยังคงติดกับครอบครัวมากๆ
ผ่านมาหลายเดือน จนเกือบปี
เค้าเปิดใจบอกพ่อครั้งแรก ว่าเค้าเป็น เกย์
พ่อร้องไห้ และคิดว่า ลูกป่วย ต้องการพาลูกไปหาหมอ
ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เค้าบอก และทิ้งห่างไปอีกหลายเดือน
ส่วนเรา พาเค้ามาไทย มาเจอครอบครัว ซึ่งครอบครัวเรา ให้การต้อนรับเค้าเป็นอย่างดี
และรักเค้าเหมือนลูกคนนึง
เวลาผ่านไป เราก็ได้แต่ถามเค้าว่า เธอจะคุยกับครอบครัวเธอไหม
เค้าก็บอกแค่ว่า เมื่อไหร่ ลาพักร้อน และได้กลับบ้านอีกครั้ง จะคุยต่อหน้าพ่อ
ซึ่งก็ผ่านมาอีกหลายเดือน จนวันที่เค้ากลับบ้าน
เราก็ได้แต่รอให้เค้าทำอะไรสักอย่าง แต่ก็ยัง
เพราะใจเค้ากลัวมาก กลัวว่าที่บ้านจะไม่โอเค ไม่อยากให้ที่บ้านเข้าใจ ว่าเราทำให้ลูกเค้ากลายเป็นเกย์ด้วย
แต่จริงๆเค้าเป็นมานานแล้วตั้งแต่เด็ก แค่ไม่เคยพูด
จนเราถามว่า ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ อยู่ในจุดที่ต้องเลือก จะทำไง
เค้าบอกว่า เค้ารักเรามากๆ มากขนาดที่รู้ว่า รักใครไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่มีเรา ชีวิตคงไม่เหมือนเดิม
แต่ในขณะเดียวกัน เค้าก็ไม่สามารถที่จะทอดทิ้งครอบครัวเค้า เพื่อความรักของตัวเองได้
เค้าจะพยายามทำให้ทั้ง 2 ทาง ไปด้วยกันได้ดี
ในขณะที่ยังไม่เริ่มอะไรเลย ได้แต่กลัว
จนเราพยายามให้กำลังใจทุกแย่าง ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราอยู่ตรงนี้นะ
พูดทุกอย่าง เพื่อให้เค้ารู้สึก ไม่กลัวว่า เค้าจะไม่เหลือใคร
ให้รู้ว่า ถ้าพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน หรืออะไร เราจะทำทุกอย่งเพื่อเค้า
จนเค้ารู้สึกว่า โอเค เค้าจะพูด
จนสุดท้ายเค้าก็พูดอีกครั้ง กับพ่อ ว่าเค้าเป็นเกย์จริงๆ และกำละงมีความรู้สึกให้กับคนๆนึง
สิ่งที่ได้จากพ่อ คือ พ่อไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ดุ ไม่ได้ว่า แค่สอบถามประปราย ไม่มี รีแอคชั่น
แล้วเค้าก็กลับมาบอกเรา พร้อมกับบอกว่า
ชั้นไม่อยากเสียเวลาของเธอ ชั้นรู้ว่า มันคงใข้เวลากว่าที่บ้านจะเข้าใจ
ถ้าเธอเจอใครที่เค้าพร้อมที่จะ แต่งงานกับเธอ ไม่มีปัญหาครอบครัว
มีลูกกับเธอได้อย่างที่เธอต้องการ เธอสามารถไปได้ ชั้นไม่ขอให้เธอรอชั้น
แต่ทุกๆวัน ชั้นจะทำเพื่อเธอ รักแต่เธอ จะไม่ไปไหน
แค่ชั้นไม่สามารถตอบเธอได้ว่า เมื่อไหร่มันจะสำเร็จ มันอาจะใข้เวลาเป็น 10 ปี
ชั้นไม่อยากทำลายความฝันในการแต่งงาน มีครอบครัวของเธอ ชั้นรู้ว่าตอนนี้ชั้นยังทำให้ไม่ได้
แต่ขอแค่เธอ อย่าปิดโอกาสจากชั้น ให้โอกาสชั้นไก้คทำทุกอย่างเพื่อเธออยู่ตรงนี้
ซึ่งเราไม่เข้าใจว่า ถ้ารักเราขนาดนั้น ทำไมถึงปล่อยเราไป
ทำไมถึงไม่เลือกที่จะใข้ชีตคู่ด้วยกัน
ทำไมถึงต้องรอให้พ่อแม่เข้าใจก่อน ถึงจะทำอะไรได้
ในมุมของเรา เรารักพ่อแม่มากๆนะ แค่เรารู้สึกว่า ชีวิตคู่ ต้องเป็นเรื่องของ คน2 คน
ไม่ใช่ครอบครัวของคน 2 คน
ทำไม เค้าไม่เลือกที่จะบอกเราว่า เราขอเวลาสัก 3-4ปีนะ เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจ
ถ้าเค้าไม่เข้าใจ ยังไงชั้นก็เลือกที่จะไปต่อกับเธอ มีชีวิตครอบครัวของเราด้วยกัน
เราได้แค่คำพูดที่ว่า ชั้นไม่สามารถบอกเธอได้ ว่าจะอีกนานแค่ไหน และก็ไม่อยากขวางทางเธอ
เพราะชั้นรักเธอมากเกินกว่าจะทำลายความฝันของเธอ
และชั้นก็ไม่สามารถทำลายหัวใจของพ่อแม่ชั้น ที่เชื่อมั่นในศาสนา และวัฒนธนรมของประเทศชั้น
ว่าสิ่งที่เราเป็นมันไม่ถูกต้อง
ซึ่งตอนนี้ เราไม่รู้เลย ว่าเราควรทำไงต่อกับความสัมพันธ์นี้
ใจมันก็รักเค้ามาก ไม่ได้อยากไปเริ่มต้นใหม่กับใคร
แต่มันก็รักตัวเองมากๆที่จะไม่อยาก ละทิ้งความฝัน เป้าหมาย และความตั้วใจของเราได้
ไม่รู้จะทำไงอีกเลย
ถ้าเค้าเป็นคนไม่ดี เราคงไม่สับสนขนาดนี้
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะคะ