ปฏิบัติการ’ฟอกปอด‘ (ที่ดาลัด)

กระทู้นี้ไม่ได้เป็นของธาราสินธุ์เขียนนะคะ
ท่าน พล.อ.ท.หญิง สหัทยา ที่เป็นผู้ใหญ่ที่ธาราสินธุ์เคารพนับถือมาก ๆ ไปเที่ยวมา และกรุณาเขียนเล่าความบันเทิงให้ฟัง
อ่านพร้อมดูรูปประกอบแล้ว รู้สึกชื่นบาน สดใสมาก (เห็นสีชุดก็ยอมแพ้แล้วค่าาาา คุณน้าขาาาา)

เลยขออนุญาตท่านว่า ขออนุญาตเอามาลงนะคะ

ท่านก็อนุญาตค่ะ
ปลื้มปริ่ม

ในช่วงที่รัฐบาลประกาศปาวๆ ถึงภัยคุกคามของฝุ่นPM2.5 บวกกับไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์พึลึกพิลั่น และการกลับมาของโรคมหาประลัยโควิด ที่รุมมาคุกคามประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเช่นผู้สูงอายุ ทำให้สาวๆวัยใกล้รุ่งกลุ่มหนึ่ง…คือเกินวัยดึกไปจนเกือบเช้าไง(หรือศัพท์โบราณเรียกว่าแม่เฒ่า) รู้สึกสยองมาก เกรงว่าจะติดโรคใดโรคหนึ่ง จนทำให้เป็นภาระของลูกหลานที่จะต้องดูแลรักษา ดังนั้นจึงเห็นควรที่จะกำจัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ด้วยการนำตัวเสี่ยงออกจากสมการ อันเป็นที่มาของเรื่องปฏิบัติการ’ฟอกปอด’


แม่เฒ่าทั้ง 5 ซึ่งอยู่ในวัย 70-80+ ที่สมัยโบราณถือว่า ควรห่มผ้าแถบตะบันหมากกินอยู่กับบ้านจะสวยกว่า ทว่าสมัยนี้ถึงกับทิ้งลูกทิ้งหลานทิ้งสามี ให้เฝ้าบ้านแล้วออกมาลั้นลากับเพื่อนๆเฉยเลย โดยตกลงจะไป ‘ฟอกปอด’สัก4-5วัน ยังประเทศเวียดนาม ที่คำนวณดูแล้ว มีค่าใช้จ่าย’พอสมน้ำสมเนื้อ‘
นางพญาเม่า





นางเหล่านี้ล้วนมีรูปพรรณสัณฐานแตกต่างกัน ตั้งแต่ผอมเพรียวจนถึง…เอ้อ…อวบอิ่ม แต่ก็แอบหลงตัวว่าเป็นดาราหน้ากล้องกลับชาติมาเกิด จึงถลาไปถ่ายๆๆรูปทุกหนแห่ง สิริรวมแล้วคนละหลายร้อยรูป! ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าถ่ายไปก็ไม่มีใครสนใจจะดูหรอก แต่…มันอยากน่ะ เข้าใจไหม?ฉะนั้นทริปนี้จึงเน้นแต่เรื่องกิน,ถ่าย(รูป) และจ่าย โดยไม่ได้คำนึงถึงสารัตถะมากนัก


ดังนั้นเช้าตรู่วันหนึ่งหลังจากแลกเงินกันคนละหลายสิบล้าน(ด่อง)มาให้อุ่นใจ…อย่าตกใจจ้า อัตราแลกเปลี่ยน 100,000D = 138บาท เราจึงจับเครื่องบิน บินไปยังเมืองนาตรัง และตีรถรวดเดียวสามชั่วโมงกว่า ลัดเลี้ยวเคี้ยวคดขึ้นเขาจนไปถึงเมืองดาลัด อากาศในเดือนกุมภาพันธ์เย็นพอสบาย วิวข้างทางเป็นภูเขาน้อยใหญ่ คล้ายทางภาคเหนือของประเทศเรา แต่อุดมไปด้วยความเขียวขจีของป่าไม้สน ต้นปาล์ม และสวนมะม่วงปลูกเป็นแถวเป็นแนวสุดลูกหูลูกตา ไม่ปรากฏเขาหัวโล้นให้เห็นเลย 


กรมทางหลวงชนบทของเขากำลังปรับปรุงถนนไปดาลัด ทำให้มีรถติดเป็นบางช่วงและมีหินก้อนโตเท่าน้องๆบ้าน กลิ้งหล่นอยู่สองข้างทางเป็นระยะๆ น่าหวาดเสียวมากหากมันจะเผลอตกมาทับรถเรา! ที่จริงแต่ก่อนเขาก็มีสายการบินของเวียดนาม บินตรงจากกรุงเทพฯมาดาลัด แต่หยุดกิจการชั่วคราวหลังจากโควิดระบาด ได้ข่าวว่าจะเปิดทำการใหม่ภายในปลายปีนี้ นักท่องเที่ยวจะได้ไม่ต้องเมารถระหว่างเดินทาง แต่ก็มีจุดพักรถที่มีร้านอาหารระหว่างทาง รสชาติประมาณว่า‘กินกันตาย’หรือเราสั่งไม่เป็นกันก็ไม่รู้!


พอถึงดาลัดก็วิ่งโร่ไปเติมพลังด้วยอาหารประจำชาติคือ เฝอเจ้าอร่อย ที่ร้านดังประจำเมือง





อิ่มแล้วพ่อนัทไกด์หนุ่มของเราบอกว่าจะพาไปวัดชื่อ Linh Phuoc Pagoda คงเห็นว่าเราถึงวัยที่ควรจะเข้าวัดเข้าวาได้แล้วกระมัง แม่เฒ่าทั้งหลาย ซึ่งวันนี้ยังอยู่ในโหมดฆราวาสเต็มที่ ทำจมูกย่นแล้วต่อรองว่าแก่แล้ว เหนื่อยแล้ว ง่วงแล้ว ขอแค่ขับผ่านแบบ drive thru ไม่ต้องลงจากรถละกันนะ แต่พอถึงวัด ก็ร้องโอ้โฮ! อ้าฮา! สวยจัง! แล้วกระวีกระวาดลงไปทันทีที่รถจอด และใช้เวลาอยู่ที่นั่นกว่าชั่วโมง!






ที่นี่เป็นวัดที่ประดับด้วยเซรามิกทั้งวัด วิหาร เจดีย์ ศาลาการเปรียญ หอคอย ฯลฯ และมีรูปเจ้าแม่กวนอิม องค์สูงใหญ่เท่าตึกหลายชั้น ทุกอณู
ประดับด้วยดอกเก๊กฮวยสดสีเหลืองอร่ามทั้งองค์ เสียดายที่เรามาช้าไปหลายวันดอกเลยแห้งไปบ้าง แต่ก็ยังสวยอลังการอยู่ดี แต่ที่แปลกคือที่วิหารรายมีรูปหล่อสีทองของบรรดาเกจิอาจารย์ดังๆของไทยเต็มไปหมด เช่นหลวงพ่อทวด หลวงปู่แหวน หลวงพ่อเกษม ฯลฯ ตั้งอยู่รายรอบวิหาร เสียดายที่วัดนี้ไม่มีป้ายบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เราจึงไม่ทราบประวัติของทางวัด และพิธีกรรมทางศาสนาที่เขาอนุญาตให้เราร่วมทำ จะถามไกด์ก็ถูกใช้ให้ไปนั่งเฝ้ารองเท้าของพวกแม่เฒ่าอยู่ด้านนอก เพราะคนพลุกพล่านเหลือเกิน



เสร็จภารกิจทางธรรมแล้ว นัทจึงเอาใจสายกินแล้วถ่ายด้วยการแวะไปชมสวนดอกไม้ และกินกาแฟเวียดนามที่ลือชื่อ คือกาแฟดำใส่นมข้นนั่นเอง แต่ทั้งรสชาติ และกลิ่น เข้มข้นหอมหวานสุดๆ It’s a must นะคะ อ้อ! ลืมบอกไป โยเกิร์ตสดที่นี่อร่อยมาก อย่าลืมกินล่ะ



นัทบอกให้เราเสียดายว่า ถ้ามาเมื่อเดือนที่แล้วจะเห็นดอกซากุระบานสะพรั่ง แต่ไม่เป็นไร เพราะดาลัดได้ชื่อว่าเป็น Flower city และ Little Paris เพราะมีดอกไม้นานาชนิด ผลัดกันออกดอกตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเดือนธันวาคมจะมี Flower festival เหมาะสำหรับมนุษย์นางเอกที่ชอบธรรมชาติ และชอบถ่ายรูป และมีหอไอเฟลน้อยตั้งอยู่กลางเมือง ซึ่งพอประดับไฟในช่วงกลางคืน ก็พอกล้อมแกล้มได้ว่า เหมือนแฮะ! 

แถบดาลัดนี้เต็มไปด้วยโรงเรือนพลาสติกเพื่อปลูกผัก ผลไม้ และดอกไม้เต็มไปหมดแทบทุกแห่ง ทั้งหุบเขา บนเขา และข้างทาง ดินคงจะอุดมสมบูรณ์มาก หญ้าที่ขึ้นจึงอร่อย เหมาะแก่การเลี้ยงวัว จึงทำให้มีโรงงานผลิตชีสต่างๆ โดยเฉพาะ ที่มีชื่อที่สุด อร่อยที่สุดคือ Mozzarella ส่งไปขายตามเมืองใหญ่ๆในเวียดนาม


ผลไม้ที่นี่มีเหมือนประเทศไทยทั้งเงาะ ลำไย มะปราง ฝรั่ง ทุเรียน (ซึ่งแม่เฒ่าเจ้าของสวนทุเรียนใหญ่ที่เมืองจันท์บอกว่า สู้ของเราไม่ได้หรอก เพราะเม็ดใหญ่ เนื้อบาง และสีซีดไม่น่ากิน) และมะม่วงซึ่งปลูกมากมายเป็นระเบียบเรียบร้อย สุดลูกหูลูกตา ที่นัทบอกว่าไม่อร่อยเป็นอย่างยิ่ง ชาวเวียดนามนิยมกินมะม่วงไทยมากกว่า เราลองซื้อมาชิมลูกนึงก็เห็นด้วย เพราะรสชาติเหมือนอะไรก็บอกไม่ถูก แต่ไม่ใช่มะม่วงแน่ ลืดๆชืดๆ ไม่มีบุคคลิกความเป็นมะม่วงเลย


พูดถึงตลาดที่เมืองญาจาง(เมืองชายทะเลที่ติดกับนาตรัง ที่มีสนามบินที่เราจะบินกลับไง) มีตลาดใหญ่ทรงคล้ายตลาดวโรรส+จตุจักร ขายทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่อาหารสด…เนื้อสัตว์เช่นไก่ของเขาสดมาก คือใส่กรงไว้เชือดกันเดี๋ยวนั้นเลย! ขนม เสื้อผ้า ข้าวของจิปาถะ ของก็อปเกรดบี แล้วก็อาหารทะเลตากแห้งนานาชนิด ซึ่งเห็นแล้วใจริกๆอยากซื้อกลับมามาก นั่นคือปลาหมึกแห้งเหม็นๆ ขนาดที่แถวถนนประมวญเอามาย่างแล้วยืดเป็นเมตร ขายตัวละหลายร้อยบาทนั่นแหละ ที่นี่ทั้งแพคขายถูกมากกก แต่แม่เฒ่าคู่นอนใจร้ายของอิฉันขู่ว่า ถ้าซื้อมาจะตัดออกจากกองมรดกก็เลยอดกิน แต่ของบอกว่าที่นี่อาหารทะเลสดและถูก เช่นสารพัดหอย กุ้ง ปู ปลา โดยเฉพาะ กุ้งมังกร ราคามิตรภาพมากจนน่าตะลึง!





ในฐานะหญิงรักสวยรักงาม แม้จะแก่ และอวบอึ๋มไปหน่อยก็ตาม เหล่าแม่เฒ่าทุกคนก็อุตส่าห์สอยชุดอ๋าวหญ่ายมาคนละชุดสองชุด เอาไว้แต่งอวดเพื่อนที่ไม่ได้มาด้วยให้อิจฉาตาร้อนเล่นไง!
เม่าชอปปิ้ง


เราปิดท้ายรายการท่องเที่ยวด้วยการไปชมเทวะสถานกลางเมืองชื่อปราสาทโพนนคร สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่7-12 นึกไม่ถึงเลยว่าอารยธรรมขอมได้แผ่ขยายไกลมาถึงเวียดนามนี้


ภายในเทวะสถานมีเทวรูปต่างๆ มีศิวลึงค์และฐานโยนีเหมือนรูปสลักหินใต้น้ำที่กบาลสะเพียนบนทิวเขาพนมกุเลนใกล้นครวัดไม่มีผิด รวมทั้งโบราณวัตถุอื่นๆสมัยขอม ที่นี่เป็นที่ที่พราหมณ์ยังคงประกอบพิธีกรรมต่างๆอยู่เป็นประจำ มีนางรำมาแสดงระบำเทินหม้อให้ดูด้วย ซึ่งแม่เฒ่าทั้ง 5 ก็ไม่ระย่อ แอบแสดงรำไทยถวายเทวะด้วยเหมือนกันเพื่อความเป็นมงคล ก่อนจะเดินทางกลับด้วยปอดสะอาดเอี่ยม เพื่อมาเผชิญกับฝุ่น PM2.5 ที่รัฐบาลโม้ว่าจะแก้ไขให้สำเร็จจนได้อีกวาระหนึ่ง…เฮอะ!
เพี้ยนเซ็งเป็ด
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่