
วันที่ 24 เม.ย. นพ.ฐานุตร์ ถมังรักษ์สัตว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับ
“3 เคล็ดลับ กิน “ยาแก้ปวดหัว” แบบตับไม่พัง-ไตไม่วาย”
โดยคุณหมอได้ระบุว่า
“ยาแก้ปวดหัว" มีหลายรูปแบบ แต่ที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นยาที่คุณพอจะหาเองได้ มีข้อควรระวังในการกินยา เพราะ หากกินยาไปเรื่อย ๆ มีโอกาส พิการ หรือ เสียชีวิตได้”
1.พาราเซตามอล
ใช้แก้ปวดหัวแบบ
อาการไม่มาก ให้คะแนน ความปวด 3-5 เต็ม 10 คะแนน
จะ
ได้ผลดีต้องกินยาตามน้ำหนักตัว ถ้ากินเกินนี้ มีโอกาส ตับอักเสบ จนตับวาย และ เสียชีวิตได้เลย
โดยยาพาราเซตามอล 1 เม็ด ปกติจะ 500 มิลลิกรัม
– น้ำหนัก 50-75 กิโล ทาน 1 เม็ด
– น้ำหนัก 76-99 กิโล ทาน 1.5 เม็ด
– น้ำหนัก > 100 กิโล ทาน 2 เม็ด
** อย่าทาน 2 เม็ดทีเดียว ดูตามน้ำหนักตัว และเบิ้ลได้ทุก 4 ชั่วโมงหากไม่หายปวด ไม่ควรเบิ้ลก่อน
** คนเป็นโรคตับอยู่แล้ว ควรเลี่ยงยาพารา
2.ยาคลายเส้นกลุ่ม NSIAD เช่น ไอบูโพรเฟน หรือ บูเฟน ที่เราเรียกกัน, นาโพรเซน, ไดโคลฟีแนก
ใช้เมื่อ
ปวดระดับปานกลาง คะแนน 4-7/10 ทานแล้ว หายปวดแล้ว ให้หยุดทาน เพราะ
ต้องระวัง
– ระคายกระเพาะอาหาร กินไปนาน กระเพาะเป็นแผล ตกเลือดในกระเพาะ หรือ กระเพาะทะลุได้
– ไตวายฉับพลัน จนต้องฟอกไตได้
– คนที่เป็นโรคน้ำท่วมปอดอยู่แล้วห้ามกิน
3.ยากลุ่ม เออโกตามีน
เรารู้จักกันดี ในยากลุ่มที่
ลดปวดไมเกรนฉับพลัน ใครที่ไม่เคยรู้ว่า ไมเกรนปวดแบบไหน คือ มักจะ ปวดตุ๊บ ๆ ตรง ขมับ หน้าผาก เบ้าตา สันจมูก ท้ายทอย คอบ่าไหล่ จุดใดจุดหนึ่ง หรือ หลายจุดร่วมกัน อาจมีสิ่งกระตุ้น เช่น อากาศร้อน กลิ่นฉุน คนเยอะ เสียงดัง ช่วงรอบเดือนมา ยากลุ่มนี้ เช่น โทฟาโก้ คาเฟอร์กอต เอว่าไมกราน ไมกาน่า ทานทันทีที่ปวดน้อย ๆ เบิ้ลได้ทุก 1-2 ชั่วโมง วันหนึ่งไม่เกิน 6 เม็ด และ รวมแล้วไม่เกิน 10 เม็ด/สัปดาห์
“ข้อควรระวัง : คนกินยาต้านไวรัสเอดส์ห้ามกินยาแก้ปวดหัวกลุ่มนี้ เพราะมีโอกาส เกิดหลอดเลือดมือเท้าตีบ ดำคล้ำ โดนตัดมือเท้าได้
ที่มา
https://www.dailynews.co.th/news/4639510/
3 เคล็ดลับ กิน “ยาแก้ปวดหัว” แบบตับไม่พัง-ไตไม่วาย
วันที่ 24 เม.ย. นพ.ฐานุตร์ ถมังรักษ์สัตว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับ “3 เคล็ดลับ กิน “ยาแก้ปวดหัว” แบบตับไม่พัง-ไตไม่วาย”
โดยคุณหมอได้ระบุว่า “ยาแก้ปวดหัว" มีหลายรูปแบบ แต่ที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นยาที่คุณพอจะหาเองได้ มีข้อควรระวังในการกินยา เพราะ หากกินยาไปเรื่อย ๆ มีโอกาส พิการ หรือ เสียชีวิตได้”
1.พาราเซตามอล
ใช้แก้ปวดหัวแบบอาการไม่มาก ให้คะแนน ความปวด 3-5 เต็ม 10 คะแนน
จะได้ผลดีต้องกินยาตามน้ำหนักตัว ถ้ากินเกินนี้ มีโอกาส ตับอักเสบ จนตับวาย และ เสียชีวิตได้เลย
โดยยาพาราเซตามอล 1 เม็ด ปกติจะ 500 มิลลิกรัม
– น้ำหนัก 50-75 กิโล ทาน 1 เม็ด
– น้ำหนัก 76-99 กิโล ทาน 1.5 เม็ด
– น้ำหนัก > 100 กิโล ทาน 2 เม็ด
** อย่าทาน 2 เม็ดทีเดียว ดูตามน้ำหนักตัว และเบิ้ลได้ทุก 4 ชั่วโมงหากไม่หายปวด ไม่ควรเบิ้ลก่อน
** คนเป็นโรคตับอยู่แล้ว ควรเลี่ยงยาพารา
2.ยาคลายเส้นกลุ่ม NSIAD เช่น ไอบูโพรเฟน หรือ บูเฟน ที่เราเรียกกัน, นาโพรเซน, ไดโคลฟีแนก
ใช้เมื่อปวดระดับปานกลาง คะแนน 4-7/10 ทานแล้ว หายปวดแล้ว ให้หยุดทาน เพราะ ต้องระวัง
– ระคายกระเพาะอาหาร กินไปนาน กระเพาะเป็นแผล ตกเลือดในกระเพาะ หรือ กระเพาะทะลุได้
– ไตวายฉับพลัน จนต้องฟอกไตได้
– คนที่เป็นโรคน้ำท่วมปอดอยู่แล้วห้ามกิน
3.ยากลุ่ม เออโกตามีน
เรารู้จักกันดี ในยากลุ่มที่ลดปวดไมเกรนฉับพลัน ใครที่ไม่เคยรู้ว่า ไมเกรนปวดแบบไหน คือ มักจะ ปวดตุ๊บ ๆ ตรง ขมับ หน้าผาก เบ้าตา สันจมูก ท้ายทอย คอบ่าไหล่ จุดใดจุดหนึ่ง หรือ หลายจุดร่วมกัน อาจมีสิ่งกระตุ้น เช่น อากาศร้อน กลิ่นฉุน คนเยอะ เสียงดัง ช่วงรอบเดือนมา ยากลุ่มนี้ เช่น โทฟาโก้ คาเฟอร์กอต เอว่าไมกราน ไมกาน่า ทานทันทีที่ปวดน้อย ๆ เบิ้ลได้ทุก 1-2 ชั่วโมง วันหนึ่งไม่เกิน 6 เม็ด และ รวมแล้วไม่เกิน 10 เม็ด/สัปดาห์
“ข้อควรระวัง : คนกินยาต้านไวรัสเอดส์ห้ามกินยาแก้ปวดหัวกลุ่มนี้ เพราะมีโอกาส เกิดหลอดเลือดมือเท้าตีบ ดำคล้ำ โดนตัดมือเท้าได้
ที่มา https://www.dailynews.co.th/news/4639510/