‘อ.เจษฎ์’ ไขสงสัย ‘ชาไทย’ อันตรายจริงหรือไม่-เด็กดื่มเสี่ยงสมาธิสั้น
ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ไขสงสัยแบบละเอียด หลังคนแห่แชร์เตือน "ชาไทย" อันตรายห้ามดื่ม หากเด็กดื่มจะเสี่ยงสมาธิสั้น
ภายหลังจากมีการแชร์ข้อมูลเตือนไม่ให้ดื่ม “ชาไทย” เนื่องจากใส่สีผสมอาหาร ที่บางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้ อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ส่งผลต่อภาวะสมาธิสั้นในเด็ก นั้น
.
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาไขข้อสงสัย โดยได้โพสต์คลิปวิดีโออธิบายผ่านทางรายการ “ชัวร์แน่ หรือแชร์มั่ว” ระบุว่า แม้ว่าชาไทยจะถูกห้ามขายในบางประเทศ เนื่องจากมีการใส่สีผสมอาหารก็ตาม แต่ก็ไม่ได้จะอันตรายอย่างที่แชร์กัน เพราะว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยกำหนดไว้ว่าให้ใส่สีผสมอาหารนั้นได้ไม่เกินเท่าไร หรือหากกังวลก็ให้ลดการบริโภคลง
.
พร้อมทั้งยกข้อมูลจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเคยออกมาแถลงแล้วว่า ชานั้นมีอยู่หลายประเภท บางประเภทก็อนุญาตให้ใส่สีผสมอาหารได้ แต่ต้องในปริมาณไม่เกินจากที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรฐานสากล ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคอ่านฉลากก่อนซื้อ หากซื้อชาปรุงสำเร็จตามร้าน ให้เลือกที่สีอ่อนตามธรรมชาติ โดยชาไทยสีส้มที่เราคุ้นเคยกัน จะเห็นว่าแตกต่างไปจากสีของชาเย็นในต่างประเทศ ที่จะสีน้ำตาลอ่อนคล้ายกับโกโก้หรือโอวัลตินมากกว่า เพราะสีส้มนั้นเกิดจากการใส่สีผสมอาหาร เพื่อให้เครื่องดื่มน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
.
ทั้งนี้ คนไทยรู้จักการดื่มชามานานมากแล้ว โดยมีหลักฐานตั้งแต่สมัยอยุธยา ผ่านบันทึกในจดหมายเหตุลาลูแบร์ สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลังจากนั้น ก็มีวิวัฒนาการเรื่อยมา เริ่มนำนมข้นหวานและน้ำแข็งมาใส่ โดยในช่วงรัชกาลที่ 6 พบว่าประเทศไทยมีร้านกาแฟโบราณเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และเป็นยุคที่คนไทยรู้จักการใส่นมในเครื่องดื่มชา การที่สีของชาไทย ไม่เหมือนกับชาของที่อื่นๆ เนื่องจากมีการเติมสีผสมอาหาร สีเหลืองและสีแดง ในใบชาแห้งระหว่างกระบวนการผลิต เพื่อทำให้สีของชาไทยน่ารับประทาน แต่ไม่มีผลต่อรสชาติ การที่เห็นสีชาเข้ม-อ่อนนั้น มาจากปริมาณการใส่สีที่แตกต่างกัน แต่การใส่นมเป็นส่วนผสม ก็ทำให้สีชาอ่อนลงด้วย และส่งผลจากรสชาติของชาด้วย
.
ผงชาไทยสำเร็จรูป ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรป มีข้อห้ามใช้สีผสมอาหาร “Sunset Yellow FCF” ที่ทำให้ผงชาไทยมีสีส้มเข้ม แล้วถ้าสีเหล่านี้ไม่ปลอดภัย ทำไมไทยเราจึงสามารถใช้เป็นส่วนผสมได้
.
โดยหน่วยงานภาครัฐอย่าง “สำนักงานมาตรฐานอาหารของประเทศอังกฤษ” (Food Standards Agency: FSA) เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์อาหาร 6 สีภายในปี พ.ศ. 2552 ทั้งยังเรียกร้องให้ทุกประเทศในสหภาพยุโรป เลิกใช้ด้วย โดยสีทั้ง 6 มีรายชื่อดังต่อไปนี้ “Tartrazine”, “Quinoline Yellow” , “Carmoisine” , “Ponceau 4R” , “Allura Red” และสี “Sunset Yellow FCF” ซี่งเป็นสีสังเคราะห์ที่ให้สีเหลืองถึงสีส้ม และใช้ใส่ในผงชาไทย
.
ซึ่งเว็บไซต์สำนักข่าว “ดิ อินดิเพนเดนต์” (The Independent) ได้ระบุว่า สีเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงกับภาวะสมาธิสั้นในเด็ก จากการศึกษาในกลุ่มเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษา จัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเซาท์แทมป์ตัน (University of Southampton) พบว่า สีผสมอาหารทำให้เด็กนักเรียนเสียสมาธิ และไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ ทั้งนี้กลุ่มนักวิจัยคาดว่า 30% ของเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) สามารถป้องกันได้หากบริษัทผู้ผลิตต่างๆ เลิกใช้สีสังเคราะห์ผสมอาหาร
.
แต่เว็บไซต์ “เฮลโหล คุณหมอ Hello Khunmor” ระบุถึงงานศึกษา ที่ชี้ให้เห็นว่า สีผสมอาหารเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพร้ายแรง แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจน ว่าสีผสมอาหารเหล่านั้นเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพโดยตรง เพราะบางคนอาจเกิดอาการแพ้สีผสมอาหารเป็นคนๆ ไป แต่ไม่ใช่ว่าเป็นสาเหตุของอาการป่วยทั้งหมด
.
และทางเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวแชร์ทางออนไลน์ เกี่ยวกับชาใส่สี yellow no 6 หรือสี sunset yellow ดังนี้ ผลิตภัณฑ์ชามีหลายประเภท ได้แก่ ชาใบ ชาผงสำเร็จรูป และชาปรุงสำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่ ชาที่มีการใส่สี จะเป็นประเภทชาปรุงสำเร็จ ที่มีการปรุงแต่งสีกลิ่นรส ตามกฎหมายจะอนุญาตให้ใส่สี yellow no 6 หรือสี sunset yellow ได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ในสภาพพร้อมบริโภค ซึ่งสอดคล้องตามมาตรฐานสากล โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ถือว่า สีดังกล่าวยังปลอดภัยสำหรับการใช้ในอาหาร ตามขีดจำกัดที่กำหนด ควรมีการควบคุมการใช้และการบริโภคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการใช้ในปริมาณที่เกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้
.
สำหรับความเกี่ยวข้องกับภาวะสมาธิสั้นในเด็ก จากผลการศึกษาวิจัย ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ ที่ระบุได้ว่า สีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นสาเหตุทำให้เกิดสมาธิสั้นในเด็ก
.
สำหรับคำแนะนำเรื่องการซื้อชา การเลือกซื้อชาในภาชนะบรรจุมาดื่ม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต สังเกตบนฉลาก ต้องมีเลข อย. ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือนำเข้า มีการแสดงส่วนประกอบของชา หากต้องการดื่มชาที่มีสีและกลิ่นตามธรรมชาติ ให้เลือกใบชาหรือผงชาเป็นส่วนประกอบหลัก โดยในส่วนประกอบที่แสดงบนฉลาก จะไม่มีสีและน้ำตาล
.
แต่หากต้องการดื่มชาปรุงสำเร็จ ที่มีการแต่งสี และปรุงรส เช่น เติมน้ำตาล บนฉลากจะมีการแสดงคำว่า สีสังเคราะห์ หรือสีธรรมชาติ (INS…หรือ ชื่อของสี) เช่น สี INS110 หรือ สี Sunset yellow ผู้บริโภคควรสังเกตสี เมื่อชงพร้อมดื่มแล้วจะต้องมีสีตามธรรมชาติ ไม่เข้มฉูดฉาด
.
ส่วนการซื้อชาตามร้านค้า ควรเลือกซื้อเครื่องดื่มชาสีอ่อน ไม่เข้มฉูดฉาดเช่นเดียวกัน ไม่ควรดื่มวันละหลายๆ แก้ว ควรเลือกดื่มเครื่องดื่มให้หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับสีผสมอาหารชนิดเดิม ซ้ำๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ...
.
ที่มา : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
‘อ.เจษฎ์’ ไขสงสัย ‘ชาไทย’ อันตรายจริงหรือไม่-เด็กดื่มเสี่ยงสมาธิสั้น