‘นิด้าโพล’เช็คความมั่นใจ’คนกรุง’ต่อ‘11 กลุ่มอาคาร’ และ ‘ดุสิตโพล’ ชี้ ‘คนไทย’ ส่วนใหญ่ตามข่าว-กังวลเหตุแผ่นดินไหว

‘นิด้าโพล’เช็คความมั่นใจ’คนกรุง’ต่อ‘11 กลุ่มอาคาร’ หลังเกิด‘แผ่นดินไหว

6 เมษายน 2568 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “Post-Aftershock” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับ “ความกังวลใจ” ของคนกรุงเทพมหานครต่อความปลอดภัยของอาคารหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว
จากการสำรวจเมื่อถามถึงเรื่องที่คนกรุงเทพมหานครกังวลใจภายหลังการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว พบว่า  
+ ร้อยละ 68.09 ระบุว่า อาคารต่าง ๆ จะมีความมั่นคง ปลอดภัยแค่ไหน
+ ร้อยละ 59.47 ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ระบบเตือนภัยจะมีประสิทธิภาพหรือไม่
+ ร้อยละ 43.97 ระบุว่า แผ่นดินจะไหวอย่างรุนแรงอีกเมื่อไร
+ ร้อยละ 33.51 ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก การจัดการจราจรและการขนส่งสาธารณะจะมีประสิทธิภาพหรือไม่
+ ร้อยละ 33.21 ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก เราควรเตรียมตัวและรับมืออย่างไร
+ ร้อยละ 29.01 ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบในทางลบหรือไม่
+ ร้อยละ 22.98 ระบุว่า รัฐจะสามารถดำเนินคดีอย่างเข้มงวด กับบุคคลหรือองค์การที่มีส่วนทำให้เกิดตึกถล่มได้หรือไม่
+ ร้อยละ 22.82 ระบุว่า การมีอาการจิตตก ตื่นตระหนก หรืออุปทานหมู่ ทั้ง ๆ ที่อาจไม่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้น
+ ร้อยละ 21.53 ระบุว่า ข่าวปลอมที่สร้างความตื่นกลัว
+ ร้อยละ 19.62 ระบุว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติจะมีความเป็นธรรมหรือไม่
+ ร้อยละ 16.72 ระบุว่า การท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบในทางลบหรือไม่
+ ร้อยละ 2.75 ระบุว่า ไม่มีความกังวลใจ
+ ร้อยละ 0.99 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความมั่นใจของคนกรุงเทพมหานครต่อความปลอดภัยของอาคารในกรุงเทพมหานครหลังการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว พบว่า

1.อาคารห้างสรรพสินค้า
ร้อยละ 47.25 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 30.15 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 12.60 ระบุว่า มั่นใจมาก ร้อยละ 9.47 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

2.อาคารสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา
ร้อยละ 40.61 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 37.25 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 10.69 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 10.38 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

3.โรงแรม
ร้อยละ 42.75 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 36.18 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 10.61 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 9.77 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.69 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

4.อาคารสถานศึกษาของเอกชน
ร้อยละ 53.12 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 29.39 ระบุว่าไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 9.47 ระบุว่า มั่นใจมาก ร้อยละ 7.33 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย และร้อยละ 0.69 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

5.อาคารสำนักงานของเอกชน
ร้อยละ 49.62 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 32.14 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 10.08 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 7.63 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.53 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

6.ตึกแถวอาคารพาณิชย์
ร้อยละ 42.13 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 38.40 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 11.76 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 6.95 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

7.อาคารสถานศึกษาของรัฐ
ร้อยละ 40.38 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 36.88 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 15.57 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 6.64 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

8.อาคารสถานบันเทิง
ร้อยละ 44.12 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 26.49 ระบุว่าค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 5.42 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 5.27 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

9.อาคารที่พักอาศัยของภาคเอกชน (เช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์)
ร้อยละ 41.68 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 35.34 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 17.18 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 5.34 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

10.อาคารที่พักอาศัยของหน่วยงานภาครัฐ
ร้อยละ 48.70 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 30.08 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 17.63 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 2.83 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

11.อาคารที่ทำการของหน่วยงานภาครัฐ
ร้อยละ 48.93 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 17.33 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 2.52 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ



สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศต่อกรณี “คนไทยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว” ระบุคนไทยกว่าร้อยละ ละ 89.11 ติดตามข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวจากสื่อโซเชียลมีเดีย และกว่าร้อยละ 84.91 มีความกังวลต่อภัยพิบัตินี้ รัฐควรผลักดันภัยพิบัตินี้ ให้เป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศต่อกรณี “คนไทยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,239 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างติดตามข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวจากสื่อโซเชียลมีเดีย (เฟซบุ๊ก เอ๊กซ์ ติ๊กต็อก ยูทูป ไลน์) มากที่สุด ร้อยละ 89.11 และมีความกังวลต่อภัยพิบัตินี้ ร้อยละ 84.91

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ประชาชนค่อนข้างกังวลต่อความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ร้อยละ 48.83 ส่งผลให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการติดตามข่าวสารต่าง ๆ มากขึ้นร้อยละ 79.43 ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีระบบติดตาม แจ้งเตือนภัยพิบัติที่รวดเร็ว แม่นยำ ร้อยละ 72.18 รองลงมาคือ ยกระดับเรื่องภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ ร้อยละ 45.10

ด้าน น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยตื่นตัวกับภัยธรรมชาติ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนก็รู้สึกว่า “ข้อมูลจากรัฐ” นั้นล่าช้า สังคมออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวปลอม ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จึงเรียกร้องให้รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญให้กับเรื่องนี้ เร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยที่ แม่นยำ ฉับไว ไว้ใจได้ และเข้าถึงทุกคน เพื่อไม่ให้เกิดการถอดบทเรียนซ้ำ ๆ แต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติจริง

ขณะที่ อาจารย์มณฑล สุวรรณประภา อาจารย์ประจำหลักสูตรอนามัยสิ่งแวดล้อมและสาธารณภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ด้านภัยพิบัติของคนไทย โดยเฉพาะแผ่นดินไหวซึ่งไม่เคยเป็นปัญหาหลักของประเทศไทยจนกลายเป็นความกังวลอันดับหนึ่ง ขณะที่พฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียชี้ให้เห็นว่าภาครัฐยังขาดช่องทางการสื่อสารด้านภัยพิบัติที่น่าเชื่อถือ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ภาครัฐต้องปรับกลยุทธ์การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาครัฐต้องสนับสนุนและผลักดันให้ภัยพิบัตินี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยบูรณาการการทำงาน ทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ ตั้งแต่การพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน การจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนต่อภัยพิบัติ ไปจนถึงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนในการรับมือภัยด้วยตนเอง เพื่อลดความเปราะบางและเพิ่มความยืดหยุ่นของสังคมไทยต่อภัยพิบัติที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอนาคต....

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4577375/


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่