เริ่มแรกเลยเราต้องบอกก่อนว่าเรามีพี่น้อง 3 คน เราเป็นคนที่ 3 มีพี่สาว 1 คน และพี่ชาย 1 คน เราห่างกับพี่สาว 10 ปี และห่างกับพี่ชาย 7 ปี
เราเกิดมาในครอบครัวไม่เรียกว่าปานกลาง แต่ก็ไม่ถือว่าจนมากนัก ช่วงตอนเราประถมพี่สาวเราน่าจะเรียนมหาลัย และพี่ชายได้ปลีกตัวออกไปอยู่กับยาย
ส่วนเราอยู่กับพ่อและแม่ ข้ามมาช่วงเราเข้าวิทเทคนิคยะลา ช่วง ปวช. แม่เราให้ทำอะไรไม่รู้เกี่ยวกับโทรศัพท์เราเองก็จำรายละเอียดไม่ได้มากเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าให้เปิดเสียงโทรศัพท์หรือเปล่า นั่นแหละจุดเริ่มต้น เสร็จแล้วเราก็คืนโทรศัพท์แม่ หลังจากนั้นระเบิดลงชุดใหญ่ เขาบอกว่าเราไปลบภาพในโทรศัพท์เขา ด่าเราแบบหยาบคาย ด่าเราว่าเด็กเปรต กูไม่หน้าแสบ ห สระ อี เกิดมาเลย เด็กอุบาทว์ เรางงมา เราร้องไห้หนักมากด้วยความที่เสียใจและงง เขาก็ด่าซ้ำๆอยู่แบบนั้นไม่หยุด วันนั้นเพื่อนเราก็อยู่ด้วย แล้วเราก็เดือนไปบ้านป้าที่อยู่ห่างจากบ้านตัวเองประมาณ 50 เมตรใกล้ เขาก็ยังตามไปยืนด่า ด่าแบบเดิมเลย ด่าเรากลางคน มีป้ากับลุง ลูกชายป้ากับลุง และลูกสะใภ้ป้ากับลุง ทุกคนต่างคืนเหวอ และงงไปหมดกับคำที่แม่เราด่า หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับแม่เราจนจบ ปวช. (ช่วงเราเรียน ปวช. 3 ปี เราอยู่หอ ไปๆ มาๆ ไม่ได้อยู่บ้านทุกวัน) หลังจากจบปวช.ที่ยะลา เราก็ได้มาเรียนต่อ ปวส.ที่สงขลา ก็ไม่ได้คุยกับแม่นะ คุยแต่กับพ่อและคนอื่นๆ อยู่ๆวันนึงพ่อกับแม่เราได้มีปัญหากับและได้หย่าขาดจากกัน ช่วงประมาณเรา ปวส.ปี2 ไม่กี่เดือนเราก็จะจบแล้ว พ่อเราออกจากบ้านไปมีเมียอีกคน เราเลยได้กลับมาคุยกับแม่อีกครั้งนึง หลังจากนั้นแม่เราเป็นคนส่งเราเรียนหนังสือจนจบปริญญา (ระหว่างที่พ่อกับแม่เลิกกัน พ่อไม่เคยส่งเสียเราเลยจนเราเรียนจบ) ระหว่างนั้นก็มีปัญหาบลาๆเกิดขึ้น พ่อเราได้แอบโอนบ้านให้พี่ชายเรา และแอบโอนที่ดินให้พี่สาวโดยที่ไม่ได้มีใครรับรู้แม้กระทั่งแม่และเราก็ไม่รู้ แล้วพี่ชายเราก็ไม่ให้แม่เราอยู่บ้านอีกต่อไป แม่เลยย้ายกลับมาอยู่กับยาย ส่วนพี่สาวทะเราะกับแม่เรื่องพ่อแอบโอนที่ดินให้โดยที่ไม่บอกแม่ เขาเถียงกันอีท่าไหนก็ไม่รู้เลยตัดแม่ตัดลูกกัน จบบบ...ในส่วนของพี่เรา 2 คน คือแม่เราตัดแม่ตัดลูกไปแล้วว สรุปเหลือเราคนเดียวที่แม่ยังดีด้วยอยู่
ข้ามมาช่วงโควิด 19 แม้ให้เราย้ายกลับมาอยู่บ้านถาวร (บ้านยาย) มีเรา แม่ และยาย อยู่กัน 3 คน แม่เราก็เริ่มทำสวน ปลูกพวกผลไม้ ทุเรียน บลาๆ ตื่นเช้ามาเราต้องช่วยแม่ทำสวน แม่เราไปกรีดยางตอนกลางคืน ตอนเข้ามาเราก็ไปช่วยเก็บน้ำยาง (บ้านอยู่ใต้นะคะ) เสร็จแล้วช่วงเย็นต้องไปตัดหญ้าในสวน ต่อท่อ pvc ทำปริงเกอร์รดน้ำทุเรียน เราทำหมดทุกอย่าง ทั้งๆที่เหนื่อยและร้อนมากก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะโดนด่าทันที เป็นแบบนั้นมาระยะเวลาน่าจะเป็นปี โควิดเริ่มเบาลง เราต้องตัวติดกับเขาตลอดห่งกันไม่ได้ เราไปไหนไม่ได้เลยแม้กระทั้งใกล้ๆบ้าน เขาจะโทรตามให้กลับบ้าน ไปบ้านป้าก็ตามให้เรากลับบ้าน ขนาดไปเซเว่นเขาต้องตามเราไปด้วย เราแบบอึดอัดมากกแต่ไม่รู้จะพูดยังไง เขาบังคับให้เราสอบงานราชการ พวกทหารตำรวจ เราเคยสอบไปหลายครั้งแล้วแต่ไม่ผ่าน บวกกับตัวเราเองไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วย และก็หาหนังสือมาให้เราอ่าน เราก็อ่านเพราะขัดไม่ได้ ถึงเวลาก็เอาหนังสือไปอ่านในสวน เราขออ่านอยู่บ้านก็ไม่ได้ โกรธเรา สุดท้ายเราก็ตัดจบ เอาหนังสือไปอ่านที่สวน จบไปเรื่องอ่านหนังสือ
อยู่มาวันนึงเขาใช้ให้เราถ่ายรูปต้นไม้ในสวนส่งไปให้พี่สาวเรา ซึ่งเราไม่อยากถ่าย ไม่รู้จะถ่ายไปเพื่ออะไร ทั้งๆที่ตัวแม่เองก็ตัดขาดกับพี่สาวเรา ไม่มีสาระอะไรเลย เราเลยพูดไปว่าอยากถ่ายก็ถ่ายส่งไปเองดิ พอเราพูดจบระเบิดลงเลยค่าาา ด่าเราว่า ไอ้เด็กนิสัยอุบาทว์ เราอึ้งเลยค่ะ น้ำตาไหลเลย เลยขับรถไปบ้านป้ากับลุงอีกเช่นเคย ไปนั่งร้องไห้พักใหญ่ บอกว่าเออนี่โดนด่ามาอีกแล้ว ป้ากับลุงก็ปลอบเรา หลังจากนั้นเราก็กลับบ้านปกติแต่ไม่ได้คุยกับแม่คุยแต่กับยาย กลางวันก็มาบ้านป้า จนเราไม่ไหวเลยไปบ้านน้าเราในตัวเมืองยะลา ไปอยู่บ้านน้า 4-5 วันก็ลับมาบ้าน หลังจากกลับมาบ้านรอบนี้แม่ริปเงินเราหมดเลย เราไม่เหลือเงินสักบาท เลยตัดสินใจไปอยู่บ้านน้าอีกรอบ รอบนี้ไปเป็นอาทิตย์เลย แล้วเราตัดสินใจขึ้นมาหางาน กทม. ด้วยเงิน 800 บาท
วันมา กทม พ่อเราให้เงิน 500 และป้าให้มา 300 ป้ากับลุงอีกเช่นเคยมาส่งเราที่สถานี้รถไฟ เรานั่งรถไฟฟรีจากใต้มาหางานทำที่ กทม กับแฟนเก่า เราจำความรู้สึกนั้นได้ดี ตอนรถไฟออกเราน้ำตาไหลเลย ก็มาถึง กทม เริ่มสมัครงาน ระหว่างรองานเราก็อาศัยอยู่กับเพื่อนช่วยเขาหารค่าห้อง จนรู้สึกเกรงใจเพราะมีแฟนเรามาด้วย เลยแยกไปเช่าอีกห้องนึง ซึ่งแน่นอนต้องมีค่ามัดจำห้องใหม่ เราเลยโทรไปขอยืมแม่ 3 พัน เสียงตอบกลับมาว่า ทำไมไม่ไปยืมป้ากับลุงละ สรุปแม่ไม่ให้ ก็จบ เราเอาสร้อยคอทองไปจำนำมาพอเช่าห้องและค่ากินระหว่างจะได้อ่าน จนเราได้ทำงาน เงินเดือนออก ผ่านไปไม่ถึง 3 เดือนมั้ง แม่โทรมา ขอเงินจ๊าาาาาาา อ้างจะเอาไปทำบ้านเล็กในสวน โทรมาขอค่านู่นค่านี่ อยากได้นู่นนี่ สาระพัด จนถึงตอนนี้ยังจะโทรมาขอเรื่อย เราอึดอัดและไม่สบายใจมาก ตั้งแต่เล็กจนโตเราไม่เคยขออะไรเขาเลย และวันที่เรามา กทม ก็ไม่เคยถามทุกข์สุข พอเรามีเงินก็ขอ พอเราไม่มีให้ก็ว่า ตั้งแต่เรามาอยู่ กทม ได้ 3 ปีกว่าเขาไม่เคยถามเลยว่าเป็นอะไรบ้าง กินข้าวยัง เงินพอใช้ไหม ถ้าโทรมาก็ถือโทรมาขอเงินเราอย่างเดียว!! โคตรรู้สึกแย่มากๆๆ พยายามจัดการกับความรู้สึกตัวเองหลายครั้งแล้วแต่มันก็ไม่ได้ คิดถึงเรื่องเก่าๆตลอด เหมือนมันเป็นปมไปแล้ว ทั้งพ่อและแม่เราขออะไรไปไม่เคยให้เราเลย ทั้งที่พี่สาวและพี่ชายได้ทุกอย่าง ได้รถคนละกัน อีกคนได้บ้าน อีกคนได้ที่ดิน ได้ของบลาๆทุกอย่าง ตัดมาที่เราไม่เคยได้รับอะไร แถมต้องมารับพาระอะไรก็ไม่รู้ ดีก็ไม่เคยชม พลาดเมื่อไหร่แม่เราก็ด่า ด่าไม่พอแม่ชอบสาปแช่งลูกตัวเองด้วย เรื่องสาปแช่งเรากับพี่ชายโดนหนักสุด
พี่สาวเราแยกไปมีครอบครัวอยู่อีกจังหวัด ไม่เคยกลับมาบ้านแต่ยังติดต่อกับเรานะ และแม่ก็ไม่เคยไปรบกวนเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไร
พี่ชายเราทำงานเรือน้ำมัน แม่ก็ไม่เคยไปรบกวนอะไร
ส่วนเรา ทำงานเงินเดือน 15,000 แบกทุกอย่าง เสียใจ เสียความรู้สึกที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เคยคิดอยากฆ่าตัวตายหลายรอบมาก
(เราทั้ง 3 คนพี่น้องพ่อและแม่ไม่เคยสั่งสอนเหมือนบ้านอื่น แต่เวลาทำผิด แม่จะเป็นคนด่า ไม่ด่าธรรมดาแต่ออกแนวแบบแช่งลูกตัวเองค่ะ)
เราไม่รู้ว่าการรู้สึกเกลียดการกระทำของแม่ตัวเองมันบาปมั้ย แต่เรารู้สึกแบบนั้น การกระทำคำพูดเขาทุกคำที่เขาด่ามันฝังลึกอยู่ในใจตลอดมาเป็น 10 ก็ไม่เคยหาย จะว่าเป็นฝันร้ายของเราเลยก็ว่าได้)
ควรต้องทำยังไงดีคะ
พ่อแม่รังแกฉันหรือเปล่า ??
เราเกิดมาในครอบครัวไม่เรียกว่าปานกลาง แต่ก็ไม่ถือว่าจนมากนัก ช่วงตอนเราประถมพี่สาวเราน่าจะเรียนมหาลัย และพี่ชายได้ปลีกตัวออกไปอยู่กับยาย
ส่วนเราอยู่กับพ่อและแม่ ข้ามมาช่วงเราเข้าวิทเทคนิคยะลา ช่วง ปวช. แม่เราให้ทำอะไรไม่รู้เกี่ยวกับโทรศัพท์เราเองก็จำรายละเอียดไม่ได้มากเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าให้เปิดเสียงโทรศัพท์หรือเปล่า นั่นแหละจุดเริ่มต้น เสร็จแล้วเราก็คืนโทรศัพท์แม่ หลังจากนั้นระเบิดลงชุดใหญ่ เขาบอกว่าเราไปลบภาพในโทรศัพท์เขา ด่าเราแบบหยาบคาย ด่าเราว่าเด็กเปรต กูไม่หน้าแสบ ห สระ อี เกิดมาเลย เด็กอุบาทว์ เรางงมา เราร้องไห้หนักมากด้วยความที่เสียใจและงง เขาก็ด่าซ้ำๆอยู่แบบนั้นไม่หยุด วันนั้นเพื่อนเราก็อยู่ด้วย แล้วเราก็เดือนไปบ้านป้าที่อยู่ห่างจากบ้านตัวเองประมาณ 50 เมตรใกล้ เขาก็ยังตามไปยืนด่า ด่าแบบเดิมเลย ด่าเรากลางคน มีป้ากับลุง ลูกชายป้ากับลุง และลูกสะใภ้ป้ากับลุง ทุกคนต่างคืนเหวอ และงงไปหมดกับคำที่แม่เราด่า หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับแม่เราจนจบ ปวช. (ช่วงเราเรียน ปวช. 3 ปี เราอยู่หอ ไปๆ มาๆ ไม่ได้อยู่บ้านทุกวัน) หลังจากจบปวช.ที่ยะลา เราก็ได้มาเรียนต่อ ปวส.ที่สงขลา ก็ไม่ได้คุยกับแม่นะ คุยแต่กับพ่อและคนอื่นๆ อยู่ๆวันนึงพ่อกับแม่เราได้มีปัญหากับและได้หย่าขาดจากกัน ช่วงประมาณเรา ปวส.ปี2 ไม่กี่เดือนเราก็จะจบแล้ว พ่อเราออกจากบ้านไปมีเมียอีกคน เราเลยได้กลับมาคุยกับแม่อีกครั้งนึง หลังจากนั้นแม่เราเป็นคนส่งเราเรียนหนังสือจนจบปริญญา (ระหว่างที่พ่อกับแม่เลิกกัน พ่อไม่เคยส่งเสียเราเลยจนเราเรียนจบ) ระหว่างนั้นก็มีปัญหาบลาๆเกิดขึ้น พ่อเราได้แอบโอนบ้านให้พี่ชายเรา และแอบโอนที่ดินให้พี่สาวโดยที่ไม่ได้มีใครรับรู้แม้กระทั่งแม่และเราก็ไม่รู้ แล้วพี่ชายเราก็ไม่ให้แม่เราอยู่บ้านอีกต่อไป แม่เลยย้ายกลับมาอยู่กับยาย ส่วนพี่สาวทะเราะกับแม่เรื่องพ่อแอบโอนที่ดินให้โดยที่ไม่บอกแม่ เขาเถียงกันอีท่าไหนก็ไม่รู้เลยตัดแม่ตัดลูกกัน จบบบ...ในส่วนของพี่เรา 2 คน คือแม่เราตัดแม่ตัดลูกไปแล้วว สรุปเหลือเราคนเดียวที่แม่ยังดีด้วยอยู่
ข้ามมาช่วงโควิด 19 แม้ให้เราย้ายกลับมาอยู่บ้านถาวร (บ้านยาย) มีเรา แม่ และยาย อยู่กัน 3 คน แม่เราก็เริ่มทำสวน ปลูกพวกผลไม้ ทุเรียน บลาๆ ตื่นเช้ามาเราต้องช่วยแม่ทำสวน แม่เราไปกรีดยางตอนกลางคืน ตอนเข้ามาเราก็ไปช่วยเก็บน้ำยาง (บ้านอยู่ใต้นะคะ) เสร็จแล้วช่วงเย็นต้องไปตัดหญ้าในสวน ต่อท่อ pvc ทำปริงเกอร์รดน้ำทุเรียน เราทำหมดทุกอย่าง ทั้งๆที่เหนื่อยและร้อนมากก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะโดนด่าทันที เป็นแบบนั้นมาระยะเวลาน่าจะเป็นปี โควิดเริ่มเบาลง เราต้องตัวติดกับเขาตลอดห่งกันไม่ได้ เราไปไหนไม่ได้เลยแม้กระทั้งใกล้ๆบ้าน เขาจะโทรตามให้กลับบ้าน ไปบ้านป้าก็ตามให้เรากลับบ้าน ขนาดไปเซเว่นเขาต้องตามเราไปด้วย เราแบบอึดอัดมากกแต่ไม่รู้จะพูดยังไง เขาบังคับให้เราสอบงานราชการ พวกทหารตำรวจ เราเคยสอบไปหลายครั้งแล้วแต่ไม่ผ่าน บวกกับตัวเราเองไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วย และก็หาหนังสือมาให้เราอ่าน เราก็อ่านเพราะขัดไม่ได้ ถึงเวลาก็เอาหนังสือไปอ่านในสวน เราขออ่านอยู่บ้านก็ไม่ได้ โกรธเรา สุดท้ายเราก็ตัดจบ เอาหนังสือไปอ่านที่สวน จบไปเรื่องอ่านหนังสือ
อยู่มาวันนึงเขาใช้ให้เราถ่ายรูปต้นไม้ในสวนส่งไปให้พี่สาวเรา ซึ่งเราไม่อยากถ่าย ไม่รู้จะถ่ายไปเพื่ออะไร ทั้งๆที่ตัวแม่เองก็ตัดขาดกับพี่สาวเรา ไม่มีสาระอะไรเลย เราเลยพูดไปว่าอยากถ่ายก็ถ่ายส่งไปเองดิ พอเราพูดจบระเบิดลงเลยค่าาา ด่าเราว่า ไอ้เด็กนิสัยอุบาทว์ เราอึ้งเลยค่ะ น้ำตาไหลเลย เลยขับรถไปบ้านป้ากับลุงอีกเช่นเคย ไปนั่งร้องไห้พักใหญ่ บอกว่าเออนี่โดนด่ามาอีกแล้ว ป้ากับลุงก็ปลอบเรา หลังจากนั้นเราก็กลับบ้านปกติแต่ไม่ได้คุยกับแม่คุยแต่กับยาย กลางวันก็มาบ้านป้า จนเราไม่ไหวเลยไปบ้านน้าเราในตัวเมืองยะลา ไปอยู่บ้านน้า 4-5 วันก็ลับมาบ้าน หลังจากกลับมาบ้านรอบนี้แม่ริปเงินเราหมดเลย เราไม่เหลือเงินสักบาท เลยตัดสินใจไปอยู่บ้านน้าอีกรอบ รอบนี้ไปเป็นอาทิตย์เลย แล้วเราตัดสินใจขึ้นมาหางาน กทม. ด้วยเงิน 800 บาท
วันมา กทม พ่อเราให้เงิน 500 และป้าให้มา 300 ป้ากับลุงอีกเช่นเคยมาส่งเราที่สถานี้รถไฟ เรานั่งรถไฟฟรีจากใต้มาหางานทำที่ กทม กับแฟนเก่า เราจำความรู้สึกนั้นได้ดี ตอนรถไฟออกเราน้ำตาไหลเลย ก็มาถึง กทม เริ่มสมัครงาน ระหว่างรองานเราก็อาศัยอยู่กับเพื่อนช่วยเขาหารค่าห้อง จนรู้สึกเกรงใจเพราะมีแฟนเรามาด้วย เลยแยกไปเช่าอีกห้องนึง ซึ่งแน่นอนต้องมีค่ามัดจำห้องใหม่ เราเลยโทรไปขอยืมแม่ 3 พัน เสียงตอบกลับมาว่า ทำไมไม่ไปยืมป้ากับลุงละ สรุปแม่ไม่ให้ ก็จบ เราเอาสร้อยคอทองไปจำนำมาพอเช่าห้องและค่ากินระหว่างจะได้อ่าน จนเราได้ทำงาน เงินเดือนออก ผ่านไปไม่ถึง 3 เดือนมั้ง แม่โทรมา ขอเงินจ๊าาาาาาา อ้างจะเอาไปทำบ้านเล็กในสวน โทรมาขอค่านู่นค่านี่ อยากได้นู่นนี่ สาระพัด จนถึงตอนนี้ยังจะโทรมาขอเรื่อย เราอึดอัดและไม่สบายใจมาก ตั้งแต่เล็กจนโตเราไม่เคยขออะไรเขาเลย และวันที่เรามา กทม ก็ไม่เคยถามทุกข์สุข พอเรามีเงินก็ขอ พอเราไม่มีให้ก็ว่า ตั้งแต่เรามาอยู่ กทม ได้ 3 ปีกว่าเขาไม่เคยถามเลยว่าเป็นอะไรบ้าง กินข้าวยัง เงินพอใช้ไหม ถ้าโทรมาก็ถือโทรมาขอเงินเราอย่างเดียว!! โคตรรู้สึกแย่มากๆๆ พยายามจัดการกับความรู้สึกตัวเองหลายครั้งแล้วแต่มันก็ไม่ได้ คิดถึงเรื่องเก่าๆตลอด เหมือนมันเป็นปมไปแล้ว ทั้งพ่อและแม่เราขออะไรไปไม่เคยให้เราเลย ทั้งที่พี่สาวและพี่ชายได้ทุกอย่าง ได้รถคนละกัน อีกคนได้บ้าน อีกคนได้ที่ดิน ได้ของบลาๆทุกอย่าง ตัดมาที่เราไม่เคยได้รับอะไร แถมต้องมารับพาระอะไรก็ไม่รู้ ดีก็ไม่เคยชม พลาดเมื่อไหร่แม่เราก็ด่า ด่าไม่พอแม่ชอบสาปแช่งลูกตัวเองด้วย เรื่องสาปแช่งเรากับพี่ชายโดนหนักสุด
พี่สาวเราแยกไปมีครอบครัวอยู่อีกจังหวัด ไม่เคยกลับมาบ้านแต่ยังติดต่อกับเรานะ และแม่ก็ไม่เคยไปรบกวนเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไร
พี่ชายเราทำงานเรือน้ำมัน แม่ก็ไม่เคยไปรบกวนอะไร
ส่วนเรา ทำงานเงินเดือน 15,000 แบกทุกอย่าง เสียใจ เสียความรู้สึกที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เคยคิดอยากฆ่าตัวตายหลายรอบมาก
(เราทั้ง 3 คนพี่น้องพ่อและแม่ไม่เคยสั่งสอนเหมือนบ้านอื่น แต่เวลาทำผิด แม่จะเป็นคนด่า ไม่ด่าธรรมดาแต่ออกแนวแบบแช่งลูกตัวเองค่ะ)
เราไม่รู้ว่าการรู้สึกเกลียดการกระทำของแม่ตัวเองมันบาปมั้ย แต่เรารู้สึกแบบนั้น การกระทำคำพูดเขาทุกคำที่เขาด่ามันฝังลึกอยู่ในใจตลอดมาเป็น 10 ก็ไม่เคยหาย จะว่าเป็นฝันร้ายของเราเลยก็ว่าได้)
ควรต้องทำยังไงดีคะ