หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แยกรูปนาม เพื่ออะไร
กระทู้สนทนา
มหาสติปัฏฐาน 4
แยกรูปนามความจริงหมายถึงอะไร
แยกรูปนามนั้นเพื่อให้รู้ชัด เห็นความจริงของชีวิ รูปนาม ขันธ์5 ที่ประกอบกันเป็นชีวิต รูปนามกายใจนี้
1.มีจิตเป็นผู้เห็นรูป ด้วยมีวิญญาน ขณะหนึ่ง
2.มีจิตเป็นผู้เห็นนาม ด้วยมีวิญญาน ขณะหนึ่ง
3.มีจิตเป็นผู้เห็นจิต ด้วยมีวิญญาน ขณะหนึ่ง
4.ให้เห็น"ผล" ที่เกิดจากแต่ละคู่ใน 1,2,3 อันเป็นการ"ชำระจิต"
5.เห็นผลแล้ว ก็ให้ทรงอยู่ในผล อันเป็น อารมณ์"ปัจจุบัน "ชั่วขณะจิตหนึ่ง"
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
แยกจิตออกมาเป็นผู้ดู ทำให้เกิดได้อย่างไร
แยกจิตออกมาเป็นผู้ดู คือยกจิตขึ้นความว่าง คือทุกขณะการรับรู้“ให้มีจิตที่ว่างเบาเป็นหลักตั้งอยู่ภายใน” หลักที่ตั้งอยู่ภายใน เป็นสมาธิ อรูปฌาน เป็นอากาสา อากิญ อานันจา ในชั่วลัดนิ้วมือเด
สมาชิกหมายเลข 3237158
การดับของจิตดวงเก่า กับการเกิดของจิตดวงใหม่
การชำระจิต มองผ่านการเห็นการดับของจิตดวงเก่า อันเป็นการดับของตัวตน ตัวตนคือจิตดวงเก่า +อาการรูปนามขันธ์5 จิตใหม่ยังเกิดต่อเนื่อง แต่มีความสะอาด สว่าง มากขึ้น กว่าเดิม
สมาชิกหมายเลข 3237158
ขันธ์5มันทำงาน
การดูจิต คือดูขันธ์5มันทำงาน หนึ่งขณะของการเห็นจะมี“สังขารขันธ์ ”ปรากฏทุกขณะ มองให้ละเอียดลงไปอีก(สมาธิยิ่งตั้งมั่น) จะเห็นจากสังขารขันธ์ แยกกันเป็นรูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาน ปรากฏอยู่
สมาชิกหมายเลข 3237158
ดูลมหายใจ และดับผู้ดูลมหายใจ
ดูลมหายใจ แล้วดับผู้ดูลมหายใจ จะถึงนิพพานได้ในขณะจิตเดียว 1.เมื่อเริ่มจากลมหายใจ ลมหายใจป็นอาการของรูป ความละเอียดของสติ(ผู้ดู)ที่ต่างกัน ลมหายใจจะต่างกัน ตั้งแต่เห็นลึกๆถึงหน้าท้อง ไปจนถึงเลยหัว เลยต
สมาชิกหมายเลข 3237158
“อรูปฌาน” แปลว่า “สมาธิที่ไม่อิงรูป”
“อรูปฌาน” แปลว่า “สมาธิที่ไม่อิงรูป” เป็นภาวะที่จิตละเอียดจนไม่รับรู้ร่างกาย รูป เสียง กลิ่น รส หรือสัมผัสอีกต่อไป อรูปฌาน 4 คือ ผู้มีจิตตั้งมั่นในสมาธิขั้นสูงสุด จนไม่มีร่างก
สมาชิกหมายเลข 2748147
ถึงผลญานคือถึง 1รอบการภาวนา
โสฬสญานเป็นการพิจารณาจิตด้วยการมีกำลังจิตที่แตกต่างกันไปแต่ละขณะ เริ่มจากจิตแยกห่างจากขันธ์5ในญานที่1 อันทำให้จิตมีกำลัง 1.นามรูปญาน >>สัมมสนญาน รูปนามปรากฏในจิตเป็นคนละส่วน ยังไม่เ
สมาชิกหมายเลข 3237158
ที่สุดของอรูปฌานคือความไม่รู้อะไร
พอลองทำ มันก็ยังสาระวนกับรูปและนาม จิตจึงเกิดอาการกวัดแกว่งเพราะการหยิบฉวยสัญญา สังขารจึงเกิด อวิชชาก็เกิด แต่พอลองกำหนด ความไม่รู้ คือที่สุดของความรู้ สภาวะจิตที่แจ่มใสก็ปรากฏ ไม่มีอาการกวัดเเกว่งหรื
สมาชิกหมายเลข 7480164
ยกจิต เป็นอย่างไร
1.ขันธ์5 เป็นตัวที่จิตเข้ามาคลุกคลีแล้ว จิตเปลี่ยน จิตถูกปรุงแต่ง ดั่งman อดกไปเที่ยวนอกบ้านจนลืมคนที่บ้าน 2.ที่บ้านเป็นดั่งจิตอยู่กับตัวจิตเอง มีความสุขอยู่กับที่บ้าน 3.ขณะที่จิตหลง จึงเป็นจิตที่ท
สมาชิกหมายเลข 3237158
ถ้าอยากให้สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้องออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากให้จิตใจแข็งแรงจนสามารถต่อสู้กับกิเลสได้ต้องทำไง
เรารู้กันดีว่า ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง ต้องหมั่นออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากให้จิตใจมีกำลังสู้กับกิเลสล่ะ? ต้องทำไง วันนี้ผมอยากชวนเพื่อน ๆ มาลองแลกเปลี่ยนกันครับ การออกกำลังจิตใจ เรียกว่า มหาสติปัฏฐาน ซึ่
สมาชิกหมายเลข 4122644
แก้กันที่ผล
เมื่อกล่าวถึง จิตตก จิตตกเป็นผล “อันเห็น รู้ กันได้ ตกด้วยอะไรเป็นเหตุ แมวตาย เงินไม่มี ถูกบูลลี่ 9ล9 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็เช่นกัน เป็นเหตุของจิตที่ถูกปรุงแต่ง การแก้จึงไม่ใช่ไปมุ
สมาชิกหมายเลข 3237158
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
มหาสติปัฏฐาน 4
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แยกรูปนาม เพื่ออะไร
แยกรูปนามนั้นเพื่อให้รู้ชัด เห็นความจริงของชีวิ รูปนาม ขันธ์5 ที่ประกอบกันเป็นชีวิต รูปนามกายใจนี้
1.มีจิตเป็นผู้เห็นรูป ด้วยมีวิญญาน ขณะหนึ่ง
2.มีจิตเป็นผู้เห็นนาม ด้วยมีวิญญาน ขณะหนึ่ง
3.มีจิตเป็นผู้เห็นจิต ด้วยมีวิญญาน ขณะหนึ่ง
4.ให้เห็น"ผล" ที่เกิดจากแต่ละคู่ใน 1,2,3 อันเป็นการ"ชำระจิต"
5.เห็นผลแล้ว ก็ให้ทรงอยู่ในผล อันเป็น อารมณ์"ปัจจุบัน "ชั่วขณะจิตหนึ่ง"