สมเด็จฯ ท่านอ่านตำรามาก ชอบวิจารณ์วิจัย แต่วันๆ ผ่านไปโดยไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนาพิจารณาสังขาร

"ท่านพ่อลีใช้อำนาจจิตอภิญญา ปราบทิฏฐิมานะของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อ้วน ติสโส"
(ปกิณกธรรม ท่านพ่อลี ธัมมธโร)

ครั้งที่ท่านพ่อลีจำพรรษาอยู่ที่วัดบรมนิวาส ท่านได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) อยู่เสมอ แต่ที่ผ่านมา สมเด็จฯท่านไม่ค่อยชอบพระกรรมฐานสักเท่าไหร่ ถึงกับเคยไล่พระอาจารย์มั่นเสียด้วยซ้ำ
หมายเหตุ : สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะมณฑลและเจ้าคณะธรรมยุตในภาคอีสาน เมื่อทราบข่าวว่ามีคณะพระป่ากรรมฐานของหลวงปู่มั่นเดินทางมาพักอยู่ที่บ้านหัวตะพาน จึงสั่งให้เจ้าคณะแขวงอำเภอพร้อมด้วยนายอำเภออำนาจเจริญไปทำการขับไล่พระป่าคณะนี้ออกไปให้หมด  ทั้งยังประกาศด้วยว่า ถ้าผู้ใดใส่บาตรพระเหล่านี้จะจับใส่คุกให้หมดสิ้น แต่ท่านพ่อลีก็พิจารณาคุณูปการของสมเด็จ ที่มีต่อตัวท่าน จึงปรารถนาเกื้อกูลด้วยการแก้ทิฏฐิของสมเด็จฯให้รู้ว่า

ธรรมของจริง ผู้รู้จริงเป็นอย่างไร

"สมเด็จฯท่านอ่านตำรามาก ชอบวิจารณ์วิจัย แต่วันๆ ผ่านไปโดยไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนาพิจารณาสังขาร ทำแต่งานภายนอก คิดดูแล้วก็น่าสงสาร ท่านเป็นผู้มีคุณูปการต่อเรา เราต้องปฏิบัติการตอบท่านด้วยธรรม ที่รู้เห็นมาตามสติปัญญาที่มี”
ดังนั้นท่านพ่อลีจึงเดินทางมายังวัดบรมนิวาส แล้วเพ่งกสิณน้ำและกสิณไฟใส่สมเด็จฯ จนสมเด็จฯถึงกับเรียกท่านพ่อลีมาถามว่า
“เอ วันนี้มันเป็นอะไรกันนะ เดี๋ยวร้อนเหมือนถูกไฟเผา เดี๋ยวหนาวจนสะบั้น”
ท่านพ่อลีก็ทำเสมือนไม่ได้ทำอะไรท่าน แล้วถามท่านกลับไปว่า

“ไหน…ไหน…ไหน…มันเป็นอะไร อากาศร้อนหนาว มันก็เปลี่ยนแปลงบ้างแหละขอรับ เจ้าประคุณ”
แต่ท่านสมเด็จฯเป็นปราชญ์ ท่านสังเกตว่าท่านพ่อลีมาทีไร อาการหนาว ๆ ร้อน ๆ ก็หายไปทุกครั้ง จึงทราบว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านพ่อลี
ท่านสมเด็จฯ จึงกล่าวกับพระที่ใกล้ชิดว่าเหตุที่เป็นดังนั้น  

"ท่านลีคงทำเราแหละ เราเคยดูถูกพ่อของพระกรรมฐาน คือท่านพระอาจารย์มั่น ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านลี”
ทั้งนี้ การเพ่งกสิณของท่านพ่อลีไม่ได้ก่อให้เกิดโทษ แต่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของสมเด็จฯ หลังจากนั้นสมเด็จฯก็ส่งเสริมการสร้างวัดป่ากรรมฐาน เช่น วัดป่าสาละวัน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นวัดสำคัญของสายพระกรรมฐานในช่วงเวลานั้น ต่อมาสมเด็จฯท่านขอร้องให้ท่านพ่อลีสอนสมาธิให้ จนเมื่อจิตของสมเด็จฯลงสู่ความสงบ ท่านถึงกล่าวชมท่านพ่อลีว่า

"คำพูดของคุณแปลกจากพระกรรมฐานองค์อื่น แม้เราจะทำไม่ได้ไม่ถึง ก็เข้าใจได้ชัดแจ้งไม่สงสัย"
"พระอาจารย์มั่น พระอาจารย์เสาร์ ที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับเรา เราก็ไม่ได้ประโยชน์เหมือนคุณมาอยู่กับเรา เพราะเรารู้สึกมีสิ่งแปลกประหลาดใจหลายอย่างในขณะนั่งสมาธิ”

แล้วสมเด็จฯก็เผยอีกว่า
“เราไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่า การนั่งสมาธิจะมีประโยชน์มากอย่างนี้ เราก็ได้บวชมานาน ไม่เคยเกิดความรู้สึกอย่างนี้เลย แต่ก่อนเราไม่นึกว่าการทำสมาธิเป็นของจำเป็น แต่บัดนี้เราได้เข้าใจคำสอนพระพุทธเจ้าที่แท้จริง อันมีผลปรากฏที่ใจแล้ว”
ต่อมาเมื่อสมเด็จฯได้พบพระอาจารย์มั่นอีกครั้ง ในงานเผาศพพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล สมเด็จฯก็เดินเข้าไปหาพระอาจารย์มั่นแล้วกล่าวว่า
“เออ! ท่านมั่น เราขอขมาโทษเธอ เราเห็นโทษแล้ว แต่ก่อนเราก็บ้ายศ”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่