วันที่ 30 เมษายน 2568
มีรายงานว่าที่ประชุม กกต.ได้มีการพิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561
เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา
กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ
จากเหตุแจ้งว่า มีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จากแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบ ได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้งแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
สำหรับคดีนี้หลังมีผู้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ กกต.มีมติสั่งรับเป็นสำนวนเมื่อ 5 ก.ค.67
จากนั้นสำนักงานได้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนและนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กกต.ครั้งแรก เมื่อ 31 ต.ค.67
และอีกครั้งในวันที่ 5 พ.ย.67
แต่ กกต.เห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วน จึงให้สำนักงานไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ว่าจะพิจารณาคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้
ทั้งนี้มาตรา 77(4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 กำหนดว่าผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
- มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี
- ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท
- หรือทั้งจำทั้งปรับ
และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ซึ่งหากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง พ.ญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ว.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม พ.ญ.เกศกมล ยังถูกร้องในเรื่องของฮั้วเลือก สว.ซึ่ง กกต. ยังไม่ได้พิจารณา คาดว่าจะถูกรวมพิจารณากับกรณีที่ กกต.มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สอบกระบวนการฮั้วเลือก สว.ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ขอสัมภาษณ์พ.ญ.เกศกมล แต่ปรากฎว่าเจ้าตัวปิดโทรศัพท์มือถือ
มติ กกต. ส่งศาลฎีกา ฟัน “หมอเกศ” เข้าข่ายหลอกลวง
วันที่ 30 เมษายน 2568
มีรายงานว่าที่ประชุม กกต.ได้มีการพิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561
เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา
กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ
จากเหตุแจ้งว่า มีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จากแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบ ได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้งแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
สำหรับคดีนี้หลังมีผู้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ กกต.มีมติสั่งรับเป็นสำนวนเมื่อ 5 ก.ค.67
จากนั้นสำนักงานได้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนและนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กกต.ครั้งแรก เมื่อ 31 ต.ค.67
และอีกครั้งในวันที่ 5 พ.ย.67
แต่ กกต.เห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วน จึงให้สำนักงานไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ว่าจะพิจารณาคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้
ทั้งนี้มาตรา 77(4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 กำหนดว่าผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
- มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี
- ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท
- หรือทั้งจำทั้งปรับ
และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ซึ่งหากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง พ.ญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ว.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม พ.ญ.เกศกมล ยังถูกร้องในเรื่องของฮั้วเลือก สว.ซึ่ง กกต. ยังไม่ได้พิจารณา คาดว่าจะถูกรวมพิจารณากับกรณีที่ กกต.มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สอบกระบวนการฮั้วเลือก สว.ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ขอสัมภาษณ์พ.ญ.เกศกมล แต่ปรากฎว่าเจ้าตัวปิดโทรศัพท์มือถือ