อุทาหรณ์เชื่อคำโบราณ กินมะนาววันละ 6 ลูก หวังล้างพิษ ติดกันเดือนเดียว ผลลัพธ์ที่ได้คาดไม่ถึง อวัยวะพังเสียหาย

แพทย์แชร์เคสอุทาหรณ์ คนไข้เชื่อตามคำรักษาโบราณที่ว่า กินมะนาววันละ 6 ลูก หลังตื่นนอน ช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย ผ่านไปเดือนเดียว ผลลัพธ์ที่ได้คาดไม่ถึง เกิดแผลในกระเพาะรุนแรง
โดยแพทย์ประจำคลินิกการแพทย์แผนโบราณของเวียดนาม แชร์เคสอุทาหรณ์ของคนไข้รายหนึ่งเป็นหญิงวัย 50 ปี ที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการปวดท้อง ท้องอืด และนอนไม่หลับนานติดกันหลายวัน

หลังการสอบถามคนไข้ เล่าว่า เธอจะคั้นมะนาวดื่ม 5-6 ลูกดื่มหลังตื่นนอน ขณะท้องว่าง ตอนเช้าทุกวัน รวมถึงงดทานข้าวเช้า เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีเดียวที่ช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย และสามารถป้องกันโรคได้อีกด้วย

แม้สามีของเธอจะห้ามปรามไม่ให้ดื่ม แต่เธอยังคงมีศรัทธาอย่างเต็มที่ในสิ่งที่ถูกแชร์กันบนโลกออนไลน์ ถึงขนาดกล่าวว่า “ถ้าคนอื่นทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม หลังจากดื่มติดกันหนึ่งเดือน เธอสังเกตว่า ตนเองเริ่มผอมลง ผิวเหลือง ปวดท้อง ท้องอืด นอนไม่หลับตลอดเวลา รวมถึงมีอาการเหนื่อยล้าและหงุดหงิดอยู่เสมอ

ตอนนั้นเธอคิดว่า มันอยู่ระหว่างการดีท็อกซ์ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เมื่อสุขภาพของเธอแย่ลงอย่างมาก ครอบครัวของเธอจึงพาเธอไปโรงพยาบาล และต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเธอมีแผลในกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง

แพทย์เตือนว่า อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างมากพอ หรือไม่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง เนื่องจากอาจเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้

ความเชื่อผิดๆ กับการดื่มน้ำมะนาวรักษาโรค ที่กล่าวว่า มะนาวมีฤทธิ์เย็น เปรี้ยว เข้าสู่เส้นลมปราณตับและกระเพาะอาหาร ผลิตของเหลวในร่างกาย ขับความร้อน ล้างพิษ และช่วยในการย่อยอาหาร

อย่างไรก็ตาม ด้านแพทย์ได้ออกมายืนยันว่า มะนาวไม่ใช่ยารักษาโรคทุกชนิด และไม่มีงานวิจัยใดที่พิสูจน์ได้ว่ามะนาวสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด มะนาวก็อาจเป็นอันตรายกลายเป็น “พิษ” ทำลายกระเพาะได้หากทานไม่ถูกวิธี

ขณะเดียวกัน ด้านแพทย์อีกคนได้ออกมาเสริมว่า การดื่มน้ำมะนาวขณะท้องว่างเป็นการ “ทำลายกระเพาะอาหารชั้นดี” เขาอธิบายว่า ในตอนเช้าน้ำย่อยในกระเพาะจะมีความเป็นกรดสูง การดื่มน้ำมะนาวจะทำให้กระเพาะและระบบย่อยอาหารเสียหายได้ง่าย

เมื่อตื่นนอนตอนเช้าคนเราเพียงแค่ดื่มน้ำเพื่อเจือจางกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยป้องกันอาการปวดท้องได้...
ที่มา/อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_9694791