สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาเพิ่งจบใหม่ จากคณะมนุษยศาสตร์เอกญี่ปุ่น ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ที่เจอและอยากให้รุ่นน้องที่อ่านประสบการณ์ของผม ผมหวังว่ามันอาจจะช่วยน้องๆ(โดยเฉพาะผช.)ที่กำลังหาคำตอบว่าควรเรียนภาษาต่อญี่ปุ่นและนำไปประกอบอสชีพในอนาคตดีมั้ย หรือควรเรียนอย่างอื่นเพิ่มเติมนอกจากภาษาญี่ปุ่นดีมั้ย หวังว่าข้อความนี้จะช่วยรุ่นน้องได้นะครับ
ผมเป็นเด็กจบใหม่จากเอกภาษาญี่ปุ่นโดยตรงเลยแต่ มีใบวัดระดับN3 ซึ่งตอนนั้นคิดว่าคงมีงานรองรับแหละ แต่พอไปดูรายละเอียดงานภาษาญี่ปุ่นในตอนนี้เขาจะรับแต่N2-N1 เป็นต้นไป และต้องพูดอังกฤษได้ด้วย และส่วนใหญ่เขารับแต่ผญ. แต่ผมก็ไม่ท้อนะพยายามหางานที่รับN3และรับผช. แต่ก็มีค่อนข้างน้อยเลยแหละ ถึงจะได้ไปสัมภาษณ์7ครั้งแต่จนถึงตอนนัก็ยังนอนตีพุงอยู่งานหายากมากในยุคนี้ และแอบน้อยใจตัวเองด้วยที่ไม่มีN2เลยทำให้โอกาศสมัครงานน้อยลงอีก มีแค่นี้แหละครับเพราะผมยังไม่ยอมแพ้
1.ถึงน้องๆ(โดยเฉพาะผช.)ที่จะนำภาษาญี่ปุ่นไปประกอบอาชีพในอนาคต ให้มีN2เป็นต้นไปไว้เลยและต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มด้วยเพราะงานล่ามตอนนี้เขาอยากได้คนพูดอังกฤษได้ด้วย และถ้ามีโอกาศแนะนำให้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นด้วย เพราะตอนสัมภาษณ์จะได้เพิ่มแต้มต่อโอกาศได้งานด้วย บอกตามตรงอาชีพที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่เขารับแต่ผญ.เป็นส่วนใหญ่ถ้าไม่เชื่อลองค้นในกลุ่มเฟสบุ๊คเลยก็ได้ว่าเฉลี่ยแล้วเขารับผช.อยู่กี่โพส และรับN3อยู่กี่โพสด้วย
2.อุตสาห์เรียนภาษาญี่ปุ่นก็ไปทำงานอยู่ญี่ปุ่นก็ได้นิ ผมขอบอกไว้ว่ายุคนี้ไปทำงานที่ญี่ปุ่นไม่คุ้มเหมือนแต่ก่อนแล้วครับโดยเฉพาะเรื่องค่าเงินส่งกลับมาที่ไทยก็น้อยอยู่ดี ซึ่งจำนวนเงินนี้ไม่ต่างอะไรจากทำงานที่ไทยเลย
3.งานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นตอนนัมีแค่งานล่ามและงานเซลล์ ซึ่งอาจจะดับฝันของคนที่อยากทำงานแปลที่สำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่เขาจะจ้างฟรีแลนซ์มาแปลนะครับไม่ใช่พนักงานประจำ เพราะน้าของผมเขาบอกมาแบบนี้
โพสท์นี้ไม่ได้จะสื่อว่าให้ยอมแพ้เรื่องเรียนภาษาญี่ปุ่นนะครับแต่อยากจะให้นำไปตระหนักว่าอนาคตมันไม่แน่นอนเราควรมีสกิลอย่างอื่นเพิ่มด้วยจะได้ไม่ต้องมางานยากเหมือนผมนะครับ ส่วนผมจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมและอย่างอื่นด้วย ยังไงก็น้องๆอย่าพึ่งท้อนะครับ เพราะผมก็รู้ดีว่าคนเรามันไม่ตกงานถึง3ปีหรอก สู้ๆนะครับ
ถึงรุ่นน้องที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ตอนนี้