คะแนน IMDb ปัจจุบัน: 8.5/10
⏳
เรื่องย่อ
"Back to the Future" เป็นภาพยนตร์ไซไฟ-คอมเมดี้ที่กำกับโดย
Robert Zemeckis และอำนวยการสร้างโดย
Steven Spielberg นำแสดงโดย
Michael J. Fox และ
Christopher Lloyd ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แนวไซไฟที่โด่งดังที่สุดและได้รับความนิยมตลอดกาล
เรื่องราวของ
Marty McFly (Michael J. Fox) วัยรุ่นธรรมดาที่มีชีวิตแบบคนทั่วไป แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับ
Dr. Emmett "Doc" Brown (Christopher Lloyd) นักวิทยาศาสตร์สุดเพี้ยนที่สร้างเครื่องไทม์แมชชีนจากรถ
DeLorean และบังเอิญทำให้ Marty เดินทางย้อนเวลากลับไปในปี 1955
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ Marty ได้พบกับพ่อแม่ของเขาในวัยหนุ่ม และเผลอทำให้แม่ของเขาตกหลุมรักเขาแทนที่จะเป็นพ่อ! Marty ต้องหาทางทำให้พ่อแม่ของเขาตกหลุมรักกันให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหายไปจากอนาคต และต้องหาทางกลับไปยังปี 1985 โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก Doc Brown เวอร์ชันปี 1955
🎞
รีวิวหลังรับชม
✅
จุดเด่นของภาพยนตร์
บทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบ
Back to the Future มีการวางโครงเรื่องที่แน่นและลงตัวมาก ทุกเหตุการณ์เชื่อมโยงกันอย่างลื่นไหล และใช้ไอเดียเกี่ยวกับ "ผลกระทบจากอดีตสู่อนาคต" ได้อย่างฉลาด
เคมีของตัวละครยอดเยี่ยม
Michael J. Fox ถ่ายทอดบท Marty McFly ได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์ สนุกสนาน และน่าติดตาม ขณะที่ Christopher Lloyd ก็แสดงเป็น Dr. Brown ได้อย่างโดดเด่นและกลายเป็นตัวละครที่เป็นที่จดจำของแฟน ๆ ทั่วโลก
ฉากไทม์แมชชีน DeLorean กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมป๊อป
การเลือกใช้รถ
DeLorean เป็นเครื่องย้อนเวลาถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไอคอนิกที่สุดในโลกภาพยนตร์ และทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรถที่เป็นที่จดจำมากที่สุดในวัฒนธรรมป๊อป
บรรยากาศและดนตรีประกอบสุดคลาสสิก
เพลงประกอบของ
Alan Silvestri และเพลง
"The Power of Love" ของ
Huey Lewis and the News กลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลและเข้ากับอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี
แนวคิดไซไฟที่เข้าใจง่ายแต่ลึกซึ้ง
หนังพูดถึงแนวคิดเรื่องการเดินทางข้ามเวลาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอดีตได้อย่างสนุกและเข้าถึงง่าย โดยไม่ต้องใช้หลักการวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนมากเกินไป
❌
จุดที่อาจเป็นข้อเสีย
เนื้อเรื่องเป็นแนวเบา ๆ ไม่มีดราม่าหนัก ๆ
สำหรับผู้ที่ชอบหนังไซไฟที่จริงจังและเข้มข้น อาจรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ออกไปทางแนวคอมเมดี้และผจญภัยมากกว่าจะเป็นหนังไซไฟที่จริงจัง
พล็อตบางจุดอาจดูไม่สมเหตุสมผล
แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยความสนุก แต่ก็มีบางจุดที่อาจจะไม่เป็นไปตามหลักฟิสิกส์หรือความเป็นจริง (แต่ก็ต้องจำไว้ว่านี่คือหนังไซไฟที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง!)
🏆
สรุป
"Back to the Future" ไม่ใช่แค่หนังไซไฟเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา แต่เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความตลก ความตื่นเต้น และหัวใจของการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดูได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่มีวันเบื่อ
ถ้าคุณยังไม่เคยดูเรื่องนี้ ถือว่าพลาดหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล!
คะแนน: 9.5/10 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✨
รีวิวภาพยนตร์ "Back to the Future" (1985) – การเดินทางข้ามเวลาที่กลายเป็นตำนานของวงการภาพยนตร์
คะแนน IMDb ปัจจุบัน: 8.5/10
⏳ เรื่องย่อ
"Back to the Future" เป็นภาพยนตร์ไซไฟ-คอมเมดี้ที่กำกับโดย Robert Zemeckis และอำนวยการสร้างโดย Steven Spielberg นำแสดงโดย Michael J. Fox และ Christopher Lloyd ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แนวไซไฟที่โด่งดังที่สุดและได้รับความนิยมตลอดกาล
เรื่องราวของ Marty McFly (Michael J. Fox) วัยรุ่นธรรมดาที่มีชีวิตแบบคนทั่วไป แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับ Dr. Emmett "Doc" Brown (Christopher Lloyd) นักวิทยาศาสตร์สุดเพี้ยนที่สร้างเครื่องไทม์แมชชีนจากรถ DeLorean และบังเอิญทำให้ Marty เดินทางย้อนเวลากลับไปในปี 1955
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ Marty ได้พบกับพ่อแม่ของเขาในวัยหนุ่ม และเผลอทำให้แม่ของเขาตกหลุมรักเขาแทนที่จะเป็นพ่อ! Marty ต้องหาทางทำให้พ่อแม่ของเขาตกหลุมรักกันให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหายไปจากอนาคต และต้องหาทางกลับไปยังปี 1985 โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก Doc Brown เวอร์ชันปี 1955
🎞 รีวิวหลังรับชม
✅ จุดเด่นของภาพยนตร์
บทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบ
Back to the Future มีการวางโครงเรื่องที่แน่นและลงตัวมาก ทุกเหตุการณ์เชื่อมโยงกันอย่างลื่นไหล และใช้ไอเดียเกี่ยวกับ "ผลกระทบจากอดีตสู่อนาคต" ได้อย่างฉลาด
เคมีของตัวละครยอดเยี่ยม
Michael J. Fox ถ่ายทอดบท Marty McFly ได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์ สนุกสนาน และน่าติดตาม ขณะที่ Christopher Lloyd ก็แสดงเป็น Dr. Brown ได้อย่างโดดเด่นและกลายเป็นตัวละครที่เป็นที่จดจำของแฟน ๆ ทั่วโลก
ฉากไทม์แมชชีน DeLorean กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมป๊อป
การเลือกใช้รถ DeLorean เป็นเครื่องย้อนเวลาถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไอคอนิกที่สุดในโลกภาพยนตร์ และทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรถที่เป็นที่จดจำมากที่สุดในวัฒนธรรมป๊อป
บรรยากาศและดนตรีประกอบสุดคลาสสิก
เพลงประกอบของ Alan Silvestri และเพลง "The Power of Love" ของ Huey Lewis and the News กลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลและเข้ากับอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี
แนวคิดไซไฟที่เข้าใจง่ายแต่ลึกซึ้ง
หนังพูดถึงแนวคิดเรื่องการเดินทางข้ามเวลาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอดีตได้อย่างสนุกและเข้าถึงง่าย โดยไม่ต้องใช้หลักการวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนมากเกินไป
❌ จุดที่อาจเป็นข้อเสีย
เนื้อเรื่องเป็นแนวเบา ๆ ไม่มีดราม่าหนัก ๆ
สำหรับผู้ที่ชอบหนังไซไฟที่จริงจังและเข้มข้น อาจรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ออกไปทางแนวคอมเมดี้และผจญภัยมากกว่าจะเป็นหนังไซไฟที่จริงจัง
พล็อตบางจุดอาจดูไม่สมเหตุสมผล
แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยความสนุก แต่ก็มีบางจุดที่อาจจะไม่เป็นไปตามหลักฟิสิกส์หรือความเป็นจริง (แต่ก็ต้องจำไว้ว่านี่คือหนังไซไฟที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง!)
🏆 สรุป
"Back to the Future" ไม่ใช่แค่หนังไซไฟเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา แต่เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความตลก ความตื่นเต้น และหัวใจของการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดูได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่มีวันเบื่อ
ถ้าคุณยังไม่เคยดูเรื่องนี้ ถือว่าพลาดหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล!
คะแนน: 9.5/10 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✨