หลิวชุนเหอ ชายหนุ่มอายุ 20 ปี เขาป่วยเป็นโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy)
ซึ่งทำให้เขามีปัญหาในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน ชุนเหออาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง
เนื่องจากอาการป่วยทำให้เขาในสายตาของผู้เป็นแม่เขาจึงไม่เหมือนคนทั่วไป
แม่พยายามอย่างหนักให้ลูกทำกายภาพบำบัดและใช้ชีวิตในกรอบที่ตัวเองตั้งใจไว้ ชีวิตของชุนเหอไม่ต่างจากไข่ในหิน
จนกระทั่งการมาถึงของ เฉิน ซู่ฉุ่น คุณยายของเขา.. หญิงวัย 60 ปีเศษผู้นี้มองหลานชายตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่น
เธอเห็นว่าชุนเหอเป็นวัยรุ่นธรรมดาๆ คนนึง ..เธอปฏิบัติกับเขาอย่างเข้าใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
สิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับชุนเหอ เขากล้าที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
รวมถึงความรู้สึก ความฝัน สิ่งที่เขาตั้งใจทำให้กับคุณยายฟัง.. เฉิน ซู่ฉุ่น ก็พร้อมจะสนับสนุนหลานคนนี้ในทุกทางไม่ว่าอะไรก็ตาม
Big World (小小的我) เป็นภาพยนตร์ coming-of-age ดราม่า ผลงานการกำกับโดย Yang Lina
เรื่องราวของหลิวชุนเหอชายหนุ่มที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ เขามีความฝันอยากเป็นครูเพื่อสอนหนังสือให้กับเด็กๆ
โชคดีที่เขามีคุณยายที่เข้าใจและคอยเคียงข้าง...นำแสดงโดยอี้หยางเชียนซี และหลิน เสี่ยวเจี๋ย
กวาดรายได้ทั่วโลกสูงถึง 109.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียว
ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมดูหนังเรื่องนี้ด้วยความที่เห็นว่ามีพลอตเรื่องที่น่าสนใจหลังจากที่ได้ดูตัวอย่างหนังจบ
โดยที่ไม่เคยรู้จักพระเอกของเรื่องแต่อย่างใดเลยสักนิดเดียวว่าเขาเป็นใครและดังมากแค่ไหน
จนมาหารายละเอียดและพบว่าดาราหนุ่มวัย 21 ปีผู้นี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดดาวรุ่งในวงการภาพยนตร์ของแดนมังกรเลยทีเดียว (เป็นนักร้องด้วย)
อายุแค่นี้แต่เล่นหนังเยอะมาก หนักไปทางดราม่าสายรางวัลทั้งนั้น
อาทิ A Little Red Flower (2020), Nice View (2022) และที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ Better Days (2019)
มาในเรื่องนี้ แจ๊คสัน ยี หรือ อี้หยางเชียนซี โชว์สกิลเทพกับบทหลิวชุนเหอ ผู้ป่วยเป็นโรคสมองพิการ
ที่เล่นจนผมต้องไปหาดูเลยว่าเวลาปกติๆ ของนักแสดงคนนี้เป็นยังไง
อย่างที่บอกครับด้วยความที่ผมไม่เคยรู้จักแจ๊คสัน ยี มาก่อน ทำให้ผมไม่เคยมีภาพเขาในหัวแม้แต่น้อย
พอไปดูงานเรื่องอื่นของเขาเลยทำให้พบว่า นักแสดงคนนี้มีความสามารถในระดับที่น่าทึ่งอย่างมากจริงๆ
การแสดงออก สีหน้า ท่าทาง ลักษณะการเดิน การทรงตัว สภาวะของกล้ามเนื้อที่หดเกร็งและอาการยุกยิกต่างๆ
ที่แจ๊คสันแสดงให้เราเห็นในหนังเรื่องนี้ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเจ้าตัวต้องทำการบ้านอย่างหนักมาก
กว่าที่จะทำได้เหมือนเช่นนี้ ก็เล่นซะจนผมคิดว่าพระเอกของเรื่องเป็นผู้ที่มีอาการป่วยจริงๆล่ะคิดดู
(ด้วยความที่ผมไม่เคยรู้จักพระเอกคนนี้มาก่อนไง)
มาถึงผู้รับบทคุณยายบ้างครับกับหลิน เสี่ยวเจี๋ย หรือ Diana Lin เธอเป็นนักแสดงสัญชาติออสเตรเลียเชื้อชาติจีนนะครับ
มีผลงานที่น่าสนใจอาทิ The Farewell ปัจจุบันเธอรับงานแสดงทั้งหนังและซีรี่ย์อยู่ที่ออสเตรเลีย
Big World ถือเป็นหนังจีนแผ่นดินใหญ่เรื่องแรกของเธอในรอบกว่า 35 ปีเลยทีเดียว
กับบทของ เฉิน ซู่ฉุ่น คุณยายสุดเฟี้ยวที่เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าคุณยายให้กับชุนเหอ
เธอเอาใจใส่ในทุกอย่าง นั่นทำให้หลานชายไว้วางใจ และยิ่งเธอไม่ไปห้ามหรือบังคับใดๆในสิ่งที่ชุนเหอทำ
ยิ่งทำให้พระเอกของเรายิ่งสบายใจเวลาที่ได้อยู่กับคุณยายคนนี้
อย่างไรก็ตามถือเป็นปกติของหนังดราม่าแนวนี้อยู่แล้ว ตัวของคุณยายเองต้องมีปมอะไรบางอย่าง
นั่นคือสิ่งที่เธอทำดีกับหลานเพราะไม่อยากให้ชีวิตต้องผิดพลาดเหมือนในอดีตอีก (ปมที่ว่าคืออะไรนั้นต้องไปดูเอง)
ขณะที่ผู้เป็นแม่ (เจี่ยง ฉินฉิน) ก็เป็นอีกบทที่ต้องเอ่ยถึง กับความเป็นแม่ที่คอยประคบประหงมลูกชายที่พิการ
และดูเป็นเด็กเสมอในสายตาของเธอ ประกอบกับความขัดแย้งในจิตใจหลายอย่างตั้งแต่ที่ให้กำเนิดลูกคนนี้ออกมา
การมองว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนภาระที่เธอต้องรับผิดชอบ ความผิดหวังจากคนเป็นแม่ (นั่นคือยายของเธอ)
หลายอย่างส่งผลให้การแสดงออกที่เธอมีต่อลูกชายนั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าที่ควร และมันก็กลายเป็นเหมือนรอยแผลที่ตกสะเก็ดตลอดเวลา
เรามาทำความเข้าใจกันครับว่าโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) คืออะไร
โรคดังกล่าวนั้นเป็นโรคทางระบบประสาทครับ ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความบกพร่องทางด้านกล้ามเนื้อ ท่าทาง และการเคลื่อนไหว
เนื่องจากสมองได้รับความเสียหายระหว่างที่ตัวอ่อนกำลังพัฒนา มักมีสัญญาณหรืออาการของโรคแสดงให้เห็นตั้งแต่ในวัยทารก
ทั้งนี้โรคสมองพิการมักส่งผลต่อท่าทางการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลต่อความบกพร่องทางสติปัญญา
นั่นก็คือเขามีความคิดและการเรียนรู้เหมือนคนปกติธรรมดาทุกคนนั่นล่ะ
บางคนจะมองว่าผู้ป่วยมีอาการปัญญาอ่อนซึ่งไม่ใช่เลย เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
ซึ่งหนังเรื่องนี้มีเป้าหมายเพื่อที่จะให้ผู้ชมได้ทำความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้ป่วยโรคสมองพิการ
ว่าเขาสามารถทำงาน ทำทุกอย่างได้เหมือนเราๆท่านๆ ทั้งหลาย เพียงแค่ขอให้เราเปิดใจและยอมรับพวกเขาเท่านั้น
Big World ทำให้เราได้เห็นถึงความรักและความผูกพันของสถาบันครอบครัว
อีกทั้งยังทำให้ผู้ชมได้เข้าใจผู้ป่วยโรคนี้มากยิ่งขึ้น ผมชอบประโยคที่พระเอกของบอกกับยายตอนที่เขาหางานทำได้แล้วว่า
มันไม่ใช่แค่เขาจะได้มีเงินเดือนเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่หมายถึงว่าตัวเขาไม่ได้ไร้ค่า
การที่เขามีงานทำนั่นทำให้ชีวิตของเขามีศักดิ์ศรี เหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน..
แม้การพูดแต่ละครั้งจะยากเย็น จะกินข้าวแต่ละคำก็ลำบาก ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้างที่มีทั้งสงสาร
เห็นใจ.. สมเพช รวมไปถึงรังเกียจ แต่หลิวชุนเหอก็ไม่เคยท้อถอย
ฝันในปลายทางที่เขากำลังจะก้าวไปนั้นเป็นเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ แต่มันสำเร็จได้ถ้ามีคนที่เข้าใจในตัวเขาช่วยผลักดัน..
นี่คือหนังที่สร้างพลังบวกให้กับผู้ชมทุกคนได้อย่างแท้จริง...
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
Big World (2025) ...โลกใบใหญ่กับหัวใจที่ไม่ยอมแพ้...
หลิวชุนเหอ ชายหนุ่มอายุ 20 ปี เขาป่วยเป็นโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy)
ซึ่งทำให้เขามีปัญหาในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน ชุนเหออาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง
เนื่องจากอาการป่วยทำให้เขาในสายตาของผู้เป็นแม่เขาจึงไม่เหมือนคนทั่วไป
แม่พยายามอย่างหนักให้ลูกทำกายภาพบำบัดและใช้ชีวิตในกรอบที่ตัวเองตั้งใจไว้ ชีวิตของชุนเหอไม่ต่างจากไข่ในหิน
จนกระทั่งการมาถึงของ เฉิน ซู่ฉุ่น คุณยายของเขา.. หญิงวัย 60 ปีเศษผู้นี้มองหลานชายตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่น
เธอเห็นว่าชุนเหอเป็นวัยรุ่นธรรมดาๆ คนนึง ..เธอปฏิบัติกับเขาอย่างเข้าใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
สิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับชุนเหอ เขากล้าที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
รวมถึงความรู้สึก ความฝัน สิ่งที่เขาตั้งใจทำให้กับคุณยายฟัง.. เฉิน ซู่ฉุ่น ก็พร้อมจะสนับสนุนหลานคนนี้ในทุกทางไม่ว่าอะไรก็ตาม
Big World (小小的我) เป็นภาพยนตร์ coming-of-age ดราม่า ผลงานการกำกับโดย Yang Lina
เรื่องราวของหลิวชุนเหอชายหนุ่มที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ เขามีความฝันอยากเป็นครูเพื่อสอนหนังสือให้กับเด็กๆ
โชคดีที่เขามีคุณยายที่เข้าใจและคอยเคียงข้าง...นำแสดงโดยอี้หยางเชียนซี และหลิน เสี่ยวเจี๋ย
กวาดรายได้ทั่วโลกสูงถึง 109.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียว
ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมดูหนังเรื่องนี้ด้วยความที่เห็นว่ามีพลอตเรื่องที่น่าสนใจหลังจากที่ได้ดูตัวอย่างหนังจบ
โดยที่ไม่เคยรู้จักพระเอกของเรื่องแต่อย่างใดเลยสักนิดเดียวว่าเขาเป็นใครและดังมากแค่ไหน
จนมาหารายละเอียดและพบว่าดาราหนุ่มวัย 21 ปีผู้นี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดดาวรุ่งในวงการภาพยนตร์ของแดนมังกรเลยทีเดียว (เป็นนักร้องด้วย)
อายุแค่นี้แต่เล่นหนังเยอะมาก หนักไปทางดราม่าสายรางวัลทั้งนั้น
อาทิ A Little Red Flower (2020), Nice View (2022) และที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ Better Days (2019)
มาในเรื่องนี้ แจ๊คสัน ยี หรือ อี้หยางเชียนซี โชว์สกิลเทพกับบทหลิวชุนเหอ ผู้ป่วยเป็นโรคสมองพิการ
ที่เล่นจนผมต้องไปหาดูเลยว่าเวลาปกติๆ ของนักแสดงคนนี้เป็นยังไง
อย่างที่บอกครับด้วยความที่ผมไม่เคยรู้จักแจ๊คสัน ยี มาก่อน ทำให้ผมไม่เคยมีภาพเขาในหัวแม้แต่น้อย
พอไปดูงานเรื่องอื่นของเขาเลยทำให้พบว่า นักแสดงคนนี้มีความสามารถในระดับที่น่าทึ่งอย่างมากจริงๆ
การแสดงออก สีหน้า ท่าทาง ลักษณะการเดิน การทรงตัว สภาวะของกล้ามเนื้อที่หดเกร็งและอาการยุกยิกต่างๆ
ที่แจ๊คสันแสดงให้เราเห็นในหนังเรื่องนี้ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเจ้าตัวต้องทำการบ้านอย่างหนักมาก
กว่าที่จะทำได้เหมือนเช่นนี้ ก็เล่นซะจนผมคิดว่าพระเอกของเรื่องเป็นผู้ที่มีอาการป่วยจริงๆล่ะคิดดู
(ด้วยความที่ผมไม่เคยรู้จักพระเอกคนนี้มาก่อนไง)
มาถึงผู้รับบทคุณยายบ้างครับกับหลิน เสี่ยวเจี๋ย หรือ Diana Lin เธอเป็นนักแสดงสัญชาติออสเตรเลียเชื้อชาติจีนนะครับ
มีผลงานที่น่าสนใจอาทิ The Farewell ปัจจุบันเธอรับงานแสดงทั้งหนังและซีรี่ย์อยู่ที่ออสเตรเลีย
Big World ถือเป็นหนังจีนแผ่นดินใหญ่เรื่องแรกของเธอในรอบกว่า 35 ปีเลยทีเดียว
กับบทของ เฉิน ซู่ฉุ่น คุณยายสุดเฟี้ยวที่เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าคุณยายให้กับชุนเหอ
เธอเอาใจใส่ในทุกอย่าง นั่นทำให้หลานชายไว้วางใจ และยิ่งเธอไม่ไปห้ามหรือบังคับใดๆในสิ่งที่ชุนเหอทำ
ยิ่งทำให้พระเอกของเรายิ่งสบายใจเวลาที่ได้อยู่กับคุณยายคนนี้
อย่างไรก็ตามถือเป็นปกติของหนังดราม่าแนวนี้อยู่แล้ว ตัวของคุณยายเองต้องมีปมอะไรบางอย่าง
นั่นคือสิ่งที่เธอทำดีกับหลานเพราะไม่อยากให้ชีวิตต้องผิดพลาดเหมือนในอดีตอีก (ปมที่ว่าคืออะไรนั้นต้องไปดูเอง)
ขณะที่ผู้เป็นแม่ (เจี่ยง ฉินฉิน) ก็เป็นอีกบทที่ต้องเอ่ยถึง กับความเป็นแม่ที่คอยประคบประหงมลูกชายที่พิการ
และดูเป็นเด็กเสมอในสายตาของเธอ ประกอบกับความขัดแย้งในจิตใจหลายอย่างตั้งแต่ที่ให้กำเนิดลูกคนนี้ออกมา
การมองว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนภาระที่เธอต้องรับผิดชอบ ความผิดหวังจากคนเป็นแม่ (นั่นคือยายของเธอ)
หลายอย่างส่งผลให้การแสดงออกที่เธอมีต่อลูกชายนั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าที่ควร และมันก็กลายเป็นเหมือนรอยแผลที่ตกสะเก็ดตลอดเวลา
เรามาทำความเข้าใจกันครับว่าโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) คืออะไร
โรคดังกล่าวนั้นเป็นโรคทางระบบประสาทครับ ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความบกพร่องทางด้านกล้ามเนื้อ ท่าทาง และการเคลื่อนไหว
เนื่องจากสมองได้รับความเสียหายระหว่างที่ตัวอ่อนกำลังพัฒนา มักมีสัญญาณหรืออาการของโรคแสดงให้เห็นตั้งแต่ในวัยทารก
ทั้งนี้โรคสมองพิการมักส่งผลต่อท่าทางการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลต่อความบกพร่องทางสติปัญญา
นั่นก็คือเขามีความคิดและการเรียนรู้เหมือนคนปกติธรรมดาทุกคนนั่นล่ะ
บางคนจะมองว่าผู้ป่วยมีอาการปัญญาอ่อนซึ่งไม่ใช่เลย เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
ซึ่งหนังเรื่องนี้มีเป้าหมายเพื่อที่จะให้ผู้ชมได้ทำความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้ป่วยโรคสมองพิการ
ว่าเขาสามารถทำงาน ทำทุกอย่างได้เหมือนเราๆท่านๆ ทั้งหลาย เพียงแค่ขอให้เราเปิดใจและยอมรับพวกเขาเท่านั้น
Big World ทำให้เราได้เห็นถึงความรักและความผูกพันของสถาบันครอบครัว
อีกทั้งยังทำให้ผู้ชมได้เข้าใจผู้ป่วยโรคนี้มากยิ่งขึ้น ผมชอบประโยคที่พระเอกของบอกกับยายตอนที่เขาหางานทำได้แล้วว่า
มันไม่ใช่แค่เขาจะได้มีเงินเดือนเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่หมายถึงว่าตัวเขาไม่ได้ไร้ค่า
การที่เขามีงานทำนั่นทำให้ชีวิตของเขามีศักดิ์ศรี เหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน..
แม้การพูดแต่ละครั้งจะยากเย็น จะกินข้าวแต่ละคำก็ลำบาก ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้างที่มีทั้งสงสาร
เห็นใจ.. สมเพช รวมไปถึงรังเกียจ แต่หลิวชุนเหอก็ไม่เคยท้อถอย
ฝันในปลายทางที่เขากำลังจะก้าวไปนั้นเป็นเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ แต่มันสำเร็จได้ถ้ามีคนที่เข้าใจในตัวเขาช่วยผลักดัน..
นี่คือหนังที่สร้างพลังบวกให้กับผู้ชมทุกคนได้อย่างแท้จริง...
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===