กรุงเทพ' ครองแชมป์ 'คนอ้วน' ชุกสุดในไทย คนไทยเกือบ 50% มีน้ำหนักเกินเกณฑ์

กรุงเทพ' ครองแชมป์ 'คนอ้วน' ชุกสุดในไทย คนไทยเกือบ 50% มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
กินฉ่ำๆ กินจุกๆ กินจึ้งๆ กินกันจนกลายเป็น 'โรคอ้วน' รึเปล่า?
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ประชากรไทยกว่า 48.35% มีปัญหาน้ำหนักเกินและอ้วน โดยจากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 ระบุว่า พื้นที่ที่มีความชุกของปัญหาน้ำหนักเกินและอ้วนที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร (56.4%)
.
รองลงมาคือ ภาคเหนือ (51.8%) ภาคใต้ (50.8%) ภาคกลาง (46.9%) และภาคอีสาน (46.6%)
.
โดยถ้าเจาะลงมาดูในกลุ่ม 'เด็กไทย' ก็จะพบว่า ยิ่งโตๆ เด็กไทยยิ่งมีความชุกของความอ้วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ยิ่งโตยิ่งอ้วน
.
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 9.24%
- เด็กอายุ 6-14 ปี 13.12%
- เด็กที่มีอายุ 15-18 ปี 15.76%
.
จังหวัดที่มีเด็กอ้วนและเริ่มอ้วนชุกที่สุด คือ เด็กที่อาศัยอยู่ในเขตสุขภาพที่ 4 อย่างกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และนครนายก โดยในปี 2567 ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2566
.
ทำไม 'เด็กอ้วน' ถึงควรได้รับการดูแล?
.
- เด็กอ้วนมีแนวโน้มจะโตไปเป็นผู้ใหญ่อ้วนมากกว่า 5 เท่าของเด็กไม่อ้วน
- เด็กอ้วน 55% มีโอกาสโตไปเป็น 'วัยรุ่นอ้วน'
- วัยรุ่นอ้วน 80% มีโอกาสจะโตไปเป็น 'ผู้ใหญ่อ้วน'
- วัยรุ่นอ้วน 70% มีโอกาสจะเป็น 'โรคอ้วน' ตั้งแต่อายุ 30
- โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง และขาโก่ง
.
ส่วนในระดับโลกก็ไม่แพ้กัน เพราะในปี 2565 ทั่วโลกมีประชากรเป็นโรคอ้วนกว่า 1 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 2 เท่าในผู้ใหญ่ และเพิ่มขึ้น 4 เท่าในเด็ก เมื่อเทียบกับ 35 ปีก่อน พร้อมคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประชากรน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์และอ้วนจะสูงถึง 54% หรือมีจำนวนราว 3.3 พันล้านคน
.
โดยข้อมูลทั้งหมดข้างต้นมีทาง BDMS Wellness Clinic เป็นผู้รวบรวมออกมาเผยแพร่ พร้อมยังได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า โรคอ้วนเกิดจากหลายปัจจัยอย่างพันธุกรรม อาหารไขมันสูง ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่กุญแจสำคัญคือ 'ไลฟ์สไตล์' ไม่ว่าจะเป็นการกินเยอะ กินมาก กินอาหารพลังงานเยอะ น้ำตาลสูง ไขมันสูง หรืออาหารแปรรูป
.
'นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ' ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO) ทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่ของคนใดคนหนึ่ง แต่ถือว่าเป็นเรื่องของทุกคนในสังคม ภาครัฐ ภาคเอกชน ไปจนถึงเป็นพันธกิจในระดับนานาชาติ เพื่ออนาคตที่มีสุขภาพดีของลูกหลาน
.
นอกเหนือจากผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว 'โรคอ้วน' ยังส่งผลต่อ 'เศรษฐกิจ' ด้วยเช่นกัน เพราะโรคอ้วนสามารถก่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากถึง 1.27% ของ GDP และยิ่งไม่ได้การแก้ไข นานวันขนาดของความสูญเสียทางเศรษฐกิจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

ที่มา : Brand Inside
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่